ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1851 สุนัขปิศาจ
เมื่อมีคนดูหมิ่นกองทัพเทียนลั่ว เป็นธรรมดาที่กวนไม่อาจจะทนไหว เขาต้องรักษาเกียรติเอาไว้ !
“ เอาชนะเจ้ามันยากรึ ?” จางหยูไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เป็นเสี่ยวเสียที่ทนไม่ไหวและพูดขึ้นมา “ นายท่านพูดกับเจ้าก็ถือว่าไว้หน้าเจ้ามากพอแล้ว เจ้าไม่รู้ที่ต่ำที่สูงจริงๆ !”
กวนมองไปที่เสี่ยวเสียด้วยความแปลกใจ “ สุนัขคิดเข้ามายุ่งรึ ?”
“ หุบปาก !” เสี่ยวเสียโกรธจัด “ เจ้าน่ะสิสุนัข ! ทั้งตระกูลของเจ้านั่นแหละสุนัข !”
กวนฮึดฮัดออกมา “ แค่สุนัขกลับคิดว่าจะเอาชนะข้าได้ หลงตัวเองจริงๆ !”
จางหยูมองค้อนเสี่ยวเสีย ก่อนจะพูดขึ้น “ อย่าใส่ใจเลย มันมักปากไม่มีหูรูด”
“ นายท่าน ท่านจะพูดกับเขาเช่นนั้นทำไมกัน ?” เสี่ยวเสียกังวล “ ไม่ใช่ว่าก็แค่หัวหน้าหน่วยย่อยรึ ? แม้แต่เราก็ยังเอาชนะเขาได้ ท่านไม่ต้องลงมือเองเลยด้วยซ้ำ”
“ ดี !” กวนหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ งั้นมาดูสิว่าเจ้าจะเอาชนะข้ายังไง !”
เขาบินขึ้นไปและพูดขึ้น “ มา ข้ารอให้เจ้ามาเอาชนะอยู่”
“ ได้ ” เสี่ยวเสียบินขึ้นไปเผชิญหน้ากับกวน
จางหยูอยากจะห้ามแต่มันก็สายเกินไปแล้ว
เสี่ยวเสียน่ะมีนิสัยใจร้อน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจางหยูไม่ค่อยไว้ใจเสี่ยวเสียเท่าไหร่
แกมม่าและเย่าหยางพากันมองไปที่คนของสำนักคังเฉียงด้วยสายตาดูถูก
“ สุนัขนี่คือสุนัขของพวกเจ้ารึ?” แกมม่าพูดขึ้นมา “ สบายใจได้ หัวหน้าของเราน่ะดูแลศัตรูเป็นอย่างดี”
เย่าหยางพูดขึ้น “ อย่างมากก็แค่เจ็บตัวแต่ไม่ถึงกับชีวิต”
ลั่วเกาถอนหายใจออกมา “ เรื่องเล็กน้อยแต่กลับทะเลาะกันใหญ่โตเช่นนี้ได้ คงต้องปล่อยให้ได้รับบทเรียน นี่คงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขา”
ลั่วเกามองไปที่จางหยู “ นี่คือประสบการณ์ที่มีค่า ข้าหวังว่าจากนี้เจ้าจะระวังคำพูดเอาไว้ บางคำพูดมิอาจจะพูดออกมาได้ตามใจ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสีย”
ในอากาศ
กวนได้พูดขึ้นมา “ ข้าไม่คิดรังแกเจ้า เจ้าเอาเพื่อนมาช่วยก็ได้”
“ เจ้าหลงตัวเองเกินไปแล้ว” เสี่ยวเสียกัดฟัน “ อย่างเจ้าไม่คู่ควรให้นายท่านลงมือหรอก แค่ข้าคนเดียวก็เพียงพอจะเอาชนะเจ้าได้แล้ว”
กวนหรี่ตาลง “ ดูอ่อนแอแต่กลับพูดจาใหญ่โต”
“ เลิกไร้สาระ ลงมือ !” เสี่ยวเสียแสดงท่าทีหยิ่งทะนงอย่างมาก “ ข้าไม่อยากเสียเวลาที่นี่”
อย่าว่าแต่กวนกับลูกน้องอีกสองคนเลย แม้แต่ลั่วเกาและคนของสำนักคังเฉียงก็ยังอยากจะเข้าไปอัดเสี่ยวเสียด้วยซ้ำ
กวนแสดงสายตาเย็นชาออกมา ต่อมาร่างของเขาก็หายไปก่อนจะมีฝ่ามือพุ่งออกมา
แม้ว่าพลังจะถูกจำกัดโดยโกลาหลซื่อเซียว แต่ก็ยังทำให้คนรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของมันได้ เกิดการระเบิดขึ้นจนทำให้คนในหมู่บ้านพากันตื่นตัว แม้แต่จ้าวโกลาหลที่อยู่ที่อื่นก็ยังพากันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ราวกับพายุลูกใหญ่อัดเข้าใส่เสี่ยวเสีย
แต่ทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าเสี่ยวเสียไม่ได้หลบ มันกลับกระโจนเข้าใส่พายุนั้น
ต่อมาพายุพลังอันน่ากลัวนั้นก็พังลงเพราะเสี่ยวเสีย มันไม่อาจจะทำอะไรเสี่ยวเสียได้เลย
เสี่ยวเสียหยุดและเย้ยหยันออกมา “ นี่คือพลังของเจ้า? เจ้าสะกิดข้ารึไง ?”
ลั่วเกา, แกมม่า, เย่าหยางและคนในหมู่บ้านต่างก็พากันตะลึงและเหลือเชื่อ
แม้ว่ากวนจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดแต่พลังที่น่ากลัวแบบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จ้าวโกลาหลทั่วไปจะรับมือไหว แต่เสี่ยวเสียกลับรับมือมันได้ง่ายๆโดยไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
ครั้งนี้กวนไม่ได้ออมมืออีกต่อไป เขาระเบิดพลังอันน่ากลัวออกมา
ท้องฟ้าเริ่มแยกออกจากกัน เมฆเริ่มเปลี่ยนสี มันทำให้ทุกคนรู้สึกกดดันไปตาม มันราวกับจุดจบของโลก พลังนี้น่ากลัวจนทุกคนต้องใจสั่น
นี่คือพลังที่แท้จริงของหัวหน้าหน่วยย่อยจากกองทัพเทียนลั่ว !
“ เจ้าร้องขอความเมตตาตอนนี้ก็ยังไม่สาย” กวนพูดขึ้นมา เสี่ยวเสียกัดฟัน “ ไร้สาระ ! ข้าไม่ได้กลัวเลยสักนิด !”
“ ก็ดี !” กวนฮึดฮัดออกมาและควบคุมพลังด้วยนิ้วก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นสายฟ้าผ่าเข้าใส่เสี่ยวเสีย
ตูม !
ในพริบตาสายฟ้าก็ผ่าลงที่ร่างของเสี่ยวเสีย สายฟ้าปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเสี่ยวเสีย
โลกถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย
“ ฮ่าฮ่า….สดชื่นดีจริงๆ !” เสี่ยวเสียที่ตัวอาบไปด้วยสายฟ้ากลับระเบิดพลังที่น่ากลัวกว่าเดิมออกมา “ เย็นดี เอามาอีก !”
ทุกคนต่างก็ตาเบิกกว้าง
แกมม่าสับสน “ เขาโดนฟ้าผ่าแต่ไม่เป็นไรเลยรึ ?”
เย่าหยางเองก็สับสนเช่นกัน “ หัวหน้าออมมือรึ ?”
“ เจ้านั่น…” ลั่วเกาเงยหน้าขึ้นมอง “ ไม่ธรรมดาเลย !”
เขาเคยรู้สึกว่าคนของสำนักคังเฉียงต่างก็แข็งแกร่ง หลังจากที่ได้รู้ว่าคนของสำนักคังเฉียงเป็นพวกหน้าใหม่ เขาถึงคิดว่าสัญชาตญาณของเขาผิดไป จนตอนนี้ลั่วเกาก็ยืนยันได้แล้วว่าสัญชาตญาณของเขาไม่ผิด คนกลุ่มนี้มีพลังที่น่ากลัวจริงๆ
พวกนี้แกร่งกว่าตอนที่เขายังรุ่งโรจน์อีก
เพียงแค่ว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ?
พวกนี้เป็นหน้าใหม่จริงๆรึ ?
เมื่อเห็นเสี่ยวเสีย กวนก็เงียบไป
เขามองเสี่ยวเสียด้วยสีหน้าซับซ้อนและพูดขึ้น “ ข้ายอมรับว่าดูถูกเจ้าไป”
เขาคิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเสียจะแกร่งได้เช่นนี้
“ เจ้ามีความแข็งแกร่งพอๆกับข้า..” กวนพูดขึ้นช้าๆ “ งั้นเจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าไม่สนใจเข้าร่วมกองทัพเทียนลั่ว” ด้วยความแข็งแกร่งของเสี่ยวเสียแล้ว แม้แต่ในกองทัพเทียนลั่วก็ยังได้เป็นทหารระดับกลาง อย่างน้อยก็เป็นหัวหน้าหน่วยได้
“ ยอมแพ้แล้วรึ ?” เสี่ยวเสียแปลกใจ “ หัวหน้าหน่วยย่อยยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้เลยรึ ?”
“ ข้าไม่ได้ยอมแพ้ แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแต่หากคิดจะเอาชนะข้า มันคงไม่ง่าย” ในมือของเขาปรากฏเคียวขึ้นมา ขณะกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ “ เคียวนี่ข้าเรียกมันว่าเคียวแห่งความตาย มันคือสมบัติขั้นกลาง ข้าได้มันมาเมื่อหลายล้านปีก่อน ข้าเก็บมันไว้นาน ”
เสี่ยวเสียแสดงสีหน้าหนักใจออกมา มันรู้สึกได้ถึงอันตรายจากเคียวนี่
แต่มันก็ยังปากกล้าอยู่ดี “ แค่เคียวโทรมๆคิดว่าข้าจะกลัวรึไง ?”
กวนไม่ได้ใส่ใจ เขาเทพลังลงไปในเคียวจนทุกคนรับรู้ได้ถึงพลังที่น่ากลัว
“ รับมือ” กวนพึมพำออกมาเบาๆก่อนจะพุ่งเข้าหาและฟันเคียวออกไป
แสงสว่างส่องประกายขึ้นมาราวกับโลกโดนผ่าออกเป็นสองส่วน แสงอันน่ากลัวพุ่งเข้าใส่ร่างของเสี่ยวเสียอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวเสียบาดเจ็บแต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต
ในตอนที่รับมือการโจมตีได้แล้ว เสี่ยวเสียก็ไม่ได้อยู่เฉย มันพุ่งเข้าหากวนอย่างรวดเร็ว จนกวนต้องยกเคียวขึ้นมาขวางหน้าเอาไว้แต่ก็ยังต้องกระเด็นออกไปอยู่ดี
ตูม ! กวนตกไปกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง เนินเขานอกหมู่บ้านถึงกับถล่มลง
สุดท้ายเสี่ยวเสียก็คำถามออกมา “ ใครอีก ! “
ลั่วเกา, แกมม่า, เย่าหยางและยอดฝีมือในหมู่บ้านพากันนิ่งอึ้งราวกับมันคือความฝัน
เงียบสนิท !
ทุกคนต่างก็ตะลึง
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของหมู่บ้านเสี่ยวอัน คนที่ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของหมู่บ้านเสี่ยวอัน กลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้รึ?
สุนัขปิศาจนี่น่ากลัวจริงๆ
ต้องรู้ก่อนว่ากวนได้ใช้เคียวที่เป็นสมบัติขั้นกลางด้วย แต่เสี่ยวเสียก็ยังเอาชนะมาได้ มันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายที่ต่างกันเกินไป แม้ว่าจะมีพลังของสมบัติเพิ่มให้แต่ก็ไม่อาจจะชดเชยช่องว่างนี้ได้