ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1889 ความแค้นครั้งใหม
ตอนนั้นเก่อเย่ก็ได้กลับไป
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้พบกับจางหยูเลย
การตรวจสอบทีมคังเฉียงได้จบลงแล้ว
เขาไม่อยากจะกลับ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ แค่ร่างแยกสามคนกับเจ้าสำนักสาขาก็ทำให้เขาหมดสภาพแล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงจางหยูเลย
เดาว่าแม้ว่าเขาจะมีโอกาสได้พบกับจางหยูจริงๆ แต่ก็คงไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้า
เก่อเย่ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อออกจากโกลาหลหินมา
เมื่อรับรู้ได้ถึงจิตที่อ่อนแอของตน เก่อเย่ก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา
ใครจะไปคิดว่าการเดินทางมาตรวจสอบครั้งนี้ เกือบจะทำให้เขาต้องมาตายที่นี่ หากไม่ใช่เพราะคนของสำนักคังเฉียงไม่อยากจะฆ่าเขา เกรงว่าเขาคงไม่อาจจะรอดจากที่นั่นได้ !
เมื่อคิดถึงกลุ่ม ‘ นักเลง ’ พวกนั้น เก่อเย่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น สายตาของเขาเริ่มแสดงท่าทีลนลานออกมาอีกครั้ง
นี่คือความโหดร้ายและเรื่องราวที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ของแม่ทัพ เขาจะไม่มีทางลืมมันไปได้ตลอดชีวิต !
ประสบการณ์ครั้งนี้คงกลายเป็นแผลในใจของเขาอย่างไม่มีทางจะลบเลือน !
….
“ ปล่อยเขาไปรึ ?” เจ้าสำนักมองจางลู่ “ ดูเหมือนว่าเราจะสู้กันได้ดีอยู่นิ ?”
จางลู่พูดขึ้น “ เขาเป็นคนของซื่อเซียว อย่างมากเราก็ทำได้แค่อัดเขา หากต้องการจะฆ่าเขาจริงๆแล้ว ซื่อเซียวคงไม่มีทางยอมแน่..”
ความว่างเปล่าได้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ ชายคนนี้ไม่ได้แสดงท่าทีต่อเราดีนัก มันแสดงให้เห็นถึงท่าทีของซื่อเซียวได้ ดูเหมือนว่าเราต้องเพิ่มการป้องกันมากกว่าเก่า “
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นร่างแยกของจางหยู แต่พวกเขาต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง หากตายไปแล้วก็เท่ากับตายจริงๆ
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่อยากจะฉีกหน้าซื่อเซียว อย่างน้อยก็จนกว่าพวกเขาจะรับมือกับซื่อเซียวได้บ้าง
และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขายังอยากจะไปยังเขตซื่อเซียวเพื่อหาเงิน หากผิดใจกับซื่อเซียวเกินไป นี่ไม่ต้องพูดถึงลูกปัดดั้งเดิมเลย เดาว่าทันทีที่พวกเขาเข้าไปในเขตซื่อเซียว พวกเขาคงโดนซื่อเซียวแก้แค้น
“ โชคดีที่ร่างหลักได้สร้างชื่อเสียงก่อนจะออกจากเขตซื่อเซียวมา ” ความว่างเปล่าพูดขึ้น “ ไม่งั้นแล้วซื่อเซียวอาจจะลงมือกับเราหนักกว่านี้ก็ได้…” ตอนนี้จางหยูยังเก็บตัวอยู่ แม้ว่าซื่อเซียวจะไม่ได้เป็นมิตรกับสำนักคังเฉียง แต่ก็น่าจะไว้หน้ากันบ้าง เขาคงไม่กล้าจะทำอะไรตามใจ
“ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของซื่อเซียวถึงได้ดูไม่เป็นมิตรแบบนี้ เราเป็นคนฝั่งเผ่าชีวิตไม่ใช่รึไง ?” เจ้าสำนักถามขึ้นมา
จางลู่ส่ายหน้า “ มันค่อนข้างแปลก ตามเหตุผลแล้ว แม้ว่าซื่อเซียวจะไม่ได้เป็นมิตรกับเรา แต่ก็ไม่น่าจะเกลียดเรา…”
แน่นอนพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซื่อเซียว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงเข้าใจว่าทำไมซื่อเซียวถึงได้รู้สึกแย่กับสำนักคังเฉียง
ยังไงซะ จางหยูก็เป็นคนป้ายความผิดให้กับซื่อเซียว
“ เราจะไปยังเขตซื่อเซียวดีรึไม่ ?” เจ้าสำนักลังเลและถามขึ้นมา
จางลู่พึมพำออกมา “ รอไปก่อน รอดูว่าซื่อเซียวจะมีท่าทีอย่างไร ”
หากซื่อเซียวตัดสินใจเป็นศัตรูกับสำนักคังเฉียง งั้นแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ก็ไม่กล้าจะเข้าไปในเขตซื่อเซียว ซื่อเซียวสามารถฆ่าพวกเขาได้ในพริบตา หรือต่อให้ไม่โดนซื่อเซียวกักขังเอาไว้ และออกมายังทะเลโกลาหลได้ แต่พวกเขาก็เดาว่า พวกเขาคงไม่อาจจะหนีพ้นความตายไปได้
ช่องว่างระหว่างจักรพรรดิกับแม่ทัพนั้นมีมากเกินไป แม้แต่แม่ทัพชั้นนำก็ไม่อาจจะต้านทานจักรพรรดิได้ นี่ไม่ต้องนับพวกเขาเลย
ท่าทีของซื่อเซียวนั้นสำคัญกับสำนักคังเฉียงอย่างมาก
มันจะบ่งบอกได้ว่าสำนักคังเฉียงจะทำยังไงต่อไป
…
ในอีกด้าน
เก่อเย่ที่สภาพจิตอ่อนแอก็ได้กลับมายังเขตซื่อเซียวแล้ว
จ้าวโกลาหลที่ดูแลหมู่บ้านเสี่ยวอันรวมถึงคนจากกองกำลังต่างๆล้วนได้ข่าวการกลับมาของเก่อเย่
ลั่วเกาได้เข้าไปต้อนรับเก่อเย่ และถามถึงสถานการณ์
แต่เก่อเย่กลับสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอด
เขาไม่พูดถึงเรื่องทีมคังเฉียงแม้แต่น้อย เขาทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม
ไม่นาน เก่อเย่ก็ได้ออกจากหมู่บ้านและกลับไปยังสำนักงานของกองทัพสังเกตการณ์
เมื่อกลับมายังสำนักงาน เก่อเย่ก็นึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสำนักคังเฉียง ปากของเขาถึงกับสั่น
พักได้ครึ่งวัน เก่อเย่ก็สงบจิตสงบใจลงได้ เขากดความกลัวในใจและดึงเอาหยกออกมา ก่อนจะเปิดใช้งานเพื่อติดต่อกับจักรพรรดิ !
แรงกดดันอันสูงส่งได้สลายไป ก่อนจะมีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในสำนักงาน ร่างนั้นดูสง่าราวกับสลักออกมาจากหยก
“ จักรพรรดิ !” เก่อเย่คุกเข่าให้ทันที
ชายหนุ่มลอยอยู่ในอากาศและมองมาที่เก่อเย่ ก่อนจะเห็นว่าเก่อเย่นั้นอ่อนแอลงเพียงใด
ซื่อเซียวขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นมา “ เจ้าบาดเจ็บมารึ ?”
ไม่ใช่แค่บาดเจ็บ แต่ยังบาดเจ็บหนักด้วย จิตของเขาอ่อนแออย่างมาก หากบาดเจ็บหนักกว่านี้ เดาว่าคงส่งผลต่อแก่นของตัวเอง มันอาจจะเป็นภัยถึงชีวิตได้
โชคยังดีที่คนของสำนักคังเฉียงไม่มั่นใจในท่าทีของซื่อเซียว พวกนั้นจึงไม่ได้กำจัดเก่อเย่ทิ้ง ไม่งั้นแล้วเก่อเย่คงไม่อาจจะกลับมาได้
ซื่อเซียวถามขึ้นมา “ ใครทำร้ายเจ้า ?”
เสียงของเขาแฝงไปด้วยความโกรธ มันไม่ใช่เพราะเขาเป็นห่วงเก่อเย่ แต่เพราะมันทำให้เขาเสียหน้า
เก่อเย่เป็นแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์ นี่คือตัวแทนของซื่อเซียว การทำร้ายเก่อเย่ก็เท่ากับเป็นการตบหน้าเขา !
“ ทีมคังเฉียง” เก่อเย่ไม่กล้าปิดบัง “ ทีมคังเฉียงไม่ได้อ่อนแอ พวกเขาน่ากลัวกว่านั้น พวกเขามีแม่ทัพมากกว่า 20 คน หลังจากที่ข้าพบตำแหน่งของทีมคังเฉียงแล้ว ข้าได้ไปที่นั่น ผลก็คือแม้แต่หัวหน้าทีมคังเฉียงข้าก็ไม่มีสิทธิ์ได้พบ ร่างแยกของเขาสามคน รวมถึงเจ้าสำนักสาขาทำให้ข้าบาดเจ็บหนักกลับมา”
“ ทีมคังเฉียงงั้นหรือ ?”
เขารู้ว่าทีมคังเฉียงนั้นแข็งแกร่ง หัวหน้าทีมนั้นลึกลับและน่าทึ่ง…แต่แม่ทัพมากกว่า 20 คนนี่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องล้อเล่นรึไง ?
เมื่อเห็นท่าทีสงสัยของซื่อเซียว เก่อเย่ก็รีบพูดขึ้นมา “ จักรพรรดิ ข้าไม่มีทางพูดโกหกท่าน !”
เขาบอกรายละเอียดที่เกิดขึ้น “ ตอนแรกข้าได้สู้กับร่างแยกทั้งสามของเขา ซึ่งก็ยังพอรับมือไหว จากนั้นก็มีเจ้าสำนักสาขาอีกกว่า 20 คน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ไม่ได้ด้อยกว่าร่างแยกทั้งสามเลย พวกนั้นถึงกับร่วมมือกันโจมตีข้า…”
พูดไปแล้ว เก่อเย่ก็แสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมา “ ภายใต้การโจมตีของพวกนั้น ข้าไม่อาจจะตอบโต้ได้ ข้าพ่ายแพ้กลับมา ร่างของข้าโดนทำลายไปกว่าร้อยครั้ง จิตของข้าเสียหายจนแทบจะพัง…หากพวกนั้นไม่รู้ฐานะของข้า ข้าคงตายไปแล้ว ข้ากลัวว่าข้าคงไม่อาจจะกลับมาได้ ”
“ ทีมระดับราชาแต่กลับมีแม่ทัพถึง 20 คนเลยรึ !” ซื่อเซียวอึ้ง
ยิ่งไปกว่านั้นร่างแยกของหัวหน้าทีมคังเฉียงก็มีความแข็งแกร่งถึงระดับแม่ทัพ !
ต้องรู้ก่อนว่าร่างแยกของเขาไม่อาจจะแกร่งกว่านี้ได้
“ ข้าขออภัยด้วยจักรพรรดิ ” เก่อเย่ละอายใจขึ้นมา “ ข้าไม่ได้พบกับหัวหน้าทีมคังเฉียง ข้าโดนพวกเขาไล่กลับมา ข้าไม่อาจจะทำภารกิจที่ท่านมอบหมายให้ ได้สำเร็จ” เขาเสียเวลาไปกว่าครึ่งวันแต่ก็ไม่ได้พบกับจางหยู เขาที่เป็นถึงแม่ทัพ…รู้สึกละอายใจจริงๆ
แต่ปัญหาคือทีมคังเฉียงนั้นแข็งแกร่ง เขาไม่อาจจะเข้าไปด้านในสำนักคังเฉียงได้เลย
“ ทีมคังเฉียง สำนักคังเฉียงงั้นหรือ ?” ซื่อเซียวแสดงสีหน้าเย็นชาขึ้นมา “ พวกนั้นกล้าดีกันจริงๆ แม้แต่คนของข้าก็ยังกล้าที่จะทำร้าย !”
นอกจากจักรพรรดิแล้ว มันมีใครที่กล้าไม่ไว้หน้าเขาอีก !
แต่เป็นแบบนี้ได้ยังไง ?
“ ข้าจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง ดูสิว่าพวกนั้นจะหยิ่งทะนงแค่ไหนกัน” ซื่อเซียวพูดขึ้น
เขาไม่อาจจะส่งร่างหลักไปได้ แต่เขาจะส่งร่างแยกไป แม้ว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่อาจจะเป็นภัยถึงร่างหลักได้
เมื่อคิดแบบนั้นซื่อเซียวก็บอกกับเก่อเย่ “เจ้าทำได้ดีแล้ว เจ้าไปพักก่อนเถอะ”
ระหว่างที่พูดนั้นเขาก็ได้สะบัดมือ ก่อนจะมีขวดหยกปรากฏขึ้นแล้วลอยไปหาเก่อเย่
“ นี่คือสมบัติที่จะช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเจ้า มันมีค่าและหายากอย่างมาก นี่คือค่าชดเชยที่ข้าจะให้กับเจ้า” ซื่อเซียวไม่มีทางปล่อยให้เก่อเย่บาดเจ็บแบบนี้ได้ หากเขาไม่ช่วยแล้วใครจะทำงานให้กับเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจชีวิตของเก่อเย่ แต่เขาก็ต้องรักษาภาพพจน์ของเขาเอาไว้
เมื่อเก่อเย่กลับไป ซื่อเซียวก็แสดงสีหน้าปวดใจออกมา
ยานั่นแม้แต่จักรพรรดิแล้วก็มีค่าอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะเก่อเย่บาดเจ็บจากการทำงานให้กับเขาแล้ว เขาคงไม่มีทางให้ยาที่มีค่าแบบนั้นกับเก่อเย่เป็นแน่
“ สำนักคังเฉียง !” ซื่อเซียวจำคำนี้ไว้แม่น “ บัญชีแค้นครั้งนี้ข้าจะไปสะสางเอง !”
ต่อมาก็มีลำแสงส่องประกายขึ้น ก่อนจะมีร่างที่หน้าตาเหมือนกับซื่อเซียวปรากฏขึ้นมา
ร่างนั้นได้พุ่งไปยังหมู่บ้านเสี่ยวอันก่อนจะเดินทางเข้าไปในทะเลโกลาหล จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังโกลาหลหินทันที