ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1902 อัจฉริยะฟ้าประทาน
“ พ่อของเจ้าเป็นอัจฉริยะ เขาคือคนที่โดดเด่นอย่างมาก !” เมื่อพูดถึงพ่อของซุนกวน ซูจิงก็นึกถึงความหลังแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างช้าๆ “ นับตั้งแต่ทะเลโกลาหลได้ถือกำเนิด นอกจากจักรพรรดิแล้ว พ่อของเจ้าก็เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ในทะเลโกลาหล เขาโดดเด่นซะจนจักรพรรดิซื่อเซียวต้องมาหาอยู่หลายครั้ง!”
ทุกคนพากันมองซูจิงด้วยความแปลกใจ
แท้จริงแล้วซุนกวนมีที่มาที่โดดเด่นเช่นนั้นเลยรึ ?
พ่อของเขาเป็นแม่ทัพรึ?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีแค่แม่ทัพเท่านั้นที่จักรพรรดิจะมาหาด้วยตัวเองแบบนี้
“ ปีนั้น เผ่าชีวิตกับเผ่าสวรรค์ได้ทำสงครามติดต่อกันมาหลายปี เผ่าชีวิตเป็นฝ่ายถูกโจมตีจนล่าถอย แม้แต่จักรพรรดิของเผ่าชีวิตทั้งสี่ก็จนปัญญาจะแก้ไขสถานการณ์ แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีอัจฉริยะฟ้าประทานคนหนึ่งปราฏตัวขึ้นมา ไม่มีใครรู้ที่มาของเขา ไม่มีใครรู้ขีดจำกัดและพรสวรรค์ของเขา ผู้คนรู้แค่ว่าเขาชื่อซุนเหลียนเฉิง ตอนที่ซุนเหลียนเฉิงปรากฏตัวขึ้นมานั้น เขาก็ได้แสดงความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อออกมา ยิ่งไปกว่านั้นบุคลิกของเขาก็ดูสง่าอย่างมาก ด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาด เขาได้พาจ้าวโกลาหลเผ่าชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ขัดขวางการโจมตีของเผ่าสวรรค์เอาไว้และประคองสถานการณ์ในการรบได้”
“ ตอนนั้นนอกจากการปะทะกันของแม่ทัพแล้ว จ้าวโกลาหลทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้าห้ำหั่นกัน สงครามแต่ละครั้งวุ่นวายอย่างมาก แต่เพราะการปรากฏตัวของเขา ทำให้ฝั่งเผ่าชีวิตมีระบบกันมากขึ้น แม้แต่คนที่แข็งแกร่งก็ยังต้องฟังคำสั่งของเขา แม้ว่าเผ่าชีวิตจะอ่อนแอกว่าแต่ก็พอต้านทานเผ่าสวรรค์เอาไว้ได้ “ “ ซุนเหลียนเฉิงอาจจะไม่ใช่แม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เขาคือแม่ทัพที่โดดเด่นที่สุด เขาโดดเด่นกว่าแม่ทัพที่แกร่งกว่าเขา และเขาได้กลายเป็นคนที่ได้รับความเคารพจากผู้คนนับไม่ถ้วน !”
“ เขาคืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในตอนนั้น ! เขาคือแม่ทัพที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใจของผู้คน !”
“ เพราะการปรากฏตัวของเขาจึงทำให้กำเนิดกองทัพซื่อเซียว, กองทัพตงหยางและกองทัพอื่นๆขึ้นมา”
“กล่าวได้ว่าเขาได้พลิกสถานการณ์ในการรบ และทำให้เผ่าชีวิตได้พักหายใจ…ตอนที่รุ่งโรจน์ ชื่อเสียงของเขาเกือบจะทัดเทียมกับจักรพรรดิทั้งเก้า แม้แต่คนในเผ่าสวรรค์ก็ยังต้องชื่นชมเขา”
“ ซุนเหลียนเฉิงโดดเด่นซะจนคนอื่นๆดูด้อยไปเลย จักรพรรดิทั้งเก้าต่างก็ชื่นชมซุนเหลียนเฉิงอย่างมาก พวกเขาอยากได้ซุนเหลียนเฉิงมาอยู่ใต้บัญชาการ แม้แต่จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ก็ยังรับปากด้วยตัวเองว่า หากซุนเหลียนเฉิงยอมเข้าร่วมกับเผ่าสวรรค์ พวกเขาจะให้ลูกปัดนับไม่ถ้วนรวมถึงสมบัติระดับสมบูรณ์และสมบัติอื่นๆด้วย”
“ ซุนเหลียนเฉิงได้เลือกเข้าร่วมกับจักรพรรดิซื่อเซียว และได้ก่อตั้งกองกำลังที่ชื่อว่ากองทัพซื่อเซียวขึ้นมา ! ตอนนั้นภายใต้การนำของซุนเหลียนเฉิง กองทัพซื่อเซียวก็สามารถเอาชนะเผ่าสวรรค์ได้ทุกสมรภูมิ จนเผ่าสวรรค์ต้องหนีไป นั่นคือช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุดของกองทัพซื่อเซียว ทหารทุกคนต่างก็ภาคภูมิใจกับการได้เป็นทหารของกองทัพซื่อเซียว !”
“ เพียงแต่ซุนเหลียนเฉิงนั้นเย่อหยิ่งเกินไป แม้ว่าเขาจะภักดีต่อจักรพรรดิซื่อเซียว แต่เขาก็มองว่านั่นเป็นความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน เขาไม่ได้มองจักรพรรดิซื่อเซียวเป็นเจ้านาย เขากล้าตำหนิข้อบกพร่องของจักรพรรดิซื่อเซียว ทำให้จักรพรรดิซื่อเซียวนั้นทั้งรักและเกลียดเขา สุดท้ายจึงได้ก่อตั้งหน่วยพิเศษขึ้นมาอย่างกองทัพสังเกตการณ์เพื่อจับตาดูกองทัพซื่อเซียวเอาไว้ ผู้นำกองทัพนี้คือเก่อเย่”
“ เป้าหมายเดิมของกองทัพสังเกตการณ์คือ จับตาดูกองทัพซื่อเซียวเพื่อป้องกันความวุ่นวายที่กองทัพซื่อเซียวอาจจะสร้างขึ้นมา หรือเพื่อรับมือกับซุนเหลียนเฉิง จนกระทั่งหน่วยนั้นได้เติบโตขึ้น จึงได้รับหน้าที่มากขึ้น”
“ ทัศนะคติของจักรพรรดิซื่อเซียวที่มีต่อซุนเหลียนเฉิงนั้นขัดแย้งกันอย่างมาก เขาทั้งชื่นชม ทั้งให้ความสำคัญกับซุนเหลียนเฉิง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่พอใจและคอยระวังซุนเหลียนเฉิง จนกระทั่งวันหนึ่ง ซุนเหลียนเฉิงและจักรพรรดิซื่อเซียวได้มีเรื่องไม่พอใจกันขึ้นมา จนต้องแยกตัวกันไป สาเหตุเพราะซุนเหลียนเฉิงได้นำกองทัพซื่อเซียวบุกโจมตีดินแดนของเผ่าสวรรค์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากจักรพรรรดิ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซุนเหยียน, ซุนเมิ่งและคนอื่นๆต่างก็พากันกลั้นหายใจ “ ตอนเริ่มต้นสงคราม กองทัพซื่อเซียวได้โจมตีและยึดดินแดนกลับมาได้ กองทัพเผ่าสวรรค์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป หากไม่มีอะไรผิดพลาด ในสงครามครั้งนั้นคงเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าชีวิต มันจะเป็นครั้งแรกที่เผ่าชีวิตสามารถสยบเผ่าสวรรค์ได้อย่างขาดลอย !”
“ เพียงแต่ว่า…หลังจากที่กองทัพฉิวหวังล่าถอย สองกองทัพที่อยู่ใต้บัญชาการของจักรพรรดิฉิวหวัง อย่างกองทัพศักดิ์สิทธิ์และกองทัพปีศาจจึงเริ่มเคลื่อนไหว สองกองทัพนั้นร่วมมือกับกองทัพฉิวหวังเข้าโจมตีกองทัพซื่อเซียว ซุนเหลียนเฉิงไม่คิดจะถอย เขาได้พากองทัพเข้าต้านทาน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีกำลังเสริมมาเลย”
“ สุดท้าย ภายใต้การทุ่มเทของกองทัพฉิวหวัง กองทัพศักดิ์สิทธิ์และกองทัพปีศาจ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็สามารถทำลายกองทัพซื่อเซียวได้ ซุนเหลียนเฉิงโดนฆ่าในสงครามครั้งนั้น ทหารทุกคนไม่มีใครยอมแพ้และไม่มีใครหนีออกมา !”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซุนจิงก็แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา แม้ว่าเขาจะไม่พอใจกับพฤติกรรมของซุนเหลียนเฉิงขนาดไหน แต่เขาก็ยอมรับในตัวซุนเหลียนเฉิงและทหารทุกคน กองทัพซื่อเซียวคือกองทัพที่ยิ่งใหญ่
ทุกคนต่างก็พากันอึ้ง มันยากจะคิดได้ว่าคนแบบไหนกันที่ทำให้ทหารนับไม่ถ้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้และสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย โดยที่ไม่มีใครหนีรึยอมแพ้แม้แต่น้อย… ซุนเหลียนเฉิงทำได้ยังไง ? เขาสร้างกำลังใจแบบนั้นขึ้นมาได้ยังไง ?
“ ซุนเหลียนเฉิงตายไป แม้ว่าเผ่าสวรรค์จะจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักในการฆ่าเขา แต่ก็ยังพอพักหายใจได้บ้าง สำหรับฝั่งเผ่าชีวิตแล้ว ไม่ต้องเดาเลยว่าการตายของซุนเหลียนเฉิงนั้นถือว่าเสียหายอย่างมาก ! “
“ข่าวที่ซุนเหลียนเฉิงและกองทัพซื่อเซียวโดนกำจัดไปนั้น ก็เริ่มเผยแพร่ออกมาบางคนบอกว่าเรื่องนี้อาจจะดูเหมือนกับว่า ซุนเหลียนเฉิงได้แสดงความยิ่งใหญ่ของเขตซื่อเซียว แต่อันที่จริงแล้วมันคือการส่งกองทัพซื่อเซียวไปตายต่างหาก บางคนคิดว่าซุนเหลียนเฉิงคือสายลับของเผ่าสวรรค์ เป้าหมายของเขาก็คือขัดขวางการพัฒนาของกองทัพซื่อเซียว ซึ่งการตายของกองทัพซื่อเซียวคือข้อพิสูจน์…”
“ เพื่อที่จะสยบความคิดเห็นของผู้คน จักรพรรดิซื่อเซียวก็ได้สั่งให้กองทัพสังเกตการณ์ตรวจสอบเรื่องนี้ และจัดตั้งกองทัพซื่อเซียวขึ้นมาใหม่…”
“ เก่อเย่ แม่ทัพของกองทัพสังเกตกาณ์เคยมีความบาดหมางกับซุนเหลียนเฉิง เพราะว่าซุนเหลียนเฉิงเคยหัวเราะเยาะและดูถูกเขา ดังนั้นในตอนที่ตรวจสอบจึงปลอมแปลงหลักฐานขึ้นมาจำนวนมาก และบังคับให้ภรรยาของซุนเหลียนเฉิงต้องตาย…”
“ จากนั้นกองทัพซื่อเซียวก็ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ แต่กองทัพซื่อเซียวนี้ไม่ใช่แบบเดิมอีกต่อไป”
“ กองทัพสังเกตการณ์หาตัวลูกชายของซุนเหลียนเฉิงไม่พบ และไม่พบความผิดใดๆในเรื่องนี้ จึงไม่อาจจะบอกได้ว่าซุนเหลียนเฉิงหักหลังเผ่าชีวิตรึไม่ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ แต่กองทัพสังเกตกาณ์จงใจป้ายความผิดให้กับซุนเหลียนเฉิง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชี้ชัด แต่ซุนเหลียนเฉิงก็ยังโดนตราหน้าว่าเป็นคนทรยศและโดนด่าทอโดยผู้คนนับไม่ถ้วน”
“ พวกเขาเคยเคารพซุนเหลียนเฉิงมากแค่ไหน ตอนนี้พวกเขาก็เกลียดซุนเหลียนเฉิงมากเท่านั้น”
“ นี่คือเรื่องราวของซุนเหลียนเฉิง อัจฉริยะฟ้าประทานที่เคยถูกเรียกว่าวีรบุรุษและคนทรยศของเผ่าชีวิต”
ซูจิงมองไปที่ซุนเหยียน “ ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับรึไม่แต่ชายคนนี้ก็เป็นพ่อของเจ้า !”
“ บัดซบ !” เสี่ยวเสียฮึดฮัดออกมา “ เก่อเย่ผู้นี้ไม่คิดเลยว่าจะชั่วช้าขนาดนั้น ! หากข้ารู้เช่นนี้ ข้าคงฆ่าเขาไปแล้ว !”
ซุนเมิ่งกำหมัดแน่น แม้ว่านางกับซุนเหลียนเฉิงจะห่างกันไม่รู้กี่รุ่น แต่ซุนเหลียนเฉิงก็เป็นบรรพชนของนาง ทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน หากไม่รู้เรื่องของซุนเหลียนเฉิง นางอาจจะอยู่เฉยได้ แต่เมื่อรู้แล้วนางก็ไม่อาจจะนิ่งเฉยได้
ซูจิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วหันไปมองจางหยู ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้เจ้าสำนักและทุกคนช่วย พวกเขาได้ป้ายความผิดให้กับซุนเหลียนเฉิง เราควรลงโทษคนที่ป้ายความผิดให้กับซุนเหลียนเฉิงและภรรยา”
คนที่เขาห่วงจริงๆไม่ใช่ซุนเหลียนเฉิง แต่เป็นพี่และหลานของเขา
“ ไม่ต้องรีบร้อน” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ เก่อเย่ก็แค่ตัวตนเล็กน้อยจะจัดการตอนไหนก็ได้ ก่อนอื่นข้าจะต้องยืนยันก่อนว่าที่เจ้าพูดมานั้นเป็นความจริง แน่นอนว่าหากเรื่องนี้เป็นความจิรง งั้นข้าก็บอกเจ้าได้ว่า ชีวิตของเก่อเย่ต้องจบสิ้น ไม่มีใครปกป้องเขาได้”
“ ไม่มีใครทำได้ !” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งลาน