ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1905 ความหวังที่ก่อตัวขึ้นใหม
เขตซื่อเซียว หมู่บ้านเสี่ยวอัน
อยู่ๆก็มีการเคลื่อนไหวด้านนอกเขตซื่อเซียวทำให้ทหารพากันหันกลับไปมอง
คนกว่ายี่สิบคนได้เดินทางเข้ามาในช่องทางของหมู่บ้าน
เมื่อเห็นว่ามีคนมากมายโผล่มา ยามก็พากันตกใจ
ครั้งที่แล้วที่เห็นคนมากมายแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมา ก็คือตอนที่ทีมคังเฉียงเดินทางมาที่นี่
“ ช้าก่อน นี่มัน…เจ้าสำนักรึ ?” เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นตา สือฉีก็ตื่นเต้นขึ้นมา แต่ยังไม่ทันได้ใจเย็นลงก็พบว่ามีเจ้าสำนักถึงสามคน เขาแสดงท่าทีสับสนออกมาทันที “เจ้าสำนัก… 3 คนรึ ?”
ยามทุกคนต่างก็พากันสับสน เจ้าสำนักสามคน นี่มันอะไรกัน?
แม้ว่าจางลู่และคนอื่นๆจะมายังเขตซื่อเซียวเป็นครั้งแรก แต่พวกเขาก็ได้รับความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่มาจากจางหยูแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้แปลกใจอะไรกับที่นี่ พวกเขาถึงกับรู้จักสือฉีและคนอื่นๆด้วย
“ หัวหน้าสือฉีรึ ?” จางลู่มองไปที่สือฉีที่อยู่ไม่ไกลนัก
สือฉีรีบเข้าไปต้อนรับและทำความเคารพจางลู่และคนอื่นๆ เขาไม่รู้ว่าจะเรียกคนเหล่านี้ว่าอะไรดี “ ท่าน ท่านคือเจ้าสำนักรึ ?”
“ เจ้าจะคิดแบบนั้นก็ได้ ” จางลู่ยิ้มออกมา
“ แล้วอีกสองคนล่ะ ?” สือฉีลังเล หากจางลู่เป็นเจ้าสำนัก แล้วเจ้าสำนักกับความว่างเปล่าล่ะ ?
จางลู่ยิ้มออกมา “ พวกเขาเองก็เช่นกัน”
เหล่ายามต่างก็พากันแสดงสีหน้ามึนงงออกมา
“ ฮ่าฮ่า ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว “ จางลู่พูดขึ้นมา “ เราสามคนคือร่างแยกของเจ้าสำนัก…”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสือฉีก็กระจ่างขึ้นมาทันที แต่ในใจก็ตะลึงอย่างมาก ร่างแยกของเจ้าสำนักแต่กลับเหมือนกับเจ้าสำนักทุกส่วน เจ้าสำนักนี่แข็งแกร่งจริงๆ
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่านอกจากจางลู่, เจ้าสำนักและความว่างเปล่าแล้ว คนที่เหลือต่างก็เป็นร่างแยกของจางหยูเช่นกัน
ความแข็งแกร่งของพวกเขาทัดเทียมกับเก่อเย่ได้
“ ท่านเจ้าสำนัก พวกท่านจะมารับภารกิจที่นี่อีกรึ ?” สือฉีถามขึ้นด้วยความสงสัย
สองภารกิจก่อนหน้านี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับทีมคังเฉียงอย่างมาก
“ หากไม่มีเรื่องไม่คาดฝัน เราก็อยากทำภารกิจสักสองสามภารกิจ ” จางลู่ไม่ได้ปฏิเสธและยิ้มออกมา “ เพราะลูกปัดดั้งเดิมที่เราได้มานั้นไม่เพียงพอ”
หากซื่อเซียวรู้ว่าลูกปัดกว่าพันล้านลูกที่ให้ไปนั้นถูกใช้จนหมดแล้ว ก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้สึกยังไง
สือฉีตาเป็นประกายขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะรู้ว่าเขาอ่อนแอ เขาคงขอเข้าร่วมทีมคังเฉียงไปแล้ว เขาอยากติดตามคนเหล่านี้ไปหาลูกปัดเพิ่ม
“ ใช่สิ” สือฉีนึกถึงบางอย่าง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา “เจ้าสำนัก ท่านช่วยกวนได้รึไม่ ? ตั้งแต่ที่เขาเกิดปัญหา เขาก็ซึมมาโดยตลอด ข้ากลัวว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปแล้ว กวนคงไม่กลับมาเป็นคนเดิมอีก”
“ กวนรึ ?” เท่าที่พวกเขาจำได้ก็มีคนชื่อกวนอยู่จริงๆ
จางลู่ถามขึ้นมา “ เกิดอะไรขึ้นกับกวน?”
หากจำไม่ผิดแล้วกวนน่าจะเป็นหัวหน้าหน่วย เขาแกร่งระดับหนึ่งและมีทหารใต้สังกัดเกือบร้อยคน
นี่ไม่ต้องนับความแข็งแกร่งของหน่วยเขาเลย แค่เขาคนเดียวก็ไม่น่าจะมีใครมาหาเรื่องเขาได้
สือฉีไม่กล้าปิดบังและบอกรายละเอียดที่เกิดขึ้นทั้งหมดออกมา สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นมา “ ข้ารู้ว่าเวลาของท่านมีค่า แต่ตอนนี้ข้าได้แต่ขอร้องให้เจ้าสำนักช่วย นอกจากท่านแล้วข้าก็ไม่รู้ว่าใครจะช่วยเขาได้ ข้าหวังว่าเจ้าสำนักจะช่วยเขา ! ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรข้าก็ยอม !”
กวนเคยช่วยเหลือคนในหมู่บ้านเสี่ยวอันทุกคน บอกได้ว่าหากไม่มีกวน หมู่บ้านคงล้าหลังกว่านี้เป็นสิบเท่า
สือฉีเติบโตได้ถึงจุดนี้และเป็นหัวหน้ายามก็เพราะผลงานของกวนส่วนหนึ่งด้วย
บอกได้ว่าไม่มีใครในหมู่บ้านที่ไม่เคารพกวน ไม่มีใครไม่ชื่นชมกวน มันเหมือนกับที่พวกเขาเคารพลั่วเกา
“ คนทรยศรึ ?” จางลู่ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่ากวนจะเจอเรื่องแบบนี้ “ งั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับกวนก็เกี่ยวข้องกับเราด้วย…” หากกวนไม่พาพวกเขาไปที่หมู่บ้านฉิงเหยียนก็คงไม่ต้องเจอกับคนทรยศ เป็นธรรมดาที่จะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับกวนนั้นเกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วย
“ หากเช่นนั้นก็พาเราไปดูที…” จางลู่บอกกับคนอื่นๆ “ พวกเจ้าคิดยังไง ?”
ทุกคนต่างก็พากันพยักหน้า การหาลูกปัดและตรวจสอบเรื่องของเก่อเย่เอาไว้ทีหลังได้
“ เจ้านำทางไปเลย ” จางลู่เห็นว่าทุกคนตกลงก็บอกกับสือฉี
สือฉีหันไปพูดกับยามคนอื่นๆ ก่อนจะพาจางลู่และคนอื่นๆไปที่บ้านพักของกวน
หลังจากพักฟื้นได้สักพัก จิตของกวนก็ฟื้นฟูขึ้นมา แต่แก่นของเขาไม่อาจจะใช้ลูกปัดดั้งเดิมฟื้นฟูได้ เขาไม่อาจจะควบคุมพลังโกลาหลได้โดยตรงเช่นเดิมอีก เขาควบคุมมันได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างมาก เขาหมดหวังที่จะเติบโตต่อได้อีก บนท้องถนนด้วยการมาถึงของสือฉีและคนอื่นๆก็ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
ตอนที่ทุกคนเห็นจางลู่และคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็พากันตื่นเต้นและจ้องมองจางลู่,เจ้าสำนักและความว่างเปล่า
ในเวลาเดียวกันข่าวเรื่องหัวหน้าทีมคังเฉียงได้ปรากฏตัวในหมู่บ้านเสี่ยวอันก็เผยแพร่ไปทั่ว
ที่สวนเต็มไปด้วยใบไม้สีเหลือง บรรยากาศมันอึมครึมมีแต่ความเงียบงัน
ในห้องที่เงียบสงัดไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องด้วยอารมณ์ที่สิ้นหวัง
“ กวน !” สือฉีเดินไปที่ประตูบ้านและตะโกนขึ้น “ เจ้าสำนักมาหาเจ้า !”
แกร๊ก !
ประตูบ้านเปิดออกอย่างช้าๆพร้อมกับกลิ่นเน่าเหม็นอับลอยออกมา จากนั้นก็มีใบหน้าซีดเผือดเผยออกมาให้ทุกคนได้เห็นสายตาของเขาว่างเปล่าไร้แวว
จางลู่และคนอื่นๆพากันย่นคิ้ว ชายตรงหน้านี้ต่างจากกวนที่พวกเขาจำได้
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นกับตาตัวเองแล้ว พวกเขาคงไม่เชื่อว่านี่คือคนเดียวกัน !
“ เจ้าสำนัก” เสียงอันแหบแห้งของกวนดังขึ้น เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองจางลู่, ความว่างเปล่าและเจ้าสำนัก
จางลู่คิ้วขมวด “ เจ้าบาดเจ็บรึ ?”
กวนก้มหน้า “ ขอบคุณเจ้าสำนักที่เป็นห่วงข้า อาการบาดเจ็บเล็กน้อยของข้าหายดีแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงของกวน ก็รู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังที่เล็ดลอดออกมา จางลู่จึงไม่อาจจะอยู่เฉยได้
ดูเหมือนว่าแก่นที่พังลงไปนี้จะส่งผลกระทบต่อกวนอย่างมาก มันทำให้กวนตกอยู่ในสภาพนี้
“ บาดแผลภายนอกข้าหายดีแล้ว แต่แก่นของข้านั้นจบสิ้น จากนี้ไปข้าไม่ต่างอะไรจากขยะ เจ้าสำนักอย่าเสียเวลากับข้าเลย” กวนยิ้มเยาะเย้ยตัวเองออกมา
สือฉีมองไปที่จางลู่ เขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ต้องเงียบไป
จางลู่เหมือนจะรับรู้ได้และมองไปที่สือฉี “ เจ้ามีอะไรจะพูดรึ ?”
“ เจ้าสำนัก” สือฉีลังเล แต่สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้นมา “ เจ้าสำนัก ท่านอยู่ถึงระดับแม่ทัพ แม้แต่จักรพรรดิก็ยังให้ความสำคัญกับท่าน ด้วยความแข็งแกร่งของท่านแล้ว มันน่าจะมีทางช่วยกวนให้ฟื้นฟูแก่นขึ้นมาได้ใช่หรือไม่” เขาไม่มั่นใจว่าจางหยูทำได้รึไม่ แต่เขาแค่อยากเสี่ยงโชคดู
ในประวัติศาสตร์ของเขตซื่อเซียว มีคนมากมายที่แก่นพังทลายแต่ไม่มีใครฟื้นฟูมันได้เลย
หากแม่ทัพทำแบบนั้นได้จริงๆแล้ว งั้นมันจะไม่มีข่าวเลยหรือ ? เมื่อได้ยินคำพูดของสือฉี กวนก็หวั่นไหวขึ้นมาแต่ไม่นานเขาก็กลับเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
ฟื้นฟูแก่นรึ ?
กวนคิดว่าจางลู่ไม่อาจจะทำได้
นี่ไม่ต้องพูดถึงแม่ทัพเลย แม้แต่จักรพรรดิก็อาจจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ ข้าไม่อาจจะฟื้นฟูแก่นเจ้าได้จริง” จางลู่ยอมรับตามตรง
แต่ตอนที่สือฉีกำลังผิดหวังอยู่นั้นน้ำเสียงของจางลู่ก็เปลี่ยนไป “ แต่ข้ามีทางที่จะทำให้เขากลับมาเป็นแบบเดิม !”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นสือฉีก็อุทานออกมา “ ยอดเยี่ยม !”
ตอนแรกกวนก็ดีใจ แต่ต่อมาก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ทำไมเจ้าสำนักถึงต้องหลอกข้าด้วย ?”
“ เมื่อข้าบอกว่ามีทาง งั้นก็ต้องมีทางแต่มันแค่มีเงื่อนไข” จางลู่พูดขึ้น
“เงื่อนไขอะไร?” สายตาของกวนเริ่มแสดงความคาดหวังออกมา เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อฟื้นฟูแก่นกลับมา
“ จากนี้ไปเจ้าต้องภักดีต่อสำนักคังเฉียงและเจ้าสำนัก” จางลู่พูดขึ้น “ หากสักวันสำนักคังเฉียงและเขตซื่อเซียวเป็นศัตรูกัน เจ้าต้องยืนอยู่ฝั่งสำนักคังเฉียง หากเจ้าตกลงกับเงื่อนไขนี้แล้ว ข้าจะช่วยเจ้า ”
“ ศัตรูกับเขตซื่อเซียวงั้นรึ ?” กวนแปลกใจ “ ทำไมกัน ?”
“ เจ้าแค่ตอบมาว่าตกลงหรือไม่ ไม่ต้องสนว่าทำไม”
“ นี่…” กวนลังเลและพูดขึ้น “ ข้าไม่อาจจะทำอะไรกับหมู่บ้านเสี่ยวอันและกองทัพเทียนลั่วได้”