ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1913 ภารกิจลับของเก่อเย
“ หยุด” ตอนที่จางลู่และคนอื่นๆกำลังจะเดินผ่านไป นายพลของกองทัพสังเกตการณ์ก็พูดขึ้นมา
จางลู่และคนอื่นๆหยุดและมองไปที่อีกฝ่าย
“ ทีมระดับราชางั้นรึ ? ” นายพลถามขึ้นมา “ พวกเจ้ามาจากไหนกัน ?”
ท่าทีของเขานั้นหยิ่งทะนงราวกับคนสูงส่ง
จางลู่ไม่ได้สนใจอะไรมากและตอบกลับ “ ทีมคังเฉียง”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นนายพลรวมถึงทหารของกองทัพเทียนลั่วต่างก็พากันมองไปที่จางลู่และคนอื่นๆ
ทีมคังเฉียง!
ในเขตซื่อเซียวทีมคังเฉียงนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก ทุกคนต่างก็อยากเข้าร่วมทีมคังเฉียงไม่คิดเลยว่าทีมคังเฉียงจะมาปรากฏตัวที่นี่
“ กลับเป็นคนจากทีมคังเฉียงนี่เอง เราขอโทษด้วยที่เสียมารยาทไป” ท่าทีของนายพลเปลี่ยนไปทันที “ ไม่รู้ว่าพวกท่านมาที่เมืองนี้เพราะมาทำภารกิจรึ ?”
จางลู่พยักหน้า “ ใช่ เรามาทำภารกิจ มีปัญหาอะไรรึ ?”
นายพลส่ายหน้าและรีบตอบกลับ “ ไม่ ไม่ ข้าแค่สงสัยไ
เขาดึงเอาหยกออกมาและตรวจสอบข้อมูลของทีมคังเฉียง หลังจากที่ตัดสินตัวตนของจางลู่และคนอื่นๆ เขาก็รีบพูดขึ้น “ ข้าแค่ตรวจสอบ ขอโทษด้วยที่ทำให้พวกท่านเสียเวลา พวกท่านเชิญตามสบาย”
จางลู่และคนอื่นๆไม่ได้คิดอะไรมาก พวกเขาพยักหน้าให้กับนายพลก่อนจะเดินต่อไป
พวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่ออกไปแล้ว นายพลได้รายงานเรื่องที่อยู่ของจางลู่และคนอื่นๆ หลังจากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพสังเกตการณ์และกองทัพเทียนลั่วต่างก็พารู้ถึงข้อมูลการมาของจางลู่และคนอื่นๆกันแทบทุกคน
ความต่างคือกองทัพเทียนลั่วแค่สนใจกับการมาของคนกลุ่มนี้ แต่กองทัพสังเกตการณ์กลับประกาศคำสั่งใหม่ออกมา
ในห้องโถงแห่งหนึ่ง
เก่อเย่แสดงสีหน้าเฉยเมยราวกับงูพิษที่รอคอยโอกาสนี้มานานแล้ว ครั้งที่แล้วที่ไปที่สำนักคังเฉียง เขาโดนอัดเกือบตาย ดีที่ได้ยาที่ซื่อเซียวให้มา หลังจากที่พักไม่นานเขาก็ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้
อาการบาดเจ็บทั่วไปฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เขาแกร่งแบบเดิมแล้วแต่ในใจเขากลับมีแผลอยู่
“ พวกนี้ดูหมิ่นข้าและยังกล้าเข้ามาในเมืองซื่อเซียวอีก” เก่อเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย
ในฐานะแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์แล้ว เขาระวังตัวมากกว่าคนทั่วไป
เขากลัวที่จะไปยังสำนักคังเฉียงอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับมาหาเขาถึงที่ เขาต้องหาทางแก้แค้นพวกนี้ให้ได้
แม้ว่าจะไม่อาจจะแก้แค้นได้ แต่การขัดขวางพวกนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
เก่อเย่ไม่กังวลว่าคนในทีมคังเฉียงจะมาหาเรื่องเขา เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังเขาคือซื่อเซียว ผู้ปกครองสูงสุดของโกลาหลแห่งนี้ ทีมคังเฉียงจะกล้าลงมือกับเขารึ?
“ ไปตรวจสอบมาว่าพวกเขามาทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นภารกิจอะไรก็ต้องหาทางขวางไว้ให้ได้ ข้าจะให้พวกเขากลับไปมือเปล่า” เก่อเย่บอกกับลูกน้อง
นายพลได้ตอบกลับทันที “ขอรับ !”
จนกระทั่งนายพลออกจากที่นั่นไป เก่อเย่จึงแอบส่ายหน้า “ เมื่อไม่มีอู๋ห่าวอยู่ด้วย มันไม่สะดวกเลยจริงๆ”
กองทัพสังเกตการณ์นั้นมีนายพลจำนวนมาก อู๋ห่าวคือคนที่แกร่งที่สุดในหมู่นายพลสามคน แต่อู๋ห่าวน่ะมีข้อดีที่อีกสองคนไม่มี อู๋ห่าวเป็นคนรอบคอบและหาคำอธิบายที่เหมาะมารายงานให้กับเก่อเย่ เก่อเย่ไม่ต้องกังวลสิ่งใด บางครั้งเก่อเย่ ถึงกับคิดไม่ถึงว่าอู๋ห่าวจะคิดไว้ล่วงหน้าและเตรียมการรับมือเรื่องต่างๆเอาไว้แล้ว
ดังนั้นอู๋ห่าวจึงได้รับความเชื่อใจจากเก่อเย่มากที่สุด เขาได้รับสมบัติมากมายมาจากเก่อเย่
แต่โชคร้ายที่ตอนนี้อู๋ห่าวได้รับหน้าที่ดูแลสำนักงานใหญ่ของกองทัพทั้งสามอยู่ ส่วนมากเขาต้องอยู่ที่สำนักงาน อู๋ห่าวไม่อาจจะออกมาทำธุระให้กับเขาได้
โชคดีที่อู๋ห่าวรับหน้าที่นั้นแค่ไม่กี่หมื่นปี เมื่อถึงตาคนของกองทัพซื่อเซียว อู๋ห่าวก็จะได้กลับมาที่กองทัพสังเกตการณ์อีกครั้ง
เวลาไม่กี่หมื่นปีสำหรับ เก่อเย่นั้นแค่พริบตาเดียวเท่านั้น มันไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
“ใช่สิ มีข่าวจาก จินหยางรึไม่ ? ” เก่อเย่หันกลับไปมองนายพลอีกคน
จินหยาง คือหนึ่งในคนดังของเมืองซื่อเซียว
จินหยางเก่งเรื่องการสร้างสมบัติโกลาหล เขาสามาราถย่นเวลาในการสร้างสมบัติขึ้นมาและดึงพลังของมันออกมาได้มากที่สุด นี่คือทักษะที่โดดเด่น มันเพียงพอที่ทุกกองกำลังจะสนใจเขา
ไม่นานมานี้ เก่อเย่ได้อ้างชื่อของกองทัพสังเกตุการณ์ในการรับตัวจินหยางเข้ามา
นายพลพยักหน้าและพูดขึ้น “ จินหยาง เพิ่งส่งคนมาบอกข่าว เขาบอกว่าภารกิจถูกรับไว้แล้ว อีกไม่นานก็จะสำเร็จ ท่านแม่ทัพสบายใจได้”
ไม่รู้ว่าเก่อเย่ให้จินหยางทำภารกิจแบบไหน ทั้งหมดมีแค่เก่อเย่และจินหยางเท่านั้นที่รู้ เขาเป็นแค่คนคอยติดต่อและส่งข้อมูลพื้นฐาน ข้อมูลพิเศษนั้นจินหยางจะไม่ได้พูดออกมา เก่อเย่เองก็เช่นกัน ถึงเขาจะสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะขุดคุ้ย
อย่างแรกเลยก็เพราะเขาไม่กล้า เรื่องนี้แม้ว่าเขาต้องการจะตรวจสอบแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพบข้อมูล
เก่อเย่พยักหน้า “ ดี ”
เขายังกังลเรื่องนี้อยู่ ยังไงซะความสำเร็จของเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเขา
“ ให้จินหยางเร่งมือ บอกเขาว่าหากเขาทำสำเร็จ ข้าจะให้รางวัลกับเขา” เก่อเย่บอกกับนายพล
นายพลพยักหน้าตอบรับ “ ขอรับ ! ข้าจะรีบส่งข้อความให้กับท่านจินหยางโดยเร็ว”
เก่อเย่ส่ายหน้า “ อย่าส่งคนอื่นไป เจ้าต้องไปด้วยตัวเอง !”
“ ขอรับ !”
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจนายพลก็ได้ออกมาจากห้องโถง
เก่อเย่มองดูนายพลที่เดินจากไป สักพักก็ละสายตากลับมาแล้วพึมพำ “ ข้าระวังตัวเกินไปรึไม่…” อย่ามองภาพลักษณ์ที่สูงส่งที่ได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิของเขา เขายังมีอำนาจยับยั้งทั้งสามกองทัพ อันที่จริงแล้วเขาดูดีกว่าใครว่าสิ่งที่คนอื่นยังเกรงใจเขาก็เพราะซื่อเซียว หากสักวันเขาไม่ได้รับความเชื่อใจจากซื่อเซียว งั้นเขาก็ต้องเสียทุกอย่างไปในพริบตา
ในบรรดานายพลทั้งสามคนแล้ว คนที่เขาเชื่อใจที่สุดคืออู๋ห่าว
อีกสองคนนั้นเอาจจะสั่งให้พวกนั้นจัดการธุระได้แต่ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลให้พวกนั้นรู้
เก่อเย่ถอนหายใอจอกมาและมองไปทางหมู่บ้านเสี่ยวอัน สายตาของเผยความแค้นเคืองออกมา “ ทีมคังเฉียง…” หากไม่ใช่เพราะทีมคังเฉียงที่ทำร้ายเขาแล้ว เกราะของเขาคงไม่พังไป แล้วทำไมเขาถึงต้องมาระวังแบบนี้ ?”
“ หากข้ามีเกราะระดับสมบูรณ์ ใครกันจะเป็นภัยกับข้าได้อีก ?” เก่อเย่บ่นถึงซื่อเซียวในใจ “ คิดว่าข้าเป็นเหมือนหมาและคอยจัดการธุระให้กับจักรพรรดิซื่อเซียว คอยแต่ใช้งานข้ามาหลายปีแล้วไ
“ ผลของการรับใช้นี้คือการได้อาวุธระดับสมบูรณ์ในตอนแรกและลูกปัดดั้งเดิมมาบ้าง แต่มันไม่ได้มีค่าอะไรเลย…”
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เขาที่ไม่ได้ จิงหงแม่ทัพของกองทัพเทียนลั่วและ ฉิงหยานแม่ทัพของกองทัพซื่อเซียวไม่มีใครได้เลยสักคน
ไม่มีใครได้เกราะระดับสมบูรณ์เลย
เก่อเย่ได้ยินมาว่าหว่านเกอ ได้ให้เกราะระดับสมบูรณ์กับแม่ทัพแต่ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน ไม่รู้ว่ามันจริงรึไม่
หากเทียบกับอาวุธระดับสมบูรณ์แล้ว เกราะนั้นมีค่ามากกว่า ในทะเลโกลาหล เดาว่ามีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีเกราะระดับสมบูรณ์ ผลงานมากมายยังไม่ได้รับการมองค่าโดยจักรพรรดิเลย ค่าของเกราะนี้มีค่ามากกวาอาวุธที่เก่อเย่มีหลายเท่า
“ รอก่อนเถอะ รอจนกว่าข้าจะไขความลับของกล่องกระบี่ได้ สักวันข้าจะเหนือกว่าจักรพรรดิให้ได้ !” เก่อเย่ตะโกนขึ้นในใจ “ ข้า เก่อเย่ จะเหยียบหัวเจ้าขึ้นไปสู่บัลลังก์สูงสุด !”
ด้วยกล่องกระบี่แล้ว เขาเชื่อว่าสักวันเขาจะขึ้นไปเหนือจักรพรรดิทั้งเก้าได้ มันอีกไม่นาน !
รวมถึงทีมคังเฉียงด้วย !
เขาไม่มีทางลืมการที่เขาโดนทีมคังเฉียงอัดได้ นี่คือการดูหมิ่นที่หนักหนาที่สุดในชีวิตเขา !