ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1921 ล่องูออกจากร
“ เจ้าหมายความว่าการจะเข้าไปในคลังนี้ได้ต้องได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิซื่อเซียวงั้นรึ ?” จางลู่มองไปที่เก่อเย่ คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความหมาย
เก่อเย่เผยสายตาสงสัยออกมาชั่วครู่ เขารู้สึกว่าการที่จางลู่และคนอื่นๆมายังโถงกองทัพสังเกตการณ์เหมือนจะมีเป้าหมายบางอย่างอยู่
ตอนแรกเขาไม่ได้สงสัยในเป้าหมายของคนเหล่านี้ ยังไงซะกวนเหรินก็เป็นคนนำพวกนี้มาที่นี่ พวกนี้ไม่ได้ขอที่จะมาเองแต่ตอนนี้…เก่อเย่ ก็เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว
“ พวกนี้คิดจะเยี่ยมชมโถงกองทัพสังเกตุการณ์จริงๆรึ?” เก่อเย่หรี่ตาลงและคิด “ ข้าคิดว่ามันคงไม่เรียบง่ายเช่นนั้น”
โถงกองทัพสังเกตการณ์ไม่ใช่ที่พิเศษนัก อย่างน้อยก็สำหรับแม่ทัพ นอกจากวังของจักรพรรดิแล้ว เขากลัวว่าคงไม่มีที่ไหนทำให้แม่ทัพนั้นสนใจได้ บอกได้ว่าพวกนี้ได้แสดงท่าทีสนใจอย่างมากกับการมาที่นี่ซึ่งมันดูผิดปกติ
โดยเฉพาะตอนที่จางลู่และคนอื่นๆสนใจในคลัง เก่อเย่ก็รู้ว่าแล้วเป้าหมายของพวกนี้ต้องไม่ธรรมดา
เขาถึงกับสงสัยว่าจางลู่และคนอื่นๆอาจจะอยากเข้ามาที่นี่อยู่แล้ว !
แม้ว่าจะไม่มีกวนเหรินแต่ก็อาจจะหาทางเข้ามาที่นี่ด้วยตัวเองอยู่ดี !
แต่เขายังคิดหาเหตุผลไม่ออกว่าพวกนี้มีเป้าหมายอะไร ?
คลังแห่งนี้สำคัญอย่างมาก มันมีความลับมากมายแต่…มันเกี่ยวข้องยังไงกับทีมคังเฉียง?
มีอยู่ชั่วครู่ที่เก่อเย่สงสัยว่าจางลู่และคนอื่นๆมาที่นี่เพื่อกล่องกระบี่แต่ความคิดนี้โผล่มาชั่วครู่ก็ถูกตัดออกไปทันทีเพราะกล่องกระบี่เป็นความลับที่เขาเท่านั้นที่รู้ คนอื่นที่รู้เรื่องกล่องกระบี่ล้วนแต่ก็โดนเขากำจัดทิ้งหมดแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่ความลับจะรั่วไหลออกไป
คนฝั่งเผ่าสวรรค์รู้ความลับนี้ก็จริงแต่พวกนั้นจะยอมบอกข้อมูลกับทัมคังฉียงรึ ?
แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าพวกนี้คิดอะไรแต่เก่อเย่ก็ยังตอบกลับ “ ใช่ ตราบใดที่ได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิแล้ว งั้นก็เข้าคลังแห่งนี้ได้เสมอ”
เมื่อเห็นเก่อเย่ตอบคำถามด้วยท่าทีจริงจัง จางลู่ก็ยิ้มออกมา “ ข้าแค่ล้อเล่น อย่าคิดจริงจังไป”
เจ้าสำนักเองก็พูดขึ้น “ ทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเถอะ เจ้าพาเราไปที่ต่อไปดีกว่า”
ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ในใจพวกเขาก็คิดว่าคลังแห่งนี้นั้นเก่อเย่ให้ความสำคัญอย่างมาก พวกเขากลัวว่ามันคงมีความลับซ่อนอยู่
แม้ว่ากล่องกระบี่จะไม่ได้อยู่ในคลังนี้แต่คลังนี้ก็ต้องมีความลับอื่นอยู่อีก ไม่งั้นแล้วเก่อเย่คงไม่กังวลเมื่อพวกเขาพูดว่าอยากเข้าไปในคลังไม่ใช่รึ ?
เมื่อได้ยินคำพูดของจางลู่และคนอื่นๆ เก่อเย่ก็ถอนหายใจอกอกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็พาพวกเขาไปเยี่ยมชมที่อื่นต่อ
การที่แม่ทัพออกมาแนะนำสถานที่ด้วยตัวเองนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของเขตซื่อเซียว
ไม่ว่าจะเดินผ่านทหารคนไหน พวกนั้นต่างก็พากันอึ้ง
ข่าวที่เก่อเย่พาคนของทัมคังฉียงเยี่ยมชมโถงกองทัพสังเกตการณ์ไม่นานก็เผยแพร่ไปทั่วทั้งกองทัพสังเกตการณ์ ทุกคนต่างก็ตกกันอย่างมาก พวกเขาสับสนว่าทัมคังฉียงมาจากไหนกันถึงได้รับความสนใจจากแม่ทัพด้วย?
แม้ว่าหัวหน้าของทัมคังฉียงจะเป็นแม่ทัพแต่ก็ไม่จำเป็นที่แม่ทัพของพวกเขาต้องประจบแบบนี้ไม่ใช่รึ ? ไม่นานจางลู่และคนอื่นๆก็ไปเยี่ยมชมทั้งโถงกองทัพสังเกตการณ์จนครบ นอกจากคลังด้านนอกแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นพวกเขาได้ไปมาหมดแล้วแต่ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของกล่องกระบี่
ทั้งโถงกองทัพสังเกตการณ์นั้นมีแค่คลังเท่านั้นที่ดูน่าสงสัยที่สุด
หลังจากที่เยี่ยมชมตึกสุดท้ายแล้ว เก่อเย่ก็หยุดและบอกกับทุกคน “ โถงกองทัพสังเกตการณ์มีเพียงเท่านี้ หากพวกท่านอยากจะเยี่ยมชมที่อื่นๆ ข้าจะให้คนไปส่งพวกท่าน…”
“ ไม่ ไม่จำเป็น” จางลู่โบกมือ “ เราสนใจในโถงกองทัพสังเกตการณ์ ที่อื่นนั้นไม่จำเป็นต้องไป”
หลังจากนั้นจางลู่ก็ยิ้มออกมา “ ขอบคุณที่ต้อนรับเราเป็นอย่างดี แม่ทัพเก่อเย่ เมื่อเสร็จธุระแล้วเราควรกลับจะดีกว่า”
เก่อเย่โล่งอกกับการที่คนกลุ่มนี้จะกลับไปสักที สุดท้ายพวกนี้ก็กลับจนได้
แต่ตอนที่เก่อเย่เพิ่งจะถอนหายใจออกมา จางลู่ก็พูดขึ้น “ ใช่สิ มีอีกเรื่อง ข้าอยากถามท่านแม่ทัพและหวังว่าเจ้าจะตอบตามความจริง”
“ มีเรื่องอะไรกัน ?” เก่อเย่กังวลขึ้นมาไม่กล้าที่จะผ่อนคลายดังเดิม
“ ข้าได้ยินว่าเมื่อหลายปีก่อนซุนเหลียนเชิงแม่ทัพคนเก่าของกองทัพแดงตายไปในสงคราม สุดท้ายเขาก็โดนตรวจสอบโดยเจ้า” จางลู่พูดขึ้นมาช้าๆ “ ข้าอยากรู้ว่าผลของการตรวจสอบเป็นยังไง ? เขาหักหลังมนุษย์รึไม่ ? ทำไมภรรยาเขาถึงได้ฆ่าตัวตาย ?”
เก่อเย่พึมพำขึ้นมา “ ซุนเหลียนเชิง งั้นรึ ?”
เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที “ พวกท่านเกี่ยวข้องอะไรกับซุนเหลียนเชิงกัน ?”
เขาแอบสงสัยว่าคนเหล่านี้จะรู้ถึงกล่องกระบี่รึไม่ ? “ เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา” จางลู่พูดขึ้นช้าๆ “ แต่ในสำนักคังเฉียงของเรานั้นมีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับซุนกวน ที่เป็นลูกของซุนเหลียนเชิง”
“ ท่านหมายถึงอะไรกัน ?”
“ ซุนหยานคือร่างแยกของซุนเหลียนเชิง ซุนเหมิงคือผู้สืบทอดของซุนกวน…นางคือผู้สืบทอดของ ซุนเหลียนเชิง และภรรยาของเขาเช่นกัน….สำนักคังเฉียงเองก็กำเนิดขึ้นมาในโกลาหลที่ซุนกวนได้สร้างขึ้น” จางลู่เงยหน้าขึ้นมองไปที่เก่อเย่ “ ได้ยินมาว่าตอนนั้นเจ้าได้ใช้ทุกวิถีทางบังคับให้ภรรยาของเขาฆ่าตัวตาย เจ้าไม่คิดว่าควรจะมีคำอธิบายหน่อยรึ ?”
เมื่อเห็นว่าจางลู่ไม่ได้พูดถึงกล่องกระบี่ เก่อเย่ก็โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย
การถามเรื่องเกี่ยวกับซุนเหลียนเชิงนั้น เก่อเย่รู้สึกว่ามันมีปัญหาอยู่บ้างแต่ไม่ได้กังวลอะไรนัก
“ เมื่อท่านถามเรื่องนี้” เก่อเย่พูดขึ้น “ตอนที่ซุนเหลียนเชิงนำทัพบุกเข้าไปในดินแดนสวรรค์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิ เราได้เสียคนฝีมือดีไปจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การโจมตีขอเผ่าสวรรค์ก็จะมีอันตรายต่อเราอย่างมาก การกระทำเช่นนั้นต่างจากการทรยศตรงไหนกัน ? แต่จักรพรรดินั้นเมตตาไม่ประกาศความผิดของเขาแต่สั่งการให้ข้าตรวจสอบเรื่องนี้ ข้าได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิและได้ทำการตรวจสอบทันทีแต่ภรรยาของเขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ด้วยการที่นางตายไปจึงทำให้การสืบสวนชะงักลงไปด้วย เราจึงยังไม่พบความจริง…”
พูดไปแล้ว เก่อเย่ ก็มองไปที่จางลู่และคนอื่นๆด้วยท่าทีหนักแน่น “ การตายของซุนเหลียนเชิงนั้นโทษว่าเขามั่นใจตัวเองเกินไป สำหรับภรรยาของเขาแล้ว มันถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า…อีกทั้งลูกเขายังหายตัวไปด้วย ดังนั้ตอนนี้จึงยังไม่อาจจะรู้ความจริงได้”
นี่คือหน้าที่ของกองทัพสังเกตการณ์ นี่ราวกับจะบอกว่ากองทัพสังเกตการณ์เป็นเหยื่อของเรื่องนี้
“ งั้นรึ ?” จางลู่เหมือนจะหัวเราะออกมา “ แม่ทัพเก่อเย่ เล่าเรื่องการตายของภรรยาเขาได้รึไม่ ?”
นางฆ่าตัวตายเองรึโดนกองทัพสังเกตการณ์ฆ่า เรื่องนั้นยังไม่แน่นอน
เก่อเย่พูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “ ขอโทษด้วย เรื่องนี้เป็นความลับ ข้าไม่อาจจะพูดได้”
“ เจ้ารู้รึไม่ว่าทำไมเราถึงหมายหัวเจ้ามาก่อน ?” จางลู่พูดขึ้นมา “ ซุหยานคือร่างแยกของซุนกวน เขาถือว่าเป็นซุนกวน ซุนเหมิงเป็นลูกหลานของซุนกวน ความแค้นของพวกเขาก็เท่ากับความแค้นของสำนักคังเฉียง นั่นคือเหตุผลที่เราสั่งสอนเจ้า”
ภายนอกแล้วจางลู่ได้อธิบายถึงการกระทำก่อนหน้านี้แต่อันที่จริงแล้วเพื่อหันเหตุความสนใจของเก่อเย่ก็เท่านั้น
ในอีกด้านก็เพื่อลดความระวังของเก่อเย่ลงเพื่อที่จะรู้ตำแหน่งของกล่องกระบี่ ในอีกด้านแล้วนี่ก็เป็นข้ออ้างเพียงพอกับการกระทำของพวกเขาก่อนหน้านี้
ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาได้เผยข้อมูลที่สำคัญสองอย่าง ลูกหลานของซุนเหลียนเชิงและร่างแยกของซุนกวนอยู่ในสำนักคังเฉียง !
หากเก่อเย่ต้องการไขความลับของกล่องกระบี่แล้ว งั้นเขาก็ต้องคิดลงมือกับซุนหยานและซุนเหมิง
สีหน้าของเก่อเย่บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย ในใจเขาแค้นเคือง ซุนเหลียนเชิงขึ้นไปอีกเพราะการที่เขาตัวเองโดนอัดแต่หลังจากที่รู้ถึงซุนหยานและซุนเหมิงแล้ว เก่อเย่ก็คิดว่าจะตามหาร่องรอยของทั้งสองเพื่อทำความเข้าใจความลับของกล่องกระบี่ตอนแรกเขาไม่รู้ถึงตัวตนของทั้งสองคน เมื่อรู้แล้วเขาก็ต้องหาทางจับทั้งสองมาให้ได้
นี่คือข่าวดีสำหรับเก่อเย่ !
“ ข้าลงมือจริง ข้าขอพูดให้ชัดเจน การตายของภรรยาเขานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า” เก่อเย่พูดขึ้น “ หากพวกท่านคิดจะโกรธแค้น พวกท่านควรเอาความโกรธนี้ไปลงกับคนเผ่าสวรรค์จะดีกว่า พวกนั้นต่างหากที่เป็นคนร้าย”
“ เราจะตรวจสอบดูว่าเกิดอะไรขึ้น” จางลู่มองไปที่เก่อเย่ “ หากเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า งั้นเราก็คงไม่คิดสร้างปัญหาให้กับเจ้าแต่หากไม่ใช่เช่นนั้น…”
นี่คือคำขู่ !