ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1929 จ้าวแห่งทะเลบรรพกาล
แม้ว่าในใจจะบอกเขาว่านี่คือภาพลวงตา ทุกอย่างตรงหน้าคือของปลอม แต่ความเป็นจริงก็ไม่อาจจะเปลี่ยนไปได้เพราะความคิดของเขา
ตัวตนของทะเลบรรพกาลนั้นไม่ได้หายไปเพราะเขาไม่ยอมรับ
“ ตอนนี้เจ้าเชื่อข้ารึยัง ?” เสียงของจางหยูดังก้องขึ้นมา “ ทะเลโกลาหลไม่ได้มีแค่แห่งเดียว จักรพรรดิทั้งเก้านั้นอาจจะเป็นขีดจำกัดของทะเลโกลาหลของเจ้า แต่ด้านนอกทะเลโกลาหลนั้นก็ยังมีจักรพรรดิคนอื่นๆอยู่ที่ไม่ได้เป็นคนของทะเลโกลาหล”
ซื่อเซียวเงียบไป ความจริงตรงหน้าเขาไม่ว่าเขาจะเชื่อรึไม่แต่มันก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้
เขามองไปที่จางหยู ด้วยสีหน้าซับซ้อนและพูดขึ้น “ ข้าคิดมาเสมอว่าเจ้าเป็นจักรพรรดิมนุษย์ที่ปลอมตัวมา แต่ไม่คิดเลยว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้…”
จักรพรรดิคังเฉียงคือจักรพรรดิที่อื่น เขาไม่ได้เป็นคนของทะเลโกลาหลด้วยซ้ำ
ไม่แปลกเลยที่ไม่เห็นร่องรอยการปลอมตัวใดๆ เชาไม่ได้มีช่องโหว่แม้แต่น้อย เพราะจักรพรรดิคังเฉียงไม่ได้ปลอมตัวมา
“ งั้นที่เจ้าพาทีมคังเฉียงไปฆ่าคนของเผ่าสวรรค์นั้น เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะโยนความผิดให้ข้ารึ ?”ซื่อเซียว รู้สึกว่าการที่เขาโทษว่าเป็นความผิดจางหยูนั้น หากจางหยูเป็นจักรพรรดิคนอื่นปลอมตัวมาโยนความผิดให้กับเขา นั่นก็พอรับได้แต่ปัญหาคือ จางหยูไม่ใช่จักรพรรดิคนอื่นปลอมตัวมา
จางหยูไม่รู้เรื่องที่ซื่อเซียวนั้นเหมือนจะหักหลังเขา เขาจึงได้พูดขึ้น “ ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ข้อตกลงระหว่างมนุษย์กับเผ่าสวรรค์ ดังนั้นข้าจึงลงมือกับแรนเดลไป…ดูเหมือนว่ามันไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรนัก”
หากมันทำให้มนุษย์และเผ่าสวรรค์ต้องก่อสงครามกัน งั้นจางหยูอาจจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ
“ มันไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรนัก แต่ข้าเสียลูกปัดจิตไป 5 ลูก !” ซื่อเซียวอยากจะด่าจางหยู แต่เมื่อคิดดูแล้วเขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา ยังไงซะเขาก็รู้แล้วว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลแห่งนี้ ไม่ใช่จักรพรรดิในทะเลโกลาหล จางหยูไม่รู้ข้อตกลงระหว่างสองเผ่าพันธุ์ มันจึงไม่ใช่ความผิดของจางหยูจริงๆ
ซื่อเซียวส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ เรื่องนี้ข้ายกโทษให้เจ้าได้”
ยังไงซะฉิวหวังก็รับปากแล้วว่าจะคืนลูกปัดจิตให้กับเขา เขาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
“ ยกโทษให้ข้าเรื่องอะไรกัน ?” จางหยูแปลกใจ
“ ไม่มีอะไร” ซื่อเซียวไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก เขามองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้นมา “ เมื่อเจ้าไม่ได้เป็นคนของทะเลโกลาหล งั้นทำไมเจ้าถึงได้มายังทะเลโกลาหล ?” ซื่อเซียวสงสัย “ เจ้าเดินทางไปมาระหว่างทะเลทั้งสองแห่งยังไงกัน ? วังวนนั่นมันไม่ได้ต่างจากวังวนที่เราใช้กันทั่วไปเลย…”
เขารู้สึกว่าจางหยูอาจจะมีความลับอื่นอยู่อีก
แม้ว่าจางหยูจะแสดงความแข็งแกร่งของจักรพรรดิออกมา แต่ความสามารถในการเดินทางไปมาระหว่างทะเลทั้งสองแห่งนั้นก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่จักรพรรดิจะทำได้
อย่างน้อยซื่อเซียวก็ไม่อาจจะทำได้
จักรพรรดิทั้งเก้าไม่มีใครเลยที่ทำได้
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรอยู่ด้านนอกทะเลโกลาหล
จนถึงตอนนี้ ซื่อเซียวก็ยังต้องอึ้งเขายังเหม่อ สิ่งที่เขาเชื่อมั่นได้พังทลายลงไป มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสงบจิตใจลงได้
“ นี่..เจ้าคิดว่ามันคือสิทธิ์พิเศษของจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลก็ได้” จางหยูคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “ ตราบใดที่เราต้องการ เราก็สามารถเดินทางไปมาในทะเลทั้งสองแห่งได้โดยไม่มีอุปสรรคใด”
ซื่อเซียวแปลกใจนิดๆ “ จักรพรรดิของทะเลบรรพกาลมีพลังมากมายเช่นนั้นเลยรึ ?”
ในทางกลับกันแล้วจักรพรรดิของทะเลโกลาหลนั้นเหมือนมีพลังน้อยนิดราวกับว่าพวกเขาโดนจำกัดเอาไว้
จักรพรรดิทะเลบรรพกาลนั้นฟังดูแกร่งกว่าจักรพรรดิของทะเลโกลาหลได้ยังไง ?
“ ใช่สิ แล้วจักรพรรดิคนอื่นล่ะ ? ทำไมข้าเห็นเจ้าแค่คนเดียว ?” ซื่อเซียวถามขึ้นมา
จางหยูยิ้มรับ “ จักรพรรดิคนอื่นเจ้าได้เห็นไปแล้ว แต่เจ้าไม่ได้เห็นระดับของพวกเขา….”
“ เจ้าหมายความว่า…พวกที่อยู่ในทีมคังเฉียงน่ะรึ ? ร่างแยกของเจ้าก็เป็นจักรพรรดิเช่นกันรึ ?”
จางหยูไม่ได้คิดอะไรมากและพูดขึ้น “ ข้าไม่อาจจะบอกอะไรมากได้ ยังไงซะ..เจ้ารู้แค่ว่าเราล้วนแต่เป็นมนุษย์ มนุษย์ของทะเลบรรพกาลก็เป็นมนุษย์เหมือนกับทะเลโกลาหล เราไม่ได้มีความแค้นเคืองใดๆต่อกัน…”
เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย ยังไงซะหากมีความขัดแย้งขึ้นมาจริงๆ จักรพรรดิของทะเลโกลาหลอาจจะจบสิ้นก็ได้
“ แล้วฝั่งเจ้ามีจักรพรรดิกี่คนกัน ?” ซื่อเซียวถามขึ้นมา
จางหยูมองไปที่ซื่อเซียวแล้วพูดขึ้น “ ข้าไม่อาจจะบอกเจ้าได้ เจ้ารู้แค่ว่า…มันมากกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้ก็พอ”
“ ไม่ใช่ 9 รึ ?” ซื่อเซียวถามขึ้นมา
จางหยูหัวเราะออกมาแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับ ทั้งทะเลบรรพกาลนั้นมีแค่เขาเท่านั้นที่เป็นจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล มันยังไม่มีจักรพรรดิกำเนิดขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะตอบคำถามของซื่อเซียวได้ และเขาไม่รังเกียจที่จะให้ศิษย์และอาจารย์ทุกคนขึ้นเป็นจักรพรรดิหากพวกนั้นมีพลังมากพอ ตามที่จางหยูคาดการณ์เอาไว้ ความแข็งแกร่งของศิษย์และอาจารย์ในสำนักอย่างน้อยต้องอยู่ระดับแม่ทัพถึงจะรับมือกับจักรพรรดิได้
สำหรับว่าจักรพรรดิในทะเลบรรพกาลนั้นมีได้เท่าไหร่นั้นจางหยูยังไม่แน่ใจ บางทีอาจจะ 1, 9 รึอาจจะมากกว่านั้น
“ ข้าไม่คิดจะถามแล้วในเมื่อเจ้าไม่คิดจะบอก” ซื่อเซียวเหมือนผิดหวังนิดๆ คำพูดของเขาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ
จางหยูถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ บางเรื่องไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะบอกแต่ข้าไม่อาจจะตอบได้จริงๆ”
ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าสงสัย “ ทำไมเจ้าถึงพูดไม่ได้ ? เจ้ากังวลอะไรรึ ? เจ้าคงไม่ได้กังวลเรื่อง..จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลหรอกนะ ?” ในทะเลโกลาหลก็มีตำนานบอกเล่าเรื่องจ้าวแห่งทะเลโกลาหล แม้แต่ซื่อเซียวก็ยังสงสัยตัวตนของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล แต่เรื่องนี้ไม่เคยได้รับการยืนยัน ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปตัวตนของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลจึงกลายเป็นตำนาน
“ ข้าไม่มั่นใจ” จางหยูไม่คิดว่า ซื่อเซียวจะคิดแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกตามน้ำไป “ทะเลโกลาหลก็มีกฎของตัวเอง ที่นี่เองก็มีกฎของตัวเอง บางกฎนั้นไม่อาจจะฝ่าฝืนได้ ไม่งั้นแล้ว…แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่อาจหนีความตายได้”
ซื่อเซียวแสดงท่าทีกังวลออกมา “ จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลมีจริงๆรึ ?”
จางหยูตอบได้แน่เพราะตัวตนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าซื่อเซียวแล้ว
แต่เขาไม่อาจจะบอกเรื่องนี้กับซื่อเซียวได้
“ จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้นรับรู้ได้ทุกที่ แม้แต่ตอนทีเจ้ามาเขาก็รู้ เขาอาจจะจับตาดูเราและฟังเราอยู่ก็ได้แต่เขาน่ะคือตัวตนที่สูงส่ง เขาไม่คิดจะมายุ่งกับเรื่องของจักรพรรดิ ตราบใดที่เราไม่ฝ่าฝืนกฎของทะเลบรรพกาล งั้นก็ไม่มีอันตรายอะไร” จางหยูพูดขึ้นช้าๆ
ซื่อเซียวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่ก็ยังกังวลอยู่ดี “ข้าแค่ถามเรื่องทะเลบรรพกาล จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลคงไม่โกรธเคืองหรอกสินะ ?”
หากเทียบกับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลแล้ว เขาที่เป็นแค่จักรพรรดิจะไปหาเรื่องได้รึ ?
“ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าไม่ใช่จักรพรรดิของที่นี่ เจ้าไม่รู้กฎที่นี่ จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลไม่โกรธเคืองเจ้าหรอก” จางหยูพูดขึ้น “ ถึงอย่างนั้นหลังจากนี้เจ้าจงจำไว้ บางเรื่องไม่อาจจะถามออกมาได้ เรื่องที่บอกได้ ข้าจะบอกเจ้าเอง เรื่องที่บอกไม่ได้ ถึงเจ้าจะถามข้ากี่ครั้งก็ไม่มีประโยชน์”
“ งั้นข้าขอถามอะไรเจ้าอีกอย่างได้รึไม่ ?” ซื่อเซียวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิมาหลายปีแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะมาความสงสัยมากมายในเรื่องนี้
“ เรื่องอะไร ?” “ มันมีอะไรอื่นนอกจากทะเลบรรพกาลและทะเลโกลาหลรึไม่ ?” ซื่อเซียวถามขึ้นมา
เมื่อรู้ถึงตัวตนของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลและทะเลบรรพกาล ซื่อเซียวก็ไม่รู้ว่าจักรพรรดินั้นจะมีความหมายอะไร
จางหยูส่ายหน้า “ ข้าไม่รู้เรื่องนี้ ข้าเคยเห็นแค่ทะเลโกลาหลและทะเลบรรพกาล ข้าไม่กล้าบอกว่ามันจะมีที่อื่นรึไม่แต่ข้ามั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นด้านนอกทะเลโกลาหลรึทะเลบรรพกาลแต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา ยังไงซะเราก็ไม่อาจจะออกไปได้”
“ ก็จริง” ซื่อเซียวพยักหน้า
“ เจ้ามีอะไรจะถามอีกรึไม่ ?” สำหรับคำถามของซื่อเซียวนั้น คำถามไหนตอบได้เขาก็จะตอบ นอกซะจากว่าจะหาทางตอบไม่ได้จริงๆ เขาก็จะเลือกปฏิเสธ เหตุผลก็ง่ายๆ ที่เขาอดทนแบบนี้ก็เพื่อเอาลูกปัดดั้งเดิมจากซื่อเซียวก็เท่านั้น
ซื่อเซียวคิดตาม “ เจ้าบอกทีว่า….ที่นี่มีเผ่าสวรรค์รึไม่ ?” อันที่จริงคำถามนี้เขาอยากถามมานานแล้วเพราะเขารับรู้พื้นที่ในทะเลบรรพกาลได้ แต่ไม่พบตัวตนที่เหมือนกับเผ่าสวรรค์เลย
“ ไม่” จางหยูส่ายหน้า
“ นี่…” ซื่อเซียวถามขึ้นอีกครั้ง “ แล้วกุยหลิงล่ะ ?”
เขาไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของกุยหลิงได้
“ ไม่” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ซื่อเซียวตื่นเต้นขึ้นมา “ ไม่มีกุยหลิง เจ้าจะบอกว่า…งั้นก็ไม่มีจักรพรรดิกุยหลิงรึ?”
“ จักรพรรดิกุยหลิง ?” ในหัวของจางหยูเต็มไปด้วยคำถาม “เจ้าหมายถึงอะไร ?”
“ กุยหลิงคือสัตว์ประหลาดที่นากลัวที่สุด เจ้าคิดว่ามันเป็นราชาของเหล่ากุยหลิงก็ได้” ซื่อเซียวพูดขึ้น สายตาของเขาแสดงความหวาดกลัวออกมา “ จักรพรรดิกุยหลิงคือตัวแทนของความพินาศ ส่วนมากแล้วมันจะหลับอยู่ ในทุกๆช่วงมันจะตื่นขึ้นมาและจะนำพาหายนะมาสู่ทะเลโกลาหล คนนับไม่ถ้วนต้องตาย แม้แต่จักรพรรดิอย่างเราเองก็อาจจะต้องเจ็บตัวเพื่อที่จะหนีจากมัน…”