ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1953 พลังของมนุษย์
เมื่อได้ยินที่จางหยูพูดมา ทั้งสี่ก็พากันตาเป็นประกายทันที “ จริงรึ ?”
หากทีมคังเฉียงได้ลูกปัดจิต 9 ใน 10 จากจำนวนทั้งหมดก็ต้องแบ่งให้จางหยูครึ่งหนึ่ง หากได้ไม่ถึง 9 ใน 10 งั้นจางหยูก็จะไม่เอาอะไรเลย
คิดยังไงพวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร !
ต้องรู้ก่อนว่าหากทีมคังเฉียงได้ลูกปัดมา 9 ใน 10 ส่วน แม้ว่าจะแบ่งให้จางหยูครึ่งหนึ่งและที่เหลือเอามาแบ่งกันเองแล้วพวกเขาก็จะได้ลูกปัดจิตหลายร้อยลูกอยู่ดี มันมากกว่าที่พวกเขาเคยได้มา !
และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาของเผ่าสวรรค์นั้นจะลดลงไปอย่างมาก !
หากทีมคังเฉียงทำไม่ได้ พวกเขาก็ได้แรงงานมาฟรีๆ !
เป็นทีมคังเฉียงต่างหากที่เสียเปรียบ ! หากจักรพรรดิคังเฉียงรู้เรื่องนี้ งั้นก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้สึกยังไง
หากพนันแล้วทำไมต้องยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ?
“ พวกเจ้าอยากพนันรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ พนัน” ซื่อเซียวตอบกลับโดยไม่ลังเล “ การพนันนี้เรามีแต่จะได้กำไร ทำไมเราต้องปฏิเสธด้วย ?”
เย่าหยาง, หว่านเก่อและ อู่หมิงเองก็คิดแบบเดียวกัน พวกเขาพากันตกลง เรื่องดีแบบนี้มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธ
จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้นมา “ ดี เมื่อมีก้อนแก่นปรากฏขึ้นมาพวกเจ้าก็มาหาข้าได้เลย ข้าจะจัดการให้ทีมคังเฉียงเดินทางไปเอง”
“ ได้ !” ซื่อเซียวหัวเราะออกมา
ไม่นานทั้งสี่คนก็แยกย้ายกลับไปด้วยสีหน้ายินดี แม้ว่าจางหยูจะเอาผลกำไรไปกว่าครึ่งแต่ผลลัพธ์นี้พวกเขาก็พอใจอย่างมาก
มันแค่ว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่าจางหยูเอาความมั่นใจมาจากไหนที่ว่าทีมคังเฉียงจะชิงเอาลูกปัดจิตมาได้มากกว่า 9 ใน 10 ส่วน ?
แม่ทัพนั้นสร้างได้ง่ายแบบนั้นเลยรึ ?
ต้องรู้ก่อนว่าตามที่พนันกันไว้ คู่แข่งของทีมคังเฉียงนั้นเป็นแม่ทัพของทั้งทะเลโกลาหล !
นี่ไม่ใช่แค่แม่ทัพของเผ่าสวรรค์แต่รวมถึงแม่ทัพของฝั่งมนุษย์ด้วย !
หากต้องสู้กับแม่ทัพแค่เขตเดียว เดาว่าคงไม่มีแม่ทัพของจักรพรรดิคนไหนที่จะเอาชนะทีมคังเฉียงได้แต่ปัญหาคือทีมคังเฉียงต้องเผชิญหน้ากับแม่ทัพจากทั้งทะเลโกลาหล แม่ทัพจากเขตทั้ง 9 !
“ เขาคงไม่ได้คิดว่าแม่ทัพในทุกเขตจะมีเท่ากับเขตซื่อเซียวหรอกนะ ?” เย่าหยางแสดงท่าทีแปลกๆออกมา ซื่อเซียว, หว่านเก่อและ อู่หมิงเองก็เผยสีหน้าแปลกๆออกมา
ปากของซื่อเซียวกระตุกไปตาม “ อย่ามาหาเรื่องกันหน่อยเลย”
“ เจ้ามีแม่ทัพน้อยที่สุด เจ้าจะโทษเราได้ยังไง ?” เย่าหยางเบะปากใส่ “ หากไม่ใช่เพราะเจ้ากำจัดซุนเหลียนเชิงแล้ว งั้นเจ้าอาจจะไม่ได้ด้อยที่สุด หลังจากที่ซุนเหลียนเชิงตายไป มันก็ไม่มีใครขึ้นมาแทนที่ พูดไปแล้วก็มีอัจฉริยะหลายคนที่แอบเข้ามาที่เขตเย่าหยางจากเขตซื่อเซียว แม่ทัพสองคนตอนนี้ก็มาจากเขตซื่อเซียว”
หว่านเก่อพยักหน้า “ ที่เขตข้าก็มี”
อู่หมิงย้ำให้ซื่อเซียวต้องปวดใจกว่าเก่า “ ในเขตของข้ามี 3 คน พูดไปแล้วเราทุกคนก็ควรจะขอบคุณซื่อเซียว”
“ อย่าปากดีกันไปนัก” ซื่อเซียวเบะปากแล้วตะโกนขึ้น
เรื่องในอดีตพูดไปแล้วก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจ
ใครจะไปคิดกว่าการที่เขาทิ้งซุนเหลียนเชิง จะทำให้เกิดผลกระทบมากมายถึงเพียงนี้ มันกลับทำให้อัจฉริยะหลายคนต้องหนีไป
โชคดีที่ผ่านมาหลายยุคแล้ว คนที่รู้เรื่องซุนเหลียนเชิงนั้นเหลือไม่มากนัก เรื่องของซุนเหลียนเชิงเริ่มส่งผลกระทบน้อยลงเรื่อยๆ
เมื่อเห็นท่าทีกังวลของซื่อเซียวทุกคนก็เลิกที่จะแกล้งเขา
หว่านเก่อได้พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเสียดาย “ น่าเสียดายซุนเหลียนเชิงจริงๆ หากเขาไม่ตาย ความแข็งแกร่งคงไม่ด้อยกว่าเรนไนแม่ทัพขั้นสูงสุด มันไม่ใช่แม่ทัพทุกคนที่ก้าวขึ้นไปถึงระดับนั้นได้…ยิ่งกว่านั้นความสามารถในการสั่งทัพและการจัดการของเชาก็คือสิ่งที่เรนไนไม่มี ซุนเหลียนเชิงน่ะถือว่าเป็นอัจฉริยะ !”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนต่างก็พากันเงียบไป ซื่อเซียวเองก็เสียดายเช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่าพรสวรรค์ของซุนเหลียนเชิงนั้นจะเหนือกว่าคนอื่นๆ !
ตอนแรกเขตซื่อเซียวไม่ได้เสียเปรียบให้กับเขตซีเหมิงก็เพราะผลงานของ ซุนเหลียนเชิง !
ซุนเหลียนเชิงนั้นสามารถกอบกู้เขตซื่อเซียวให้รุ่งโรจน์ได้ !
ตั้งแต่ที่ซุนเหลียนเชิงตายไปมันก็ไม่มีใครทำแบบเขาได้อีก สถานการณ์ของเขตซื่อเซียวและเขตซีเหมิงนั้นพลิกผันกลับมาอย่างรวดเร็ว จนถึงวันนี้เขตซื่อเซียวก็เสียเปรียบเขตซีเหมิงมาโดยตลอด เขตซื่อเซียวเริ่มโดนยึดดินแดนมากขึ้นเรื่อยๆ
จุดเปลี่ยนทั้งหมดนั้นคือตอนที่ซุนเหลียนเชิงตายไป
โชคดีก่อนที่ซุนเหลียนเชิงจะตายนั้นเขาได้สร้างผลงานได้ไว้มากพอ ดังนั้นเขตซื่อเซียวจึงยื้อมาได้นานแบบนี้ไม่งั้นแล้วสถานการณ์อาจจะย่ำแย่กว่าเก่า
“ อย่าพูดเรื่องซุนเหลียนเชิงเลย “ เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของซื่อเซียวเย่าหยางก็เปลี่ยนเรื่อง “ อย่างที่ข้าบอกไป จักรพรรดิคังเฉียง คงไม่รู้สถานการณ์ของเขตอื่น ”
มันมีแม่ทัพ 4 คนในเขตซื่อเซียว เมื่อเก่อเย่ตายไปก็เหลือแค่ 3 คน
แต่เขตอื่นๆนั้นต่างจากเขตซื่อเซียวอย่างมาก เขตเย่าหยางมีแม่ทัพถึง 8 คน
แม้แต่รองแม่ทัพก็ยังมีความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพ มันเห็นได้ว่าเขตเย่าหยางจะมีแม่ทัพมากเท่าไหร่กัน
เขตหว่านเก่อและเขตอู่หมิงน่าทึ่งกว่าเขตเย่าหยางโดยเฉพาะเขตหว่านเก่อมันมีแม่ทัพขั้นสูงสุดอยู่ด้วย เขตอู่หมิงเองก็อาจจะมีแม่ทัพขั้นสูงสุดอยู่คนหนึ่ง นี่คือความแข็งแกร่งสูงสุดที่แม่ทัพจะมีได้
“ ข้าว่า จักรพรรดิคังเฉียง คงแพ้พนัน” เย่าหยางพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ มันไม่ใช่ว่าเขาดูถูกทีมคังเฉียง ในทางกลับกันแล้วเขาให้ความสำคัญกับทีมคังเฉียงอย่างมาก เขาคิดว่าความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียงอาจจะแกร่งที่สุดในทุกเขต ไม่งั้นแล้วพวกเขาคงไม่มาขอความร่วมมือกับจางหยูหรือยอมแบ่งลูกปัด 1 ใน 5 ส่วนให้กับจางหยู
แค่ว่าเขตทั้งสี่ของพวกเขาแตกต่างกันออกไป นอกจากเขตซื่อเซียวแล้ว เขตอื่นๆอีกสามเขตนั้นถือว่าแกร่งอยู่พอตัว ไม่งั้นแล้วคงพ่ายแพ้ต่อเผ่าสวรรค์ไปนานแล้ว
….
แต่ในใจซื่อเซียวคิดว่าจางหยูอาจจะมีวิธีรับมืออยู่
“ อีก 3 ล้านปี…ด้วยลูกปัดดั้งเดิมจำนวนมาก ข้าก็สามารถบ่มเพาะกลุ่มแม่ทัพขั้นสูงสุดได้” จางหยูยิ้มออกมาบางทีสำหรับจักรพรรดิรวมถึงจ้าวโกลาหลแล้ว เวลา 3 ล้านปีเป็นเวลาสั้นๆแต่สำหรับสำนักคังเฉียงแล้ว เวลากว่า 3 ล้านปีนี้เป็นเวลาที่ยาวนานอย่างมาก หลายคนในสำนักคังเฉียงมีอายุไม่ถึงแสนปี หากให้เวลาพวกเขา 3 ล้านปี แน่นอนว่าพวกเขาต้องก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพขั้นสูงสุดได้
จางหยูเหม่อไปราวกับนึกภาพของอนาคตอยู่
เขาคิดภาพออกว่าอีก 3 ล้านปีจากนี้ในสำนักคังเฉียงจะเต็มไปด้วยแม่ทัพขั้นสูงสุด มันอาจจะมีจักรพรรดิคนใหม่กำเนิดขึ้นมาในทะเลบรรพกาล สำหรับว่าจะให้ใครเป็นจักรพรรดินั้น จางหยูยังไม่ตัดสินใจบางทีอาจจะเป็นร่างแยกของเขา บางทีอาจจะเป็นศิษย์ของเขา
ยังไงซะเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าร่างแยกของเขาจะขึ้นมาเป็นจักรพรรดิได้รึไม่
เขาไม่รู้ว่าจ้าวแห่งทะเลโกลาหลสร้างจักรพรรดิขึ้นมาได้ยังไง