ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1961 หาตัวจ้าวแห่งทะเลโกลาหล
เมื่อนึกถึงฉากที่จางหยูและจักรพรรดิกุยหลิงสู้กัน ซื่อเซียวก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจ
ความแข็งแกร่งของจางหยูนั้นสูงกว่าเขาอย่างมาก แม้ว่าจักรพรรดิมนุษย์ทั้งสี่จะร่วมมือกันแต่ก็ยากจะทัดเทียมกับ จางหยูได้
เขาถึงกับรู้สึกว่าจางหยูนั้นแกร่งกว่าจักรพรรดิกุยหลิงที่พวกเขาเคยพบในอดีต
จักรพรรดิกุยหลิงนั้นแกรงกว่าเดิมอย่างมาก หากจางหยูเกิดขึ้นมาในยุคก่อน งั้นทะเลโกลาหลคงกลายเป็นโลกของ จางหยู จักรพรรดิกุยหลิงและเผ่าสวรรค์จะมีตัวตนอยู่ได้ยังไง ?
“ จักรพรรดิกุยหลิงแกร่งขึ้นเรื่อยๆแต่จักรพรรดิของทะเลบรรพกาลยังน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้…”
คำปลอบใจเดียวที่เขามีตอนนี้คือ จางหยูเป็นมนุษย์ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนของทะเลโกลาหลแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเผ่าสวรรค์
ซื่อเซียวส่ายหน้าและปลอบใจตัวเอง “ บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเมื่อมีเขาอยู่ การเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกุยหลิงก็ไม่ต้องกดดันอะไรมาก”
“ หากเรากำจัดจักรพรรดิกุยหลิงและลบอันตรายทั้งหมดได้ ตัวตนของจางหยูอาจจะไม่ใช่ว่าจะรับไม่ได้”
ที่ทะเลบรรพกาล
จางหยูได้เดินทางผ่านวังวนเข้ามายังทะเลบรรพกาล ด้วยจิตไร้เทียมทานด้านในก็ทำให้พลังจิตและจิตของเขาฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นอกจากจิตที่สั่นไหวแล้ว มันไม่ได้มีอันตรายใดๆเลย
มันมีหลายคนปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆเขา พวกนั้นพากันแสดงสีหน้ากังวลแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะกลัวว่าจะรบกวนจางหยู
ไม่นานจางหยูก็ลืมตาขึ้นและมองไปยังคนเหล่านั้น “ ก่อนหน้านี้พวกเจ้าว่ายังไงนะ…”เขาจำได้ว่าตอนที่พวกนี้มาหาเขา หว่านเก่อกำลังจะพูดบางอย่างแต่เขายังไม่ทันได้ฟังก็เดินทางออกไปยังทะเลโกลาหล
หว่านเก่อจะบอกอะไร ?
“ ตอนนั้นเจ้าบอกว่าจักรพรรดิกุยหลิงได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เขตของข้าอาจจะพบกับหายนะ…หวังว่า…” จางหยูพยายามนึก เพราะจิตของเขายังสั่นไหวอยู่จึงต้องออกแรงคิดอยู่บ้าง “ หวังว่าอะไรกัน ?” เขามองไปที่หว่านเก่อ “ เจ้าจะพูดอะไร ?”
หว่านเก่ออ้าปากค้าง ปากของนางกระตุกนิดๆก่อนที่นางจะส่ายหน้า “ ไม่มีอะไร”
นางอยากบอกให้จางหยูไปช่วยเขตแม่ทัพของนางเอาไว้แต่ตอนนี้จักรพรรดิกุยหลิงกลับโดนจางหยูไล่กลับไปแล้ว เป็นธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องช่วยเหล่าแม่ทัพของนาง
“ โอ้ “ จางหยูเห็นแบบนั้นก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ เมื่อหว่านเก่อบอกเช่นนั้น งั้นเขาก็จะถือว่าไม่มีอะไร ตอนนั้น ซื่อเซียวได้ถามขึ้นมา “ คังเฉียง ข้าถามอะไรเจ้าได้รึไม่ ?”
จางหยูมองไปที่ซื่อเซียวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ “ ว่ามาได้เลย”
“ ทำไมเจ้าถึงได้แกร่งขนาดนี้ ?” ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูด้วยสายตาอิจฉา “ เจ้าบ่มเพาะยังไงกัน ?”
จักรพรรดิที่เหลือเองก็มองไปที่จางหยูด้วยความอยากรู้
พวกเขารู้มาก่อนแล้วว่าจางหยูไม่ได้สร้างมิติภายนอก พวกเขาสงสัยจริงๆว่าจางหยูน่ะบ่มเพาะยังไงถึงได้มีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวแบบนี้ได้
“ วิธีการบ่มเพาะของข้านั้นพวกเจ้าไม่อาจจะเรียนรู้ได้” จางหยูส่ายหน้า “ นี่คือระบบการบ่มเพาะของข้าเองไม่อาจจะมีใครเรียนรู้ได้ ไม่ใช่แค่พวกเจ้า แม้แต่จักรพรรดิของทะเลบรรพกาลก็ไม่อาจจะเรียนรู้ได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งสี่ก็พากันแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา พวกเขาไม่เชื่อคำพูดของจางหยูพวกเขาคิดว่า จางหยูไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องนี้
แต่เมื่อคิดดูแล้วก็เข้าใจได้ ยังไงซะพวกเขากับจางหยูก็ไม่ใช่พวกเดียวกัน แล้วทำไมจางหยูต้องบอกพวกเขา ?
“มีอะไรอีกรึไม่ ? หากไม่มีอะไรแล้วข้าจะไปพักผ่อนฟื้นฟูตัวเอง” จางหยูกวาดตามองไปรอบๆ
จิตของเขาสั่นคลอน มันต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูตัวเอง
“ ช้าก่อน มีอีกเรื่อง” ซื่อเซียวพูดขึ้น
“ ว่ามา”
“ เจ้าช่วยอะไรข้าได้รึไม่ พาแม่ทัพของเรามายังทะเลบรรพกาลแล้วส่งพวกเขาออกไปตอนที่แข่งกันแย่งเอาก้อนแก่นได้รึไม่ ? เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ทะเลโกลาหลนั้นอันตราย จักรพรรดิกุยหลิงอาจจะกลับมาตอนไหนก็ได้ การให้พวกเขาอยู่ในทะเลโกลาหลต่อไปนั้นอันตรายอย่างมาก”
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจักรพรรดิกุยหลิงถึงถอยกลับไป ไม่มีใครมั่นใจว่าจักรพรรดิกุยหลิงจะไม่กลับมา
มองดูแล้วจักรพรรดิกุยหลิงอาจจะโดนจางหยูไล่ไปแต่อันที่จริงทุกคนรู้ว่าการที่จักรพรรดิกุยหลิงถอยกลับไปนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับจางหยูเลย แต่ถึงพวกเขาจะเข้าใจเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“ ได้สิ” จางหยูยิ้มออกมา “ ที่ว่างแต่ละที่ต้องจ่ายลูกปัดดั้งเดิม 1 ล้านล้านลูก ข้าจะให้ที่ว่าพวกเจ้า 10 ที่”
ศิษย์และอาจารย์ในสำนักไม่ได้ขัดสนลูกปัดดั้งเดิมแต่ จางหยูมีร่างแยกบ่มเพาะอีกแปดแสนร่างที่ต้องการลูกปัดดั้งเดิมจำนวนมาก !
“ 1 ล้านล้าน ..นี่มัน…” ตงหยาง ลังเล “ เจ้าลดได้รึไม่ ?”
พวกเขาไม่ได้สนใจลูกปัดดั้งเดิมแต่พวกเขาแค่ต้องเผื่อไว้ใช้งาน
ก่อนหน้านี้พวกเขาจ่างลูกปัดไป 5 ล้านล้านลูก มันคือสิ่งที่พวกเขาสั่งสมกันมาหลายยุค ตอนนี้พวกเขาแทบจะหมดตัวแล้ว
ซื่อเซียวและคนอื่นๆพากันมองไปที่จางหยูหวังว่าจางหยูจะลดลูกปัดให้กับพวกเขา
แต่จางหยูกลับไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อยและพูดขึ้น “ ลูกปัด 1 ล้านล้านลูก พวกเจ้าจะตกลงรึไม่ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า” ทุกคนต่างก็ใจหล่นวูบ
สุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่กัดฟันแน่นและจ่ายลูกปัดดั้งเดิมให้กับ จางหยู สี่คนก็เท่ากับ 4 ล้านล้านลูก
ลูกปัดดั้งเดิมที่พวกเขาเสียไปนั้นต้องใช้เวลาเก็บมานาน ตอนนี้กระเป๋าพวกเขาแทบจะว่างเปล่าแล้ว แม้แต่ลูกปัดที่ต้องใช้ในโกลาหลก็อาจจะขัดสนไปด้วย
“ ฮ่าฮ่า ยินดีที่ได้ร่วมงาน” จางหยูรับลูกปัดมาแล้วพูดขึ้น “ ข้าจะให้ร่างแยกไปรับพวกเขามายังทะเลบรรพกาล พวกเจ้ารอได้เลย”
ทุกคนต่างก็กลับไปด้วยสีหน้าหม่น
หากไม่ได้เห็นจางหยูสู้กับจักรพรรดิกุยหลิงและรู้สึกว่าจางหยูยิ่งใหญ่ การที่เห็นจักรพรรดิขี้งกแบบนี้ผิดจากภาพในตอนแรกอย่างมาก มันทำให้พวกเขาไม่เข้าใจจางหยู จักรพรรดิของทะเลบรรพกาลทำไมถึงได้งกเช่นนี้ได้
เมื่อเห็นว่าพวกนั้นจากไป จางหยูก็หุบยิ้มพร้อมกับสายตาสงสัย
เขามองไปยังเกราะบรรพกาลที่แตกเป็นชิ้นๆและดาบที่มีรอยร้าว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าขึ้นมา นี่คือผลงานที่เขาภูมิใจที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าการต่อสู้ตะกี้เกือบทำให้มันโดนทำลาย
จางหยูส่ายหน้าสลัดความสลดทิ้งไป เขาใส่เกราะและดาบเข้าไปในตันเถียน เขาพึ่งพลังจิตเพื่อซ่อมแซมมัน แม้ว่ามันจะใช้เวลานานแต่ก็สั้นกว่าการสร้างมันขึ้นมาใหม่ หลังจากที่จัดการเรื่องเกราะกับดาบแล้ว จางหยู ก็ได้บอกกับจางลู่และร่างแยกคคนอื่นๆให้ไปรับแม่ทัพตามรายชื่อเข้ามายังทะเลบรรพกาล
…
“ ทำไมคังเฉียงถึงแกร่งแบบนี้ได้ ?” หลังจากที่เงียบมานานเย่าหยางก็ได้ถามขึ้น
ซื่อเซียวแสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา “ เราบ่มเพาะมาหลายปี เรามีมิติภายนอกและลูกปัดจิตคอยช่วย เราไม่ได้อ่อนแอแต่หากเทียบกับคังเฉียงแล้วต่างกันอย่างมาก….จักรพรรดิจะมีความแข็งแกร่งน่ากลัวแบบนั้นได้จริงๆรึ ?”
หว่านเก่อพูดขึ้นมา “ ข้าสงสัยว่าเขาอาจจะขึ้นไปเหนือกว่าจักรพรรดิแล้ว…อันที่จริงหากข้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ข้าคงไม่เชื่อว่าจักรพรรดิจะแกร่งแบบนี้ได้…”
“ ข้าสงสัยว่าจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลจะแกร่งพอๆกับคังเฉียงรึไม่ ? “ เย่าหยาง แสดงสีหน้าซับซ้อนออกมา “ หากจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลแกร่งพอๆกับคังเฉียง งั้นจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลจะน่ากลัวขนาดไหนกัน ?”
พวกเขาเห็นแค่จักรพรรดิคังเฉียง จักรพรรดิแค่คนเดียวของทะเลบรรพกาล พวกเขาไม่มั่นใจว่าจักรพรรดิคนอื่นจะแกร่งแค่ไหน
พวกเขาพากันมองหน้ากัน
“ หากจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งกันทุกคน…งั้นเรา…” น้ำเสียงของซื่อเซียวดูขมขื่น “ ข้ากลัวว่าเราคงไม่อาจจะเทียบได้ แค่คนเดียวก็อาจจะเอาชนะเราได้”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันสลด
ก่อนที่พวกเขาจะมายังทะเลบรรพกาล พวกเขาคิดว่าจะพอมีอำนาจที่นี่อยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่ได้มีอำนาจเหมือนในทะเลโกลาหลแต่การได้อำนาจในระดับหนึ่งก็ดีกว่าการต้องต่ำต้อยในดินแดนของคนอื่น
“ บางทีเราอาจจะต้องไปหาตัวจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล” ซื่อเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วหรี่ตาลง “ หากเราได้รับความเชื่อใจจากจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล แม้ว่าเราจะต้องฉีกหน้ากับคังเฉียงแต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะไล่เราออกจากทะเลบรรพกาล…นี่เท่ากับเราไม่ต้องกลัวใครเลย”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีเรื่องผิดใจกับจางหยูในตอนนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น ?
…
ที่มุมหนึ่งของทะเลบรรพกาล
ฉิวหวังพุ่งชนม่านแสงไปมา ตัวของเขาสั่นไหวแต่ก็ไม่อาจจะทำให้ม่านแสงนี่สั่นได้เลย
“นี่มันที่ไหนกัน ! คังเฉียง ให้ข้าออกไป !” เมื่อเห็นพื้นที่แปลกๆรอบตัวและม่านแสงที่ไม่สั่นไหว ฉิวหวังก็กลัวอย่างมาก
แค่ว่าการกรีดร้องของฉิวหวังนั้นไม่มีใครตอบกลับ มันมีแต่ความเงียบที่ครอบคลุมคุกแสงแห่งนี้เท่านั้น