ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 1965 สร้างจักรพรรดิ(II)
ต่อมาจิตของเรนไนก็ได้ส่องแสงออกมาราวกับสัมผัสกับกฎลึกลับ
แรงกดดันจากทะเลบรรพกาลทั้งหมดนั้นได้กดทับครอบคลุมไปทั้งทะเลบรรพกาล เศษเสี้ยวจิตกระจายราวกับจุดแสงก่อนจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับทะเลบรรพกาล
“ นี่..” ไกลออกไป ซื่อเซียว, เย่าหยางและอู่หมิงกลับเงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดกลัว ร่างของพวกเขาสั่นไหว จิตของพวกเขาเองก็เช่นกัน
เสียเทียน, จิงหงและแม่ทัพคนอื่นๆพากันทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นโดยไม่อาจจะควบคุมร่างกายของตัวเองได้
ทุกคนต่างก็อึ้งกับพลังนี้ ภายใต้พลังอันสูงส่งนี้แม้แต่จักรพรรดิก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นตัวเล็กจ้อยราวกับเม็ดทรายในโกลาหล พวกเขามีแต่ความเคารพในใจ หากจักรพรรดิกุยหลิงแกร่งพอที่จะทำให้พวกเขากลัวได้ งั้นแรงกดดันนี้ก็ทำให้พวกเขาไม่คิดจะต้านทานเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเจ้าของแรงกดดันนี้อยากให้พวกเขาตายแต่พวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าตัวตาย
มันราวกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนในมิตินี้แต่มาจากมิติที่ไม่อาจจะเข้าใจได้ !
จ้าวแห่งทะเลบรรพกาล !
ในพริบตาก็มีคำนี้โผล่มาในหัวของทุกคน
มันไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานใดๆ มันไม่จำเป็นต้องสงสัย ตอนที่แรงกดดันนี้ก่อตัวขึ้นมานั้นพวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเจ้าของแรงกดดันนี้เป็นใคร มันคือตัวตนที่ไร้เทียมทาน จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลในตำนาน !
มีแค่จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลที่เหนือกว่าทุกสิ่ง !
ต้นกำเนิดของทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล ทุกอย่างที่นี่มีตัวตนก็เพราะจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล พวกเขาไม่อาจจะเข้าใจความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลได้ พวกเขาไม่อาจจะเข้าใจพลังที่เหนือกว่ามุมมองที่พวกเขามีแต่พวกเขาไม่คิดสงสัยถึงความยิ่งใหญ่ของเจ้าของพลังนี้
ซื่อเซียวและคนอื่นๆอยากจะพบกับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล พวกเขาอยากอ้อนวอนกับอีกฝ่ายเพื่อจะได้รับความเชื่อใจ แต่เมื่อรับรู้พลังอีกฝ่ายได้จริงๆ ความคิดเพ้อฝันในหัวก็หายไปในทันที พวกเขาเหมือนกับไฟดวงเล็กๆแต่จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้นเป็นดั่งดวงอาทิตย์ ดังนั้นไฟดวงเล็กๆจะทำให้ดวงอาทิตย์พอใจได้ยังไง ?
ถึงจะเป็นจักรพรรดิกุยหลิงแต่ต่อหน้าจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากมดเลยไม่ใช่รึ ?
ในอดีตพวกเขารู้แค่ว่าจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้นต้องแข็งแกร่งแต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะแกร่งได้ถึงเพียงไหน แต่ตอนนี้พวกเขารับรู้ได้แล้ว !
“ จ้าวแห่งทะเลบรรพกาล !” ซื่อเซียวโค้งให้และคุกเข่าลงไปกับพื้นด้วยความเคารพ
เย่าหยางและอู่หมิงรวมถึง หว่านเก่อและเรนไน ต่างก็พากันคุกเข่าลงไปเพื่อแสดงความเคารพต่อจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล
เมื่อเห็นว่าหว่านเก่อและเรนไนคุกเข่า ปากของจางหยูก็พลันกระตุก เขาลังเลสักพักก่อนจะพูดขึ้น “ ช่างเถอะ คุกเข่าให้ตัวเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร”
จากนั้นเขาก็ได้ทำการควบคุมจิตไร้เทียมทาน
หลังจากที่ดูดซับจิตของเรนไนเอาไว้ จางหยูก็ไม่ได้ขยับตัวแต่อย่างใด เขาได้ทำการมอบพลังของทะเลบรรพกาลให้กับอีกฝ่าย มันไม่ใช่พลังที่แท้จริงแต่เป็นพลังส่วนหนึ่ง มันเรียกได้ว่าสิทธิ์จำลองก็ได้ แม้ว่าจะมีความสามารถในการควบคุมพลังบรรพกาลแต่ก็มีพลังไม่เท่ากับสิทธิ์จริงๆ มันยังมีข้อจำกัดอยู่
ด้วยสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นมานี้พลังของเรนไนกลับคึกขึ้น พลังจิตของเขาปั่นป่วนยิ่งกว่าเก่า จิตของเขาผันผวนยิ่งกว่าเดิม แต่เขาก็ยังไม่อาจจะทะลวงผ่านขีดจำกัดของแม่ทัพสูงสุดได้
จางหยูไม่ได้รีบร้อนและทำการเพิ่มสิทธิ์ให้ต่อ
1, 2, 3….ตอนที่พลังเข้าไปในร่างถึง 12 ส่วน สภาพสมดุลของเรนไนก็พังลง มันราวกับว่าเขาทะลวงผ่านจุดสำคัญมาได้ มันเกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายอย่างมาก
พลังของจักรพรรดิได้พรั่งพรูออกมาจากตัวของเรนไน
จิตของเรนไนซ่อมแซมตัวเองภายใต้พลังของจักรพรรดิ สภาพเขาฟื้นฟูจนไปถึงขีดสุด ด้วยสิทธิ์กฎของโลกนี้ที่เพิ่มขึ้นมา พลังจิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พลังจิตของเขาพุ่งทะยานขึ้น จิตที่เปราะบางแต่เดิมได้แกร่งขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ความแข็งแกร่งของเขาทะลวงผ่านกำแพงมาได้และเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ร่างกายและวิญญาณของเขาได้สลายไปก่อนจะสร้างขึ้นมาใหม่สลับกันไปแบบนี้เรื่อยๆ
โชคดีที่ความแข็งแกร่งของเขาเพียงพอทำให้เขารอดอยู่ต่อไปได้
ตูม ! อยู่ๆกลับมีพลังระเบิดออกมาจากตัวของเรนไน กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
คลื่นพลังของเขากลายเป็นคลื่นพลังของจักรพรรดิไปทันที !
พลังจิตของแม่ทัพสูงสุดได้เปลี่ยนเป็นพลังจิตของจักรพรรดิ !
จิตได้เปลี่ยนเป็นจิตของจักรพรรดิ !
วิญญาณและร่างกายที่เปราะบางได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ให้แข็งแกร่งกว่าเก่า !
“สำเร็จ !” เรนไนลืมตาขึ้นมา เขาราวกับเกิดใหม่ เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด สายตาเขาเปล่งแสงราวกับดวงอาทิตย์ พลังของจักรพรรดิได้กระจายไปทั่วตัวของเขา “ นี่คือจักรพรรดิ !”
หว่านเก่อลุกขึ้นยืนและมองไปที่เรนไนด้วยความตื่นเต้นก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ “ ท่านพี่ !”
จางหยูยืนรออยู่เงียบๆชื่นชมกับจักรพรรดิคนแรกที่เขาได้สร้างขึ้นมา
“ พลังจิต 12 เส้นถึงจะสร้างจักรพรรดิได้..” สายตาของจางหยูทุ้มลึกขึ้นมา “ ตามขนาดของทะเลบรรพกาลแล้ว มันมีพลังจิต 36 ส่วน ต้องบอกว่านอกจากเรนไนแล้วข้ายังสร้างจักรพรรดิได้อีก 2 คน”
“ ตัวเขาเองรับพลังจิตของข้าเข้าไป ดังนั้นจึงไม่อาจจะตัดออกได้ หากเทียบกับทะเลโกลาหลแล้ว มันยังมีความต่างอย่างมาก !”
ทะเลโกลาหลมีจักรพรรดิได้ 9 คน ทะเลบรรพกาลมีได้แค่ 3 คน สิ่งนี้มันจึงทำให้จางหยูสลดอย่างมาก
โชคดีที่ความเร็วในการขยายตัวของทะเลบรรพกาลนั้นไม่ได้ช้า โดยเฉพาะหลังจากที่เรนไนขึ้นเป็นจักรพรรดิ มันก็ทำให้ทะเลบรรพกาลเร่งความเร็วในการขยายตัวขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งมันอาจจะอีกไม่นานที่ทะเลบรรพกาลจะสามารถรับจักรพรรดิได้ 4 คน “ ตอนนี้มีแค่แม่ทัพสูงสุดที่รับพลังจิตของข้าได้” นี่คือข้อมูลหนึ่งที่จางหยูได้มา
ในอนาคตเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการทำลายร่างแยกของเขาแล้ว ตราบใดที่พวกนั้นบ่มเพาะได้เป็นแม่ทัพสูงสุด งั้นพวกนั้นก็จะขึ้นมาเป็นจักรพรรดิได้
เมื่อพวกนั้นขึ้นเป็นจักรพรรดิ แม้ว่าจะออกจากทะเลบรรพกาลไปแต่ก็สามารถใช้พลังของจักรพรรดิได้ แทนที่จะยืมพลังจิตจากร่างของเขาเหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้
สิ่งเดียวที่ไม่แน่นอนคือทะเลบรรพกาลจะขยายตัวไปได้ไกลแค่ไหน จักรพรรดิ 9 คนจะเป็นขีดจำกัดของทะเลบรรพกาลรึไม่
ทะเลโกลาหลนั้นหยุดขยายตัวแล้วรึอาจจะบอกว่าความเร็วในการขยายตัวของมันไม่อาจจะทันความเร็วในการทำลายตัวเองได้ ดังนั้นจึงมีจักรพรรดิได้เพียง 9 คน จางหยู ไม่รู้ว่ามันเพราะเหตุผลอะไร หากทะเลบรรพกาลขยายตัวเท่ากับทะเลโกลาหล งั้นมันจะพบปัญหาและหยุดขยายตัวรึไม่ ? เมื่อเห็นสถานการณ์ของทะเลโกลาหล จางหยูก็ต้องกังวลเรื่องนี้
แต่ทะเลบรรพกาลยังด้อยกว่าอีกเยอะ มันต้องใช้เวลานานกว่าจะเทียบกับทะเลโกลาหลได้ จางหยูไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก
จางหยูส่ายหน้าเรียกสติกลับมาก่อนจะดึงพลังจิตกลับมา แรงกดดันทั้งหมดในทะเลบรรพกาลได้จางหายไปทันที
เรนไนได้สติกลับมา เขารวบรวมพลังจักรพรรดิแล้วคุกเข่าให้ “ ขอบคูณจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล !”
หว่านเก่อเห็นแบบนั้นก็คุกเข่าตามทันที “ ขอบคุณจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล !”
ทั้งทะเลบรรพกาลได้เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกัน “ คำนับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล !”
จางหยูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคุกเข่าให้ตัวเองอีกครั้ง “ คำนับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล !”
เมื่อแรงกดดันนี้หายไป หว่านเก่อ , เรนไน , จางหยูรวมถึงคนอื่นๆก็พากันลุกขึ้นยืนด้วยตัวที่สั่น
“ ยินดีด้วย” จางหยูยื่นมือไปจับกับเรนไน “ จากนี้ทะเลบรรพกาลก็มีจักรพรรดิเพิ่มมาอีกคน”
เรนไนยิ้มออกมา ชัดแล้วว่าเขารู้สึกดีกับจางหยู “ ข้าเป็นจักรพรรดิได้ก็เพราะความช่วยเหลือของจักรพรรดิคังเฉียง ! ขอบคุณเจ้ามาก !”
หว่านเก่อเองก็ขอบคุณเช่นกัน “ ความเมตตาของจักรพรรดิคังเฉียงนั้นข้าจะจดจำเอาไว้ !”
ตอนนั้นซื่อเซียว, เย่าหยางและอู่หมิงก็ได้บินเข้ามาก่อนที่จะหยุด พวกเขาพากันมองไปที่เรนไนด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ “ เรนไน เจ้า…”
“ หลังจากที่ผ่านความลำบากมานาน ข้า เรนไน สุดท้ายก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิจนได้”
เรนไนเงยหน้าขึ้นมองเหล่าจักรพรรดิโดยรอบ “ แต่พูดไปแล้วพวกเจ้าก็ขึ้นเป็นจักรพรรดิก่อนข้า ข้าเกิดก่อนพวกเจ้า เมื่อข้าขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว ข้าก็คงไม่ต้องภูมิใจอะไรในเรื่องนี้”
เพราะสำหรับเรนไนแล้ว ซื่อเซียว, เย่าหยาง, อู่หมิงและคนอื่นๆแล้วเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น
ในทะเลโกลาหลเกรงว่าคงไม่มีใครอยู่มานานกว่าเขาได้