ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 428 :เฉินกู V อ้าวเยว่(II)
ตอนที่ 428 :เฉินกู V อ้าวเยว่(II)
บนท้องฟ้านั้น เซียนทั้งสี่รวมไปถึงคนของสำนักคังเฉียงต่างก็รู้สึกกดดัน อาณาเขตของเฉินกูและอ้าวเยว่ทำให้พวกเขากดดันเป็นอย่างมาก จนแทบจะหายใจกันไม่ออก
ทุกคนพากันหน้าซีดและแทบจะสลบไป สีหน้าของจางหยูยังคงเดิม เขาไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรจากอาณาเขตของทั้งสองคนนี้เลย
แต่เมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของคนโดยรอบ การรับรู้ของจางหยูก็แผ่ออกไปแทบจะทันที และร่างของทุกคนก็ได้หายไปจากโลกป่าขั้นต่ำแห่งนั้น ไม่มีใครพบได้ว่าพวกเขาไปอยู่ที่ไหน
เขาได้เปิดมิติส่วนแยกออกมาด้วยความสามารถพิเศษอย่างการควบคุมมิติ
“ ฟู่…” ตอนที่มิติส่วนแยกก่อตัวขึ้นมา อาณาเขตที่ห่อหุ้มทุกคนเอาไว้ก็หายไปทันที ซึ่งทำให้แรงกดดันนั้นหายไปด้วย ผู้คนอดไม่ได้ที่จะพากันหอบหายใจและเหงื่อตก
ซู่เหยียนและคนอื่นๆไม่พบอะไรผิดปกติ พวกเขาคิดว่าจางหยูคลายแรงกดดันให้กับพวกเขา แต่เซียนทั้งสี่คนนั้นเห็นวิธีที่จางหยูใช้ออกมา
“ น่ากลัวจริงๆ ! ” สายตาของทั้งสี่จับจ้องไปที่จางหยูและความไม่เข้าใจที่ก่อตัวขึ้นมา การควบคุมมิตินั้นพวกเขาก็ทำได้แต่ทำได้ไม่ดีเท่ากับจางหยู
ในอีกความหมายคือ พวกเขาควบคุมมิติตอนที่มิติมั่นคง แต่หากมิติผันผวนแม้แต่เล็กน้อย มันก็จะเกิดความล้มเหลวขึ้นมา จากจุดนี้ก็เห็นได้ถึงความน่ากลัวของจางหยู!
จางหยูไม่ได้สนใจสายตาของเหล่าเซียน เขามองไปที่เฉินกูและอ้าวเยว่ที่อยู่ไกลออกไป สองคนนั้นได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใจกลางส่วนที่ปะทะกันนั้นมีรอยแตกของมิติเกิดขึ้น แม้แต่อากาศที่บริเวณนั้นก็ยังถูกสูบหายไป
“ กฎธาตุไฟ ” เฉินกูตาเป็นประกายขึ้นมา กฎธาตุไฟมีพลังที่ร้ายกาจซึ่งเป็นรองแค่เพียงกฎทอง กฎธาตุไฟนี้เพิ่มความเร็วให้กับตัวเองได้ บอกได้ว่ากฎธาตุไฟและกฎทองนั้นเด่นเรื่องการโจมตี สำหรับเฉินกูแล้วการต่อสู้นี้คือสิ่งที่เขาคาดหวังเพราะเขาจะได้ทำความเข้าใจกฎทองได้ดีกว่าเดิม
ทองคือพลังที่แท้จริง !
ในเวลาเดียวกันอ้าวเยว่ก็ยักคิ้วขึ้นมา “ กฎทองรึ ?”
กฎที่เน้นการโจมตีเพียงอย่างเดียวในหมู่กฎทั้งห้า ถูกใช้ออกมาโดยเฉินกู พลังของมันแน่นอนว่าต้องร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัย !
“ กฎทองแข็งแกร่งจริงๆ ! ” อ้าวเยว่มองไปที่เฉินกู “ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร ”
เมื่อพูดจบมันก็เกิดวังวนขนาดใหญ่ขึ้นในอาณาเขตไฟ ที่ใจกลางวังวนไฟของอ้าวเยว่ได้ปะทุขึ้นมา ในพริบตาอาณาเขตไฟก็ลุกไหม้ขึ้นหนักกว่าเดิม อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้นมาและรอยแตกมิติก็เกิดขึ้นอีกหลายส่วนในอาณาเขตไฟ ความร้อนสูงของอาณาเขตนี้ทำให้มิติเกิดการบิดเบี้ยว
ด้านล่างพวกเขาที่เป็นเขตมืด หิมะและน้ำแข็งเริ่มละลายด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ยอดเขาน้ำแข็งที่คงอยู่มาหลายร้อยปีหรืออาจจะล้านปีเริ่มลดความสูงลงด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ร่างกายของอ้าวเยว่ครอบคลุมไปด้วยไฟสีทองราวกับไฟจากดวงอาทิตย์ ไฟนั้นดูราวกับไม่อาจจะหยุดยั้งได้
เมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนจากทางอ้าวเยว่เฉินกูก็แปลกใจขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ “ พลังของกฎไฟกลับถูกนางใช้ออกมาได้ถึงเพียงนี้…”
จากนั้นสีหน้าของเฉินกูก็เปลี่ยนไป “ อาณาเขตของข้าถูกยับยั้ง ! ”
ในอาณาเขตที่ส่วนไฟทับซ้อนกับอาณาเขตทอง เฉินกูรับรู้ได้ว่าปราณธาตุทองนั้นลดลงไป หากไม่สังเกตดีๆแล้ว เฉินกูก็ยากจะพบผลลัพธ์นี้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นหากเฉินกูต้องการจะแสดงพลังของกฎทองออกมาแน่นอนว่ามันต้องยากกว่าเดิมและต้องใช้พลังวิญญาณมากกว่าเดิม
“ เฮ้อ ! ” เฉินกูพ่นลมออกมาเบาๆ วังวนนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นในอาณาเขตของเขาด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า วังวนทุกอันมีขนาดใหญ่และแผ่ความอันตรายของมันออกมา
ไม่ใช่แค่นั้น ในอาณาเขตที่ทับซ้อนกัน ปราณธาตุทองก็ได้ทำงาน ภายใต้การรับพลังจากวังวนนี้มันได้ก่อวังวนใหม่ขึ้นมา วังวนที่ก่อตัวโดยธาตุไฟเข้าปะทะกับวังวนธาตุทอง มันถูกทำลายและฟื้นฟูกลับมาอยู่เรื่อยๆ วงจรนี้เหมือนกับไม่รู้จบ
นี่คือการปะทะกันของ…อาณาเขต !
เฉินกูกัดฟันแน่น ร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาโดยไม่ยั้งไว้แม้แต่น้อย !
เมื่อเห็นรอยแตกบนท้องฟ้า และมิติที่บิดเบี้ยวไปเพราะความร้อนสูงนั้นก็ทำให้ทุกคนต้องอึ้ง
แข็งแกร่งจริงๆ !
“ นี่คือความแข็งแกร่งของราชาสัตว์อสูรกับผู้อาวุโสสูงเผ่ามังกรรึ ?” ชุยเจี่ยนตกตะลึง
หยางเพ้ยอันและหงจินเป่าเองก็รู้สึกว่าตัวเองไร้พลังที่จะต้านทานได้ เฉินกูกับอ้าวเยว่แข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้โดยเฉพาะอ้าวเยว่ พวกเขารับรู้ได้ว่าอ้าวเยว่ใช้ความสามารถเพียงน้อยนิดก็ฆ่าพวกเขาได้ เฉินกูก็ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันได้เช่นกันแต่เฉินกูไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังเหมือนกับที่นางทำ
“ ราชาสัตว์อสูรเสียเปรียบ ! ” ลั่วซู่หยางตะลึง “ นางเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรจริงๆรึ ? ความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรน่ากลัวถึงขนาดนี้เลยรึ ? ”
ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรยังน่ากลัวถึงเพียงนี้ แล้วราชามังกรจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดไหนกัน ?
อ้าวอู่เหยียนได้ยินที่เหล่าเซียนพูดออกมาก็อดไม่ได้ที่จะภูมิใจ “ หากไม่พึ่งพลังการสืบทอดของเผ่ามังกร เกรงว่าแม้แต่ท่านพ่อก็ไม่ใช่คู่มือของท่านน้าได้ แล้วราชาสัตว์อสูรจะมาเทียบกับท่านน้าได้รึ ? ” เมื่อพูดจบเขาก็มองไปที่อ้าวเยว่ แต่สายตาเขาก็ยังแฝงไปด้วยความกังวล เขาเข้าใจสภาพของน้าตัวเองดีว่าอ่อนแอ นางยังไม่อาจจะใช้พลังถึงครึ่งหนึ่งได้ด้วยซ้ำ ไม่งั้นแล้วนางคงไม่จำเป็นต้องใช้อาณาเขตเพื่อเอาชนะราชาสัตว์อสูร
เมื่อเหล่าเซียนได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่อ้าวเยว่ด้วยท่าทีเหลือเชื่อ ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งกว่าราชามังกรอีกรึ ?
“ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน พูดไม่ผิดหรอก ” จางหยูพูดขึ้น “ หากจัดขั้นของยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้ว งั้นอ้าวเยว่ก็ต้องอยู่ขั้นสูงสุด ส่วนอาจารย์เฉินในตอนนี้อยู่ขั้นสูง ” เขากวาดตามองไปที่เหล่าเซียนและพูดต่อ “ท่านลั่วอยู่ขั้นกลาง, ท่านชุย, ท่านหง,และท่านหยางอยู่ขั้นต่ำ ”
นี่เป็นครั้งแรกที่จางหยูลองจัดระดับของยอดฝีมือ แยกความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับสูงสุด
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชุยเจี่ยน,หงจินเป่าและหยางเพ้ยอันก็พากันยิ้มออกมา ในหมู่ยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้วพวกเขายังเป็นพวกล่างๆอยู่ นี่มัน….เป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ !
“แล้วราชามังกรล่ะ ?” ลั่วซู่หยางมองไปที่จางหยูด้วยสายตาคาดหวัง
ทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยู
จางหยูพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ ราชามังกรก็เหมือนกับอาจารย์อ้าวเยว่ แต่ราชามังกรนั้นมีการสืบทอดของเผ่ามังกร และที่ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าอาจารย์อ้าวเยว่ เหตุผลก็เพราะฐานะของเขา ” นี่คือข้อมูลที่อ้าวอู่เหยียนบอกออกมาโดยไม่ตั้งใจ ในสถานการ์จริงๆแล้ว จางหยูไม่อาจจะเข้าใจได้แต่เดาว่ามันไม่น่าจะผิด
ทุกคนต่างก็พากันตะลึง
เผ่ามังกรคือจ้าวแห่งโลกป่าขั้นต่ำ !
แค่ผู้อาวุโสสูงสุดก็น่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ เหนือกว่านางยังมีราชามังกร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีใครสั่นคลอนบัลลังก์ของเผ่ามังกรได้ตลอดหลายปีมานี้ !
ไม่ว่าจะได้พลังมาจากไหน แต่ยอดฝีมือระดับสูงที่สุดในโลกก็ไม่อาจจะเป็นคนอื่นได้นอกจากราชามังกร !
“ แล้วข้าล่ะ ? ” อ้าวอู่เหยียนถามขึ้นมา “ ข้าอยู่ขั้นไหนกัน ? ”
จางหยูมองไปที่อ้าวอู่เหยียน และพูดขึ้น “ ท่านอยู่ขั้นกลางกึ่งสูง ”
ระดับการบ่มเพาะของอ้าวอู่เหยียน ไม่ได้ดีไปกว่าชุยเจี่ยน แต่เขาเป็นมังกรที่แท้จริงซึ่งทำให้มีความแข็งแกร่งน่าทึ่งกว่ายอดฝีมือของมนุษย์ หากใช้ความสามารถของร่างกายที่เป็นมังกรที่แท้จริงอย่างมังกรคำราม งั้นเซียนโอสถคงไม่อาจจะรับมือได้
“ ขั้นกลางรึ ?” อ้าวอู่เหยียนผิดหวังขึ้นมา “ ข้าคิดว่าข้าคงอยู่ขั้นสูงเสียอีก ”
จางหยูส่ายหน้า “ อันที่จริงท่านอยู่แค่ขั้นต่ำ แต่เหตุผลที่ว่าทำไมท่านถึงได้อยู่ขั้นกลางกึ่งสูงได้ก็เพราะพลังในการต่อสู้ที่เหนือกว่าขอบเขตของพวกขั้นต่ำ ท่านยังไม่ได้อยู่ขั้นกลางจริงๆ ท่านยังอ่อนแอหากเทียบกับน้าและพ่อของท่าน ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอ้าวอู่เหยียนก็ยิ่งสลดยิ่งกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่าเหล่าเซียนต่างก็พากันช็อก ทั้งสี่คนไม่คิดด้วยซ้ำว่าองค์รัชทายาทเผ่ามังกรจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
ด้านนอกเฉินกูและอ้าวเยว่ไม่ได้เห็นการหายไปของจางหยูและคนอื่นๆ พวกเขาแค่สนใจคู่ต่อสู้ของตนเองเท่านั้น
เมื่ออาณาเขตทองทับซ้อนกับอาณาเขตไฟ วังวนปราณธาตุทองจะปะทะกับวังวนปราณธาตุไฟซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไฟที่รุนแรงและทองที่บ้าคลั่งได้เข้าปะทะกันจนเกิดระเบิดขึ้น มิติรอบๆพังลงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากลายเป็นหลุมดำอยู่ทั่วทุกที่ รอบๆหลุมดำนั้นเต็มไปด้วยรอยแตกมิติที่บิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม !
ที่เขตมืดด้านล่าง สันเขาได้สั่นไหวอย่างรุนแรงและเริมถล่มลงไป ยอดเขาน้ำแข็งเริ่มละลายลงอย่างรวดเร็วจนเกิดคลื่นโคลนขนาดใหญ่ขึ้นกระจายออกไปทุกทิศทาง แค่ไม่กี่อึดใจป่าโดยรอบก็กลายเป็นบึงขนาดใหญ่
นี่คือเขตลึกที่คงอยู่มาหลายล้านปี แต่กลับหายไปในพริบตา
ฉากอันน่าตกใจนี้ทำให้ทุกคนในมิติส่วนแยกต้องตะลึง
เงียบ เงียบสนิท !
ในมิติส่วนแยกไม่มีใครส่งเสียงใดๆ แม้แต่เสียงหายใจก็ยังหายไปด้วย แต่เฉินกูและอ้าวเยว่ยังคงต่อสู้กันอยู่ พวกเขาได้ยินเสียงในการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน
“ นางแข็งแกร่งจริงๆ !” เฉินกูแสดงสีหน้าช็อกออกมา “ ข้าทำดีที่สุดแล้วแต่อาณาเขตของข้าก็ยังพ่ายแพ้…”
ต้องรู้ก่อนว่าอ้าวเยว่นั้นยังอยู่ในสภาพที่อ่อนแออยู่ !