ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 438 : ไม่เห็นด้วย
“พรสวรรค์ 6 ดาวถึงสองอันและพรสวรรค์พิเศษ 6 ดาว !” ผู้คนอดไม่ได้ที่จะตะลึงและมองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยความตกตะลึง
แม้แต่สุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์และมังกรสมมติเทพ ก็ยังไม่ได้ดีเท่าโอวเสินเฟิง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงได้ตะลึง
โอวเสินเฟิงดีใจเป็นอย่างมาก พรสวรรค์ที่น่ากลัวนี้ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แม้แต่พรสวรรค์ด้านการหลอมที่เขาให้คุณค่ามากที่สุด ก็ยังขึ้นไปถึงระดับ 6 ดาวได้ ซึ่งหมายความว่าหากเขายังคงพยายามเช่นเดิม เขาก็มีหวังที่จะก้าวขึ้นไปเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอม 6 ดาวได้
การฟื้นคืนชีพครั้งนี้ มาพร้อมกับพรสวรรค์ที่โดดเด่นซะเหลือเกิน!
ตอนนั้นโอวเสินเฟิงรู้สึกว่าเวลาที่เขาทนทุกข์ตลอดหลายปีมานี้ไม่ได้เสียเปล่า การเสียร่างกายและต้องทนทุกข์อยู่ในร่างวิญญาณมาหลายปี แต่สุดท้ายกลับได้ร่างกายที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้มา มันช่างคุ้มค่า
“อาจารย์ยินดีด้วย !” เซียวเหยียนดีใจแทนโอวเสินเฟิง
ศิษย์และอาจารย์คนที่เหลือ ต่างก็พากันแสดงความยินดีให้กับโอวเสินเฟิงหลายคนพากันอิจฉาและอยากที่จะไปแทนที่เขา
ซู่เหยียนมองไปที่จางหยูและถามขึ้นมา “เจ้าสำนัก ร่างของอาจารย์โอว ท่านสร้างขึ้นมาอีกได้หรือไม่?”
เมื่อเขาพูดจบทุกคนก็มองไปที่จางหยู แม้แต่เฉินกู,อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนเองก็ดูคาดหวังกับคำตอบนี้
“แน่นอน ไม่มีปัญหา” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าจะยุ่งยากอยู่บ้าง แต่ตราบใดที่ข้ามีเวลามากพอ ข้าก็สามารถสร้างร่างแบบนี้ออกมาเป็นร้อยเป็นพันร่างได้ ทำไมท่านอยากได้รึ ?”
ซู่เหยียนตาเป็นประกายและพูดขึ้น “ หากท่านทำได้ ข้าเองก็หวังจะมีร่างเช่นนั้น ”
พรสวรรค์ทางกายภาย การรับรู้และพรสวรรค์พิเศษ 6 ดาว มีใครบ้างที่ไม่อยากได้ ?
แม้แต่สุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์และมังกรสมมติเทพอย่างเฉินกู,อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียน ก็ยังต้องการ นี่ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย
ทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยูจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“ถึงท่านจะต้องการร่างแบบนั้นแต่ก็ไม่อาจจะทำได้” จางหยูเผยรอยยิ้มแปลกๆออกมา “ท่านต้องตายก่อนและต้องมีร่างวิญญาณที่ไม่เสียหายหลังจากที่ตายไป ถึงท่านจะเป็นร่างวิญญาณได้แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะทำสำเร็จเหมือนกัน กระทั่งอาจารย์โอวเอง ถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียว ท่านก็จะถูกลบไปจากโลกนี้ ท่านจะยอมรับความเสี่ยงเช่นนั้นรึ ?” จางหยูเงียบไปและมองไปรอบๆก่อนจะพูดขึ้น “ คนอื่นๆเองก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ว่าหากต้องการที่จะทดสอบ ข้าก็ไม่รังเกียจที่ช่วย ”
ตายก่อน ?
ร่างวิญญาณ ?
โอกาสล้มเหลวที่สูง ?
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของจางหยูมันก็ราวกับมีน้ำเย็นมาราดหัวพวกเขา
ความคาดหวังที่ทุกคนมีดับมอดลงไปทันที รอยยิ้มที่เกิดจากความคาดหวังได้แข็งทื่อไปในทันที
ทุกวันนี้ในทวีปป่ามีคนนับไม่ถ้วนที่ตายไป หากนับจำนวนมนุษย์, สัตว์อสูรและมังกรที่ตายไปตลอดหมื่นปีมานี้มันจะเป็นตัวเลขถึงหลักพันล้าน แต่ตลอดหมื่นปีมานี้กลับมีร่างวิญญาณอยูไม่มาก ที่ซู่เหยียนและคนอื่นๆรู้จักก็มีแค่โอวเสินเฟิง มันเห็นได้ชัดว่าโอกาสที่ตายไปแล้ว และจะกลายเป็นร่างวิญญาณนั้นน้อยแค่ไหน
ซู่เหยียนและคนอื่นๆไม่มีทางที่จะทดสอบเรื่องแบบนี้แน่
ซู่เหยียนและคนอื่นๆถอนหายใจออกมา และมองไปที่โอวเสินเฟิงด้วยสายตาอิจฉายิ่งกว่าเดิม
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากอิจฉา มันยากที่จะทำแบบโอวเสินเฟิงได้….
“พวกเจ้าไม่ต้องอิจฉาอาจารย์โอวไป ในด้านพรสวรรค์แล้วเขาอาจจะดีกว่าพวกเจ้าแต่ตราบใดที่พวกเจ้าไม่ออกจากสำนักคังเฉียง อีกไม่ช้าพวกเจ้าก็จะกลายเป็นยอดฝีมือ ด้วยพรสวรรค์ที่พวกเจ้ามีแล้ว อาจจะก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนไปได้!” จางหยูมั่นใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้มั่นใจในตัวซู่เหยียนและคนอื่นๆ แต่เขามั่นใจในทักษะจี๋อู่ขั้นสูง ด้วยทักษะจี๋อู่ขั้นสูง แม้แต่หมูธรรมดาก็สามารถประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในโลกได้
หลังจากนั้นนจางหยูก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง “เอาล่ะ วันนี้เราเสียเวลากันมามากแล้ว ทุกคนกลับกันได้ อาจารย์เฉิน, อาจารย์อ้าวเยว่ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน คงต้องรบกวนพวกท่านพาทุกคนกลับไปที ข้าจะไม่กลับไปด้วย ”
“ ได้ เจ้าสำนัก ! ” เฉินกูและอ้าวอู่เหยียนพยักหน้าตอบรับ
อ้าวเยว่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ก็ยังพยักหน้าตอบรับ
ต่อมาร่างของจางหยูก็ได้หายไปจากที่นั่นทันที
“เจ้าสำนักไร้เทียมทานเช่นเคย!” เฉินกูถอนหายใจออกมา ตอนที่เขาอยู่ขั้นสูงของระดับสูงสุด จางหยูก็ได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตา ในตอนนั้นเขาก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงการผันผวนของมิติเลย แม้ว่าเขาจะขึ้นมาถึงขั้นสมบูรณ์ได้ แต่เขาก็ยังไม่รับรู้ถึงการผันผวนเช่นเคย
เฉินกูหันหลังกลับและบอกกับทุกคน “ ไปกันเถอะ ”
หลังจากนั้นสักพักทุกคนก็พากันแยกย้ายกันกลับ ทำให้ที่นั่นกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
เมื่อภูเขาเขตลึกถูกแทนที่ด้วยหลุมใหญ่ ที่ก้นหลุมจึงมีน้ำบาดาลเจิ่งนอง มันลึกประมาณเท่าตัวคนแต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ของหลุมนี้ หากต้องการจะเติมน้ำให้เต็มคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนแล้วมันจะกลายเป็นบึงขนาดใหญ่ บึงที่ถือว่าเป็นอันดับต้นๆของทวีปป่าได้
นี่คือบึงที่คนได้สร้างขึ้นมา !
…..
ที่เขตกลาง
เซียนทั้งสี่ได้กลับไปยังสำนักงานของตนและเรียกลูกน้องคนต่างๆเข้ามารวมตัวกัน
ที่สมาคมค่ายกล ลั่วซู่หยางยืนอยู่ภายในโถงของสำนักงาน โดยมีผู้อาวุโสยืนอยู่ข้างๆและมองมาที่ลั่วซู่หยางด้วยความเคารพ
“ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาในครั้งนี้ก็เพราะมีเรื่องสำคัญจะประกาศ ตั้งใจฟังให้ดี” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมา
ในสมาคมค่ายกลนั้น อำนาจที่ลั่วซู่หยางมีถือว่าสูงสุด ไม่มีใครกล้าขัดใจเขา
คนด้านล่างพากันตั้งใจฟังไม่กล้าที่จะขัดอะไรขึ้นมา
ลั่วซู่หยางมองไปรอบๆและพูดขึ้นมา “อย่างแรก ภารกิจในการค้นหาสุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ให้หยุดทันที ให้ทุกคนถอนตัวและอย่าเสียแรงไปกับสุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ”
ทุกคนต่างก็ตะลึงแต่ไม่มีใครกล้าถามหาเหตุผล พวกเขาได้แต่เชื่อฟัง
เชื่อฟังโดยไม่มีข้อโต้แย้ง !
“อย่างที่สอง ข้าจะส่งต่อทักษะบ่มเพาะให้กับพวกเจ้า พวกเจ้าต้องจดจำมันให้เร็วที่สุด และเผยแพร่ทักษะนี้ไปทั่วทุกที่ที่สมาคมของพวกเราไปถึง จำไว้ว่าให้เผยแพร่กับทุกคนไม่ใช่แค่คนของสมาคมเรา อาณาจักรสวรรค์, นิกาย หรือแม้แต่คนธรรมดาในหมู่บ้านห่างไกลนั้นต้องได้เรียนรู้ทักษะนี้ได้ ข้าให้เวลาพวกเจ้าแค่หนึ่งเดือน หากไม่ทันเวลา ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะหาหัวหน้าเขตและผู้อาวุโสคนใหม่ ”
ทุกคนต่างก็พากันกลัวขึ้นมา พวกเขารู้ว่าลั่วซู่หยางหมายถึงอะไร
หากเขาบอกว่าจะหาหัวหน้าเขตและผู้อาวุโสใหม่ เขาก็จะหาคนใหม่มาแทนแน่ๆ !
“อย่างที่สามให้ตามหาตัวคนสามคน คนแรกคือ จางเฮ่าหลัน ….” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นและควบคุมปราณเพื่อสร้างภาพของจางเฮ่าหลัน , ตู้รั่วหยุนและหลินไห่หยา
หลังจากที่แนะนำทั้งสามคนเสร็จลั่วซู่หยางก็เตือนขึ้นมาอีกรอบ “ การตามหาคนเหล่านี้ต้องเป็นความลับ อย่าให้ใครรู้…”
ทุกคนรวมไปถึงหัวหน้าเขตต่างก็พากันแปลกใจ
พวกเขาไม่เข้าใจว่าลั่วซู่หยางคิดอะไรถึงได้พูดเรื่องนี้มากกว่าหนึ่งรอบ
โชคดีที่เรื่องพวกนี้ไม่ได้ยากอะไร ด้วยอำนาจของสมาคมค่ายกลแล้ว ตราบใดที่เอาจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“เรื่องสุดท้าย” ลั่วซู่หยางมองไปที่เหล่าผู้อาวุโส ก่อนจะพูดขึ้นมาช้าๆ “พวกเจ้าต้องการออกจากสมาคมค่ายกลและไปยังสำนักห่างไกลเพื่อเป็นอาจารย์รึไม่ ?”
ผู้อาวุโสส่วนมากเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอม 5 ดาวและระดับการบ่มเพาะก็ขึ้นไปถึงขอบเขตตุ้นซวน มีแค่ไม่กี่คนที่อยู่ระดับ 4 ดาว ดังนั้นผู้อาวุโสทุกคนจึงผ่านเกณฑ์ที่จางหยูตั้งเอาไว้ ลั่วซู่หยางขี้เกียจที่จะอธิบายเรื่องนี้ออกมาให้ละเอียด
ลั่วซู่หยางหวังว่าจะมีคนอาสาเองแทนที่ต้องมาบังคับ ไม่งั้นแล้วแม้ว่าพวกนี้จะไปยังสำนักคังเฉียง แต่ก็คงจะทำหน้าที่จริงจังไม่ได้ หากพวกเขาทำให้เจ้าสำนักโกรธขึ้นมา มันก็ไม่คุ้มค่าที่จะรับผลลัพธ์ของมัน
ทุกคนต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสน
“ อาจารย์รึ ?” ทุกคนต่างก็รู้สึกตะลึง
ด้วยความแข็งแกร่งและระดับความเชี่ยวชาญของพวกเขาแล้ว นี่ไม่ต้องนับอาจารย์เลย แม้แต่การเป็นเจ้าสำนักของสำนักสักสำนักก็ทำได้
กระทั่งเจ้าสำนักของสำนัก 5-6 ดาวนั้นมีระดับต่ำกว่าคนที่นี่หลายคน
พวกเขายากที่จะเข้าใจได้ ทำไมถึงจะให้พวกเขาไปเป็นอาจารย์ ทวีปป่ามีอาจารย์ที่โดดเด่นแบบนั้นเลยรึ ? สำนักไหนกันที่จะให้คนที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนรึผู้เชี่ยวชาญระดับ 5 ดาวไปเป็นอาจารย์ ?เจ้าสำนักแบบไหนกันที่ปกครองอาจารย์แบบนั้น ?
“หัวหน้า เราได้ยินผิดไปหรือไม่ที่ว่าท่านจะให้เราไปเป็นอาจารย์ที่สำนัก?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
ลั่วซู่หยางพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ พวกเจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าพูดแบบนั้นจริงๆ ”
“นี่…” ผู้คนด้านล่างไม่อาจจะเข้าใจเป้าหมายของลั่วซู่หยางได้
แต่ไม่ว่าลั่วซู่หยางจะมีเป้าหมายอะไร แต่มันก็ไม่มีใครต้องการจะออกจากสมาคมค่ายกล หากมองจากภายนอกแล้วก็มีแค่สมาคมนักปรุงยาและนักหลอมที่ทัดเทียมกับสมาคมค่ายกลได้ การที่พวกเขาได้ขึ้นเป็นผู้อาวุโสของสมาคมค่ายกลนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดา
แต่เมื่อพวกเขาออกจากสมาคมค่ายกลไป พวกเขาก็จะไม่มีอำนาจดังเดิม ถึงจะให้พวกเขาไปเป็นเจ้าสำนักของสำนัก 6 ดาว พวกเขาก็ไม่พอใจ
ในเรื่องนี้ทุกคนต่างก็พากันต่อต้านและไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้
“ทำไม ไม่มีใครเลยรึ ?” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา