ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 473 : การพัฒนา
ตอนที่ 473 : การพัฒนา
เฉินกูมีการตรวจสอบที่ดี ดังนั้นเขาจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับไป่หลิง
ตอนแรกความหนาแน่นของสายเลือดที่ไป่หลิงมีนั้นไม่ได้ต่ำนัก หลังจากที่กินผลโลหิตเข้าไป ความหนาแน่นของสายเลือดก็พัฒนาขึ้นมาอย่างน่าทึ่งและพรสวรรค์ด้านต่างๆเองก็แข็งแกร่งขึ้นมาด้วย ด้วยการดูดซับพลังงานของผลไม้กว่าครึ่งเดือน สุดท้ายนางก็กลายเป็นสุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ตอนแรกนางไม่ได้พัฒนาขึ้นมามากมายนัก แต่ตอนนี้ภายใต้แสงสีขาว ความสามารถของไป่หลิงได้พัฒนาขึ้นไปต่อ ความหนาแน่นของสายเลือดก็ยังเทียบเท่ากับจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์รวมถึงพรสวรรค์ที่น่ากลัวด้วย
นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะก็ยังเพิ่มขึ้นมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ แค่ไม่กี่อึดใจนางก็ขึ้นมายังขอบเขตหลิงซวนขั้นกลาง จากนั้นก็ขึ้นขั้นสูง ตอนที่แสงสีขาวถูกไป่หลิงดูดซับไปจนหมด นางก็ขึ้นมาถึงขอบเขตหลี่ซวนขั้นต่ำได้
“จิ้งจอกลวงตากศักดิ์สิทธิ์ ยอดเยี่ยม!” เฉินกูอดทึ่งไม่ได้
วิธีการอันน่าทึ่งนี้แม้แต่เฉินกูที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดก็ยังอดทึ่งไม่ได้ เขาไม่อาจจะทำแบบจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ได้ในการที่ช่วยผู้สืบทอดพัฒนาระดับการบ่มเพาะเช่นนี้
ในการต่อสู้เฉินกูไม่ได้ด้อยกว่าจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ แต่ในด้านอื่นๆแล้วเฉินกูก็ยังประทับใจในตัวจิ้งจอกลวงตา
มันคือสุดยอดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ลึกลับที่สุด ดังนั้นวิธีการต่างๆที่มันใช้ออกมาจึงดูน่าชื่นชม!
ไป่หลิงที่อยู่หน้ารูปปั้นยังคงหลับตาดูดซับข้อมูลแปลกๆของการสืบทอด นอกจากการพัฒนาความบริสุทธิ์ของสายเลือดแล้ว ทักษะภาพลวงตาอื่นๆก็ทำให้นางเข้าใจภาพลวงตาขึ้นไปอีกระดับซึ่งได้พัฒนาระดับการใช้ภาพลวงตาของนางจากขั้น 4 ไปขั้น 5 !
ข้อมูลนับไม่ถ้วนเกี่ยวกับภาพลวงตาโผล่มาในหัวของไป่หลิง ซึ่งทำให้นางเข้าใจทักษะภาพลวงตาลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ภาพลวงตาที่นางไม่เคยใช้ออกมาก่อนก็ตาม
เวลาผ่านไปช้าๆ ระดับการบ่มเพาะและพลังที่นางแผ่ออกมาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตอนนี้นั้นนางดูสูงส่งและมีเสน่ห์ราวกับเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางเผยเสน่ห์ที่ยากที่คนจะต้านทานออกมา
หากไม่รู้ตัวตนของไป่หลิง เฉินกูอาจจะคิดว่าไป่หลิงนั้นคือจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ เพราะนางดูคล้ายกับรูปปั้นเทพธิดา แม้ว่าหน้าตาภายนอกจะต่างกันแต่บรรยากาศรอบตัวนั้นดูเหมือนกัน
กลุ่มจิ้งจอกน้อยมองไปที่ไป่หลิง พวกเขารู้สึกได้ถึงความเป็นมิตรจากตัวไป่หลิง
ตอนที่ทุกคนมองไปที่ไป่หลิงอยู่นั้น อยู่ๆรูปปั้นก็แผ่คลื่นเข้าไปในตัวไป่หลิงซึ่งทุกคนไม่ทันได้ตอบโต้ใดๆ
“บังอาจนัก!” สีหน้าของเฉินกูดูซับซ้อนขึ้นมา คลื่นนี้คือพลังของยอดฝีมือระดับสูงสุดที่ครอบคลุมตัวไป่หลิง “โผล่หัวออกมา!”
ต่อมาหน้าของไป่หลิงกลับซีดเผือด นางลืมตาขึ้นพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นนางก็หัวเราะออกมา “ฮาฮา ! พลังของบ้านเกิดข้า ที่นี่คือบ้านเกิดของข้า ! ผ่านมาหลายแสนปีแล้วในที่สุดก็มีคนปลุกจิตของข้าขึ้นมาได้!”
เสียงของนางสั่นไหวเพราะความตื่นเต้น สายตาของนางเต็มไปด้วยความยินดี นางไม่ได้สนใจคนรอบตัวเลยแม้แต่น้อย
เฉินกูมองไปที่ไป่หลิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หัวใจของเขาเต้นรัว “หลายแสนปีรึ?”
หลังจากนั้นสักพักไป่หลิงก็สงบลงได้ นางหันกลับไปมองเฉินกูใบหน้าที่งดงามของนางแสดงความประหลาดใจออกมา “ยอดฝีมือระดับสูงสุดรึ?”
นางแสดงท่าทีสนใจออกมา “น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้พบกับยอดฝีมือขีดจำกัด”
“เจ้าเป็นใครกัน?” สีหน้าของเฉินกูหมองลง “ข้าขอแนะนำเจ้า ออกจากตัวศิษย์ของข้าซะ ไม่งั้นเจ้าตายแน่!”
เขารับรู้ได้ว่ามีพลังพิเศษอยู่ในตัวของไป่หลิง พลังนี้ผสมรวมกับพลังวิญญาณ มันคล้ายกับการเข้าสิงแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่วิญญาณที่สมบูรณ์ การเข้าสิงนี้จึงแตกต่างออกไปอย่างมาก มันก็แค่ความคิดที่แข็งแกร่งซึ่งควบคุมร่างกายของไป่หลิงเอาไว้
สำหรับยอดฝีมือขีดจำกัดที่อีกฝ่ายพูดถึง เฉินกูไม่ได้สนใจ เขาสนใจแค่ไป่หลิงไม่ได้สนใจเรื่องอื่น
“เจ้าหนู อย่าเพิ่งหุนหุนไป ข้าแค่ยืมร่างของนาง เสร็จแล้วข้าก็จะคืนมันให้นางเอง มันไม่ได้มีผลกระทบใดๆ” ไป่หลิงแสดงสีหน้าใจเย็นออกมา และไม่ได้สนคำขู่ของเฉินกู นางพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอแนะนำตัว ข้า จิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ !”
เฉินกูหรี่ตาลง “จิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์รึ!”
ไม่ใช่ว่าจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ตายไปนานแล้วรึ ?
ทำไมนางยังมีชีวิตอยู่ได้ ?
นางอยู่มากี่ปีแล้วกัน ?
ร่างของนางอยู่ที่ไหน ?
“ดูเหมือนว่าข้าจะโด่งดังไม่เบา! ผ่านมาหลายแสนปีแล้วแต่ก็ยังมีคนจำข้าได้!” ไป่หลิงไม่สิ มันควรจะเป็นจิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์ ไป๋เจี๋ยพอใจกับท่าทีของเฉินกูอย่างมาก นางเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ออกมา “เด็กน้อย บอกข้าทีว่าทวีปป่าตอนนี้เป็นยังไง? มันมี…คนภายนอกรุกล้ำเข้ามาหรือไม่?” นางเหมือนจะใจเย็น แต่จากน้ำเสียงของนางแล้ว มันแฝงไปด้วยความเครียด
เฉินกูใจเต้นรัว “เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามีโลกอื่นนอกจากโลกป่าขั้นต่ำ?”
คนทั่วไปคงรู้จักแค่ทวีปป่าหรือไม่ก็เกาะมังกร พวกเขาไม่รู้ว่ายังมีโลกอื่นอยู่
เฉินกูเรื่องนี้มาจากโอวเสินเฟิงและคนอื่นๆ ตอนที่เขาได้ยินข้อมูลนี้ เขาก็ตกตะลึงอยู่สักพัก
หากไม่เคยสัมผัสกับโลกอื่น คงเป็นไปได้ที่จะบอกชื่อของโลกป่าขั้นต่ำ เพราะมีแค่คนที่โลกภายนอกเท่านั้นจะเรียกมันแบบนี้
โลกป่าขั้นต่ำจะถูกรุกรานรึ ?
“ข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ข้ารู้เรื่องนี้จากปากของเจ้าสำนัก ก่อนที่ข้าจะรู้ว่าโลกป่าขั้นต่ำเป็นแค่โลกระดับ 6 เหนือกว่านี้ยังมีโลกระดับ 7 ซึ่งเป็นโลกขั้นสูงและโลกระดับ 8 ที่เป็นโลกเทพที่แท้จริง…” เฉินกูพูดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ผู้อาวุโสเคยไปที่โลกอื่นมารึ?”
หลังจากที่รู้ตัวตนของไป๋เจี๋ยแล้ว ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป เขาไม่ได้ดูหยิ่งทะนงเหมือนเช่นเคย
“เจ้ามั่นใจรึกับการที่เจ้าสำนักบอกเจ้าว่าโลกป่าขั้นต่ำไม่ได้ถูกรุกราน?”
เฉินกูพยักหน้า “ตอนนี้โลกป่าขั้นต่ำยังไม่ถูกรุกราน นอกจากนี้เจ้าสำนักก็ยังคอยดูแลโลกนี้อยู่ เราไม่ได้บุกไปที่โลกอื่นแล้วใครกันที่จะกล้าบุกมายังโลกเรา?” หากเป็นเรื่องเจ้าสำนัก เฉินกูเชื่อในตัวอีกฝ่ายอย่างมาก เจ้าสำนักคือคนที่เขาชื่นชมมากที่สุดในชีวิต คนแรกคือเป้ยหลง ที่ถือว่าทัดเทียมกับราชามังกร อีกคนก็คือเจ้าสำนัก ที่ร้ายกาจจนเกินว่าจะยกใครมาเทียบได้
เมื่อได้ยินที่เฉินกูพูดถึงเจ้าสำนักอยู่หลายครั้ง ไป๋เจี๋ยก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา “เจ้าสำนักที่เจ้าพูดถึงเป็นใครกัน? เขารู้ความลับพวกนี้ได้ยังไง? เขาแข็งแกร่งอย่างนั้นรึ?”
เฉินกูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักเป็นมนุษย์ เขาคือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกป่าขั้นต่ำ ข้าไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่แน่นอนว่าเกินขอบเขตตุ้นซวน เพราะข้าเองก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด ถึงแม้ว่าข้าจะร่วมมือกับยอดฝีมืออีกคนที่อยู่ระดับเดียวกันใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ออกมา แต่ก็ไม่อาจทำลายการป้องกันของเจ้าสำนักได้…”
“ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดสองคน แต่ไม่อาจจะทำลายการป้องกันของเขาได้…” ไป๋เจี๋ยพยักหน้า “ความแข็งแกร่งนี้ไม่เลวนัก ตามที่เจ้าบอกมาเขาแข็งแกร่งกว่าขอบเขตตุ้นซวนจริงๆ!”
นางไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อยเพราะมันไม่ได้เป็นที่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรสำหรับนาง ด้วยความแข็งแกร่งที่นางมีในตอนนี้ ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดนั้นไม่ต่างอะไรจากมดปลวก นางสามารถเอาชนะพวกนั้นได้ง่ายๆ ดังนั้นนางจึงคิดแค่ว่าความแข็งแกร่งที่เจ้าสำนักมีก็แค่ดีเท่านั้น
เมื่อได้ยินแบบนั้นเฉินกูก็คิ้วขมวด “ใช่สิ คนที่รับการโจมตีนั้นเป็นแค่ร่างแยกของเจ้าสำนัก ความแข็งแกร่งของร่างจริงก็ต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้”
ไป๋เจี๋ยขมวดคิ้ว “ร่างแยก?”
สุดท้ายนางก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “เจ้าหมายความว่าร่างแยกของเขาสามารถทนรับทักษะศักดิ์สิทธิ์ของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดสองคนได้รึ?”
“ถูกต้อง” เฉินกูพยักหน้า
“งั้นเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดเอาไว้” ไป๋เจี๋ยแสดงสีหน้าเคร่งเครียดและแฝงไปด้วยความตกตะลึงออกมา “แม้แต่ข้าก็อาจจะทำแบบนั้นได้ ชายคนนี้อาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้าเลย”
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ผ่านมาหลายแสนปี แต่โลกป่าขั้นต่ำกลับมีคนแบบนั้นโผล่มา นี่ใช่โลกป่าขั้นต่ำที่นางรู้จักหรือไม่ ?
เฉินกูตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น “จิ้งจอกลวงตาศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?”
ตลอดเวลามานี้ เจ้าสำนักคือตัวตนที่แข็งแกร่งสำหรับเขา แต่ฟังจากคำพูดของนางแล้ว ตัวนางเองก็แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าสำนักเลย
“แต่มันก็ถือว่าดี ด้วยการที่มีคนแบบนี้อยู่ ในเวลาอันสั้นนี้โลกป่าขั้นต่ำก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น” ไป๋เจี๋ยถอนหายใจออกมา “ตอนที่ข้ากลับมา เราจะร่วมมือกัน จะมั่นใจได้มากกว่าเดิมกับการปกป้องโลกป่าขั้นต่ำนี้และต้านทานศัตรูภายนอก มันยังมีโอกาส! ตราบใดที่ไม่พบกับสัตว์ประหลาดพวกนั้น!”
เฉินกูแปลกใจขึ้นมา “ผู้อาวุโสต้องการกลับมายังโลกป่าขั้นต่ำรึ?”
นี่ถือว่าเป็นข่าวที่ทำให้โลกป่าขั้นต่ำวุ่นวายได้ !
“เพื่อวันนี้ข้าได้พยายามมานาน ข้าคิดว่าคงใช้เวลาอย่างน้อยหลายพันปีเพื่อหาทางกลับมายังโลกป่าขั้นต่ำ” ไป๋เจี๋ยส่ายหน้า “ต้องขอบคุณสาวน้อยผู้นี้ที่ปลุกความคิดของข้าขึ้นมา ด้วยความคิดนี้ข้าจึงรับรู้ตำแหน่งของโลกป่าขั้นต่ำ อีก 3-5 ปีหรือสั้นสุดคือ 1-2 เดือนข้าจะกลับมายังโลกป่าขั้นต่ำ!”
ในสายตาของนางแฝงไปด้วยความเศร้า “หลังจากที่ผ่านความยากลำบากมาหลายพันปี ในที่สุดข้าก็มีโอกาสที่จะกลับมายังโลกป่าขั้นต่ำ ข้าจะได้กลับมายังบ้านเกิดของข้า…”
โลกภายนอกนั้นอันตราย นางเหนื่อยแล้ว แม้ว่านางจะต้องตายแต่นางก็ขอยอมตายในโลกป่าขั้นต่ำ
ไป๋เจี๋ยเงยหน้ามองท้องฟ้าและพึมพำออกมา “ด้วยความแข็งแกร่งของข้ากับเจ้าสำนักแล้ว บางทีโลกป่าขั้นต่ำแห่งนี้อาจจะมีหวังอยู่…”