ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 475 : ความจริง(II)
ตอนที่ 475 : ความจริง(II)
“ยานี่พัฒนาพรสวรรค์ของคนได้จริงและผลของมันก็ดีกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ บอกได้ว่ามันสามารถพัฒนาพรสวรรค์ของลูกข้าได้ทันที มันพัฒนาเขาได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยพลังงงานของยาและทรัพยากรนับไม่ถ้วน แค่ไม่กี่ปีลูกข้าก็ขึ้นมาถึงขอบเขตตันซวนได้…”
ตอนแรกเมื่อเห็นว่าระดับการบ่มเพาะของลูกเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วเซิงเป่ยซิ่วนั้นดีใจอย่างมากและถึงกับขอบคุณคนจากพันธมิตรกลายพันธุ์
ใช้เวลาไม่กี่ปีจากขอบเขตฉีซวนกลับทะลวงผ่านขึ้นมายังขอบเขตตันซวนได้อย่างง่ายดาย ด้วยความเร็วระดับนี้มันน่าเหลือเชื่อ แม้แต่เซิงเป่ยซิ่วที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง ตอนยังเยาว์ก็ยังไม่อาจจะเทียบได้ เมื่อเห็นว่าลูกตนเผยพรสวรรค์ที่น่าทึ่งออกมาก็คงคิดภาพออกว่าเซิงเป่ยซิ่วจะตื่นเต้นขนาดไหน
เขาถึงกับลืมเรื่องผลข้างเคียงที่ชายลึกลับพูดถึง
แต่หลังจากนั้นไม่นานสิ่งที่เรียกว่าผลกระทบที่ตามมาก็เริ่มแสดงตัวออกมาช้าๆ
“ด้วยระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้นมา ผลของยาก็แสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้าย 5 ปีจากนี้ร่างของลูกข้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ตอนแรกก็เป็นผม ผมของเขาเริ่มหนาและยาวขึ้นมา ตอนแรกข้าไม่ได้สนใจ เพราะบางคนเกิดมามีผมที่หนาผิดปกติอยู่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าผมของลูกข้ากลับเริ่มความหนาขึ้นมาไม่หยุด…”
“สุดท้ายผมของลูกข้าก็เหมือนกับขนของสัตว์อสูร แม้ว่าจะดึงมันออกแต่มันก็จะงอกออกมาใหม่ในทันที…”
“เมื่อข้าเห็นว่าลูกข้าเริ่มเป็นสัตว์อสูรพร้อมกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไป ข้าก็ถึงกับไม่เชื่อว่านี่คือลูกของข้า!”
“ที่น่ากลัวกว่านั้นคือหลังจากที่ผมเขาเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วย…จากนั้นมือและเท้าก็เหมือนกับกรงเล็บของสัตว์อสูร…เขาไม่อาจจะรับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้ จิตใจของเขาพังทลาย อารมณ์ก็เริ่มผิดปกติขึ้นมา สุดท้ายเขาก็กลายเป็นบ้า
แค่ 1 ปีลูกของเซิงเป่ยซิ่วกลับดูแปลกไปจนเหมือนกับคนแปลกหน้า ไม่ว่าใครจะมองมาที่ลูกเขา ทุกคนต่างก็พากันขนลุก
“ตอนนั้นข้าถึงรู้ว่านี่คือผลข้างเคียงที่ชายคนนั้นพูดถึง แต่มันก็สายไปแล้ว ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว….”
สีหน้าของเซิงเป่ยซิ่วเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาโทษตัวเอง เหตุผลว่าทำไมลูกชายเขาถึงได้เป็นแบบนี้ก็เพราะเขา หากไม่ใช่เพราะเขาโลภมากรับยาจากพันธมิตรกลายพันธุ์มา ลูกเขาคงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ แม้ว่าลูกเขาอาจจะตายเพราะระดับการบ่มเพาะและอายุขัยที่ต่ำแต่มันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับการมีชีวิตอยู่ต่อแบบนี้
“อีก 1 ปีจากนั้น พันธมิตรกลายพันธุ์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เขาได้มาตรวจสอบร่างกายของลูกข้า สุดท้ายข้าก็อดไม่ได้และถามเขาว่าทำไมเขาถึงไม่บอกข้าว่าหลังจากที่กินยานี้เข้าไป มันจะมีผลข้างเคียงแบบนี้ ข้าถึงกับขู่เขาให้เปลี่ยนลูกชายข้ากลับไปเป็นเหมือนเดิม”
แทนที่จะให้ลูกเป็นสัตว์ประหลาดและใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวด มันจะดีกว่าที่จะให้ลูกได้ใช้ชีวิตปกติ
“แต่คำตอบของเขาคือนี่คือทางเลือกของข้าเอง เขาบอกว่าใครก็ตามที่กินยานี้เข้าไปก็จะกลายเป็นแบบนี้ นี่คือราคาของการเพิ่มพรสวรรค์ สำหรับรูปลักษณ์ของลูกข้าแล้ว เขากับพันธมิตรกลายพันธุ์ไม่มีทางแก้ไขได้เลย เขาบอกว่าไม่ใช่แค่ลูกข้าคนเดียวเท่านั้น เพราะสมาชิกทั้งหมดยกเว้นแค่หัวหน้าพันธมิตรกับรองหัวหน้าต่างก็เป็นแบบลูกข้า”
“เขาถอดเสื้อผ้าต่อหน้าข้าและข้าก็พบว่าเขาก็เป็นเหมือนกับลูกข้า เขาเองก็มีร่างกายที่ไม่เหมือนกับมนุษย์หรือสัตว์อสูร มันน่าตลกที่ข้าได้พบกับเขาอยู่หลายครั้งแต่ข้าไม่เห็นความจริงข้อนี้เลย…”
เซิงเป่ยซิ่วแสดงสายตาเศร้าเสียใจและโทษตัวเอง เสียงของเขาเริ่มสั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ
เฉินกู,ไป่หลิง,ลั่วซู่หยาง,ชุยเจี่ยนและฝางมู่ ต่างก็ฟังอยู่เงียบๆไม่มีใครขัดขึ้นมาเลย พวกเขาไม่ได้เห็นใจเซิงเป่ยซิ่วแต่พวกเขากังวลเรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ที่เซิงเป่ยซิ่วพูดถึง
“ชายคนนั้นกลับดูใจเย็นอย่างน่าประหลาดใจ แม้ว่าข้าจะขู่ฆ่าเขาแต่เขาก็ยังคงใจเย็นและบอกข้าว่าหากข้าไม่ต้องการให้ลูกมีชีวิตต่อ เขาให้ข้าฆ่าลูกไม่ก็ให้เขาฆ่าให้…หรือว่าจะรอให้พวกเขาค้นคว้าต่อ บางทีสักวันอาจจะมียาที่ลบผลกระทบนี้ทิ้งไปได้ บางทีมันอาจจะแก้ไขปัญหาของลูกข้าได้ ….”
เซิงเป่ยซิ่วเศร้ายิ่งกว่าเดิม
นี่คือลูกชายที่เขารัก เขาจะให้คนอื่นฆ่าลูกเขารึจะให้ตัวเองฆ่าลูกได้ยังไง?
เสือยังไม่กินลูกตัวเอง นี่ไม่ต้องนับเซิงเป่ยซิ่วที่อยากมีลูกมาโดยตลอด เขามองว่าลูกสำคัญกว่าสิ่งใด เขาจะปล่อยให้ลูกตายได้ยังไง ?
“ข้าไม่รู้ว่าเขาโกหกข้ารึไม่แต่ข้ายอมเชื่อว่าเขาพูดความจริง บางทีในอนาคตสักวันพวกเขาอาจจะค้นคว้ายาที่ไม่มีผลข้างเคียงและเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของลูกข้าให้กลับเป็นปกติ” เซิงเป่ยซิ่วใจเย็นลง “ดังนั้นข้าจึงยอมทิ้งความคิดในการแก้แค้นพันธมิตรกลายพันธุ์ เพื่อโอกาสที่ลูกข้าจะกลับไปเป็นแบบเดิมได้ในอนาคต ข้ายังช่วยพวกเขาจับคนจำนวนมากและแม้แต่สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนให้กับพวกเขาเพื่อทำการศึกษา….”
ความหวังทำให้ชายคนนี้ถึงกับต้องก้าวเข้าสู่ฝั่งชั่วร้าย !
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าพ่อลูกคู่นี้น่าสงสาร แต่หลังจากที่ฟังเรื่องเล่าจากเซิงเป่ยซิ่วแล้ว ลั่วซู่หยางก็สีหน้าหม่นลงและพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “น่าสมเพชนัก !”
หากเทียบกับเซิงเป่ยซิ่วแล้ว เขาที่ถือว่าเป็นคนเย็นชากลับดูเป็นมนุษย์มากกว่า !
บางทีเพราะการติดต่อกับคนในพันธมิตรกลายพันธุ์มานาน ความคิดจึงเปลี่ยนไปจากคนปกติ ไม่งั้นแล้วคงไม่มีทางทำแบบนี้ได้
“สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนรึ?” เฉินกูแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา เขาไม่ได้สนเรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ แต่ตอนนี้พันธมิตรกลายพันธุ์ได้กลายเป็นเป้าหมายของเขา “ดี ดีมาก ! เอาสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนของข้าไปทดลองเพื่อทำยาขึ้นมา….”
เขาเผยสายตาอาฆาตออกมา
สัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนนั้นมีไม่มาก มันล้ำค่ายิ่งกว่ามนุษย์ที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวน คนของพันธมิตรกลายพันธุ์ทดลองกับสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวน ดังนั้นจำนวนของสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนจึงมีน้อยลงเรื่อยๆและทำให้ความแข็งแกร่งของเผ่าสัตว์อสูรลดลง เฉินกูจะไม่โกรธได้ยังไง ?
“ข้าแปลกใจนิดๆ ทั้งๆที่ข้าดูแลเผ่าสัตว์อสูรมาโดยตลอด มนุษย์ไม่ได้เริ่มสงครามกับสัตว์อสูร ดังนั้นเผ่าสัตว์อสูรก็ควรค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมา แต่จำนวนสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง ที่แท้ก็เพราะพันธมิตรกลายพันธุ์นี่เอง!” เสียงของเฉินกูทำให้ผู้คนที่ได้ยินพากันตัวสั่น “ดูเหมือนว่าคนของพันธมิตรนั่นจะไม่เห็นหัวราชาสัตว์อสูรอย่างข้า!”
เขาไม่ค่อยให้ความสำคัญกับฐานะราชาสัตว์อสูร ปกติแล้วเขาจะเรียกตัวเองว่าเฉินกู แต่ตอนนี้เขากลับเรียกตัวเองว่าราชาสัตว์อสูร ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาโกรธมากแค่ไหน
เฉินกูมองไปที่เซิงเป่ยซิ่วและพูดขึ้นมา “บอกราชาคนนี้มา ว่าพวกหนูบัดซบนั่นอยู่ที่ไหน!”
ลั่วซู่หยาง,ชุยเจี่ยน,ฝางมู่ พากันกลั้นหายใจมองไปที่เซิงเป่ยซิ่ว พันธมิตรกลายพันธุ์คือภัยอันใหญ่หลวงของมนุษย์และสัตว์อสูร หากเฉินกูจะไม่จัดการ แต่พวกเขานี่แหละที่จะจัดการพวกนั้นเอง
“ข้าไม่รู้” เซิงเป่ยซิ่วส่ายหน้า
สายตาของเฉินกูเย็นชายิ่งกว่าเดิม
เซิงเป่ยซิ่วกังวลและรีบอธิบายออกมา “ข้าไม่รู้จริงๆ ! ชายคนนั้นลึกลับและระวังตัวอยู่ตลอด เขาไม่เคยพูดถึงตำแหน่งที่ตั้งของพันธมิตรกลายพันธุ์ให้ข้าฟังเลย ข้าเคยถามเขาอยู่หลายครั้งแต่ทุกครั้งพวกเขาก็ไม่ตอบ พวกเขากลับขู่ข้า ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่มีทางช่วยลูกข้าได้อีกต่อไป”
ลูกคือจุดอ่อนของเขา พันธมิตรกลายพันธุ์ใช้ส่วนนี้มาขู่เขา เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่กล้าจะถามต่อ
เซิงเป่ยซิ่วเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ข้ารู้แค่ว่าพวกเขาเรียกตัวเองว่าพวกกลายพันธุ์ ซึ่งมาจากพันธมิตรกลายพันธุ์ พันธมิตรกลายพันธุ์มีผู้นำสองคน ผู้นำทั้งสองเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด พวกเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าข้าเลย นอกจากนี้แล้วก็ยังมีสมาชิกหลายอีกร้อยคน ทุกคนต่างก็เป็นพวกกลายพันธุ์ มีสามคนที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดและความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ทัดเทียมกับเซียนโอสถ ส่วนสมาชิกคนที่เหลือก็อยู่ขอบเขตตุ้นซวน, หลี่ซวนและหลิงซวน”
“พวกกลายพันธุ์แบ่งเป็น 3 แบบ พวกระดับยอดฝีมือระดับสูงสุดที่เรียกตัวเองว่าพวกกลายพันธุ์ขั้นสูง พวกขอบเขตหลี่ซวนและหลิงซวนเรียกตัวเองว่าพวกกลายพันธุ์ขั้นต่ำ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าพวกแรกหลายเท่า ส่วนพวกที่ต่ำกว่านั้นคือพวกล้มเหลว คนพวกนี้มักจะถูกกำจัด…”
“ลูกข้าเองก็เป็นพวกล้มเหลว ตอนแรกพวกนั้นคิดจะฆ่าเขาแต่เพราะข้าที่ทำให้ลูกข้ารอดมาได้” เซิงเป่ยซิ่วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “หากข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้าคงให้พวกนั้นสังหารลูกข้าไปแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องมาใช้ชีวิตที่น่าเจ็บปวดแบบนี้…”
ฝางมู่คิ้วขมวด “หือ ลูกเจ้าไม่ได้อยู่ขอบเขตตุ้นซวนรึ?”
แม้ว่าเซิงเฟิงจะอยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นต่ำ แต่ก็ถือว่าอยู่ขอบเขตตุ้นซวน แล้วมันจะถือว่าเขาเป็นพวกล้มเหลวได้ยังไง ?
ทุกคนต่างก็มองไปที่เซิงเฟิงที่อยู่ใต้เท้าของลั่วซู่หยาง พวกเขาค่อยๆตรวจสอบอีกฝ่าย ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นต่ำจริงๆ พวกเขาไม่อาจจะผิดพลาดได้แน่ ยิ่งกว่านั้นหากไม่มีระดับการบ่มเพาะขอบเขตตุ้นซวนขั้นต่ำ เซิงเฟิงคงไม่กล้าไปหาเรื่องสัตว์อสูรขอบเขตตุ้นซวนแน่
เซิงเป่ยซิ่วส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ระดับการบ่มเพาะของลูกข้าเพิ่มขึ้นจากขอบเขตฉีซวนมาเป็นขอบเขตตุ้นซวน พวกคนในพันธมิตรเมื่อกินยาเข้าไปแล้วจะยกระดับการบ่มเพาะของตัวเองขึ้นมาเหมือนกันหมดไม่มีข้อยกเว้น ”
เมื่อกินยาเข้าไปจะกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตหลิงซวน, หลี่ซวนหรือแม้แต่ตุ้นซวนเลยรึ ?
ลั่วซู่หยาง,ชุยเจี่ยนและฝางมู่ต่างก็ตะลึง แม้แต่เฉินกูก็ยังตกใจกับเรื่องนี้ ระดับการบ่มเพาะมันเพิ่มขึ้นง่ายๆแบบนี้เลยรึ ?
“นี่ นี่….” ไป่หลิงดวงตาเบิกกว้างเพราะความตกตะลึง
“แม้ว่าวิธีของคนพวกนี้จะเกินไปหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับว่าการปรุงยาของพวกนี้…” ชุยเจี่ยนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “มันน่าเหลือเชื่อ!”
ชุยเจี่ยนคือปรมาจารย์ปรุงยา 6 ดาว ชื่อของเซียนโอสถใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ การปรุงยาของเขาถือว่าไร้เทียมทาน เขามั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด แต่ตอนนี่เมื่อรู้ถึงนักปรุงยาลึกลับในพันธมิตร เขาก็รู้สึกว่าเขามั่นใจในตัวเองเกินไป
“ช้าก่อน…เจ้าหมายความว่าพวกกลายพันธุ์ขั้นสูงทั้ง 3 คน ไม่ใช่ว่ากินยาเข้าไปและกลายเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดเลยรึ?” ลั่วซู่หยางนึกถึงบางอย่างแล้วพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชุยเจี่ยน,ฝางมู่และคนอื่นๆต่างก็พากันได้สติ จากนั้นพวกเขาก็อึ้งจนพูดอะไรออกมาไม่ออก
ยาที่สามารถสร้างยอดฝีมือระดับสูงสุดทันที !