ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 482 : ภัยที่แท้จริง
ตอนที่ 482 : ภัยที่แท้จริง
“ราชาสัตว์อสูร? เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับราชาสัตว์อสูรได้ยังไงกัน?” ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง
สำหรับพวกยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่แล้ว ราชาสัตว์อสูรนั้นยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเหล่าเซียน หนึ่งเพราะเหล่าเซียนไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับราชาสัตว์อสูรและอีกอย่างก็เพราะเผ่าสัตว์อสูรนั้นมีความบาดหมางกับมนุษย์ หากไม่ระวังตัวอาจจะทำให้เกิดสงครามระหว่างสัตว์อสูรกับมนุษย์ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงขึ้นมา
ฉินอู่ตี้พูดขึ้นมา “ราชาสัตว์อสูรแล้วยังไง? เรามีกันตั้งหลายคน เราจะไปกลัวเขาทำไมกัน?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันใจเย็นกันขึ้นมา “ใช่ ราชาสัตว์อสูรแข็งแกร่งกว่าก็จริง แต่ตราบใดที่เรารวมกลุ่มกัน เขาก็ไม่อาจจะเป็นภัยต่อเราได้ หากเขาต้องการจะเปิดสงครามจริงๆ เราก็ร่วมมือกันสังหารเขาได้ด้วยซ้ำ!”
ตอนแรกมนุษย์มียอดฝีมือระดับสูงสุดแค่เพียง 4 คนซึ่งแค่พอรับมือกับราชาสัตว์อสูรได้ ตอนนี้พวกเขามีคนเพิ่มขึ้นกว่าเดิมและนั่นก็อาจจะจัดการกับราชาสัตว์อสูรได้
ชุยเจี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “หลงตัวเองเกินไปแล้ว!”
ฉินอู่ตี้ตะลึงกับคำพูดของชุยเจี่ยน เขาแสดงสายตาไม่พอใจออกมา “เจ้าว่ายังไงนะ?”
“หากเป็นราชาสัตว์อสูรคนเก่า เราคงไม่ต้องกลัวเขา ข้าเองก็คงไม่กลัวเขา แต่ตอนนี้…” ชุยเจี่ยนมองไปรอบๆและพูดขึ้นด้วยท่าทีเฉยเมย “ถึงเราจะร่วมมือกัน ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือให้กับราชาสัตว์อสูรได้!”
ฉินอู่ตี้เบิกตากว้าง “ เป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน ? ”
ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สิ่งที่เซียนโอสถพูดอาจจะฟังดูไม่เข้าหู แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นคือความจริง เจ้าคงไม่รู้ว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดแบ่งเป็นขั้นเช่นกัน มันแบ่งเป็นขั้นต่ำ, กลาง, สูงและสูงสุด พวกเจ้าส่วนมากอยู่แค่ขั้นต่ำ มีแค่ผู้อาวุโสฝางมู่, ข้าและฉินอู่ตี้ที่อยู่ขั้นกลาง!”
ทุกคนต่างก็ขบคิดตาม
ฉินอู่ตี้ตาเป็นประกายขึ้นมา “งั้นรึ ? ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง น่าสนใจจริงๆ”
เขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของลั่วซู่หยาง เพราะเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสูงกว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดคนอื่นๆ มีแค่ลั่วซู่หยางและฝางมู่เท่านั้น ที่เขารู้สึกได้ถึงภัยจากอีกฝ่าย ดังนั้นมันจึงดูมีเหตุผลจากสิ่งที่ลั่วซู่หยางพูดมา
“แต่ด้วยความแข็งแกร่งของคนพวกนี้แล้ว แม้ว่าราชาสัตว์อสูรจะแข็งแกร่ง แต่เราจะไม่อาจจะเอาชนะได้เลยรึ?” ฉินอู่ตี้พูดขึ้น “ถึงเขาจะแข็งแกร่งกว่าพวกเรา แต่ก็มีข้อจำกัด ถึงแม้พวกยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำกับข้าร่วมมือกัน อาจจะจัดการเขาไม่ได้ แต่หากยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางหลายคนร่วมมือกัน ข้ากลัวว่าแม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงก็คงรับมือไม่ไหว…พวกเรามีคนมากมาย ทั้งยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางถึง 3 คน ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำถึง 16 คน รวมกับเซียนหลอมแล้วก็เป็น 17 คน คนเกือบ 20 คนร่วมมือกัน ต่อให้ราชาสัตว์อสูรแข็งแกร่งก็จริง แต่เราจะหยุดเขาไม่ได้เลยรึ ? เจ้าคิดว่าเขาเป็นราชามังกรรึไง?”
หากต้องสู้กับราชามังกร ฉินอู่ตี้ไม่มั่นใจว่าจะชนะอีกฝ่ายได้ด้วยจำนวน แต่ตามที่เขาจำได้นั้น ราชาสัตว์อสูรอ่อนแอกว่าราชามังกรอย่างมาก
“ตามระดับที่เจ้าพูดมา ราชาสัตว์อสูรน่าจะอยู่ขั้นสูง?” ฉินอู่ตี้ฉลาดอย่างมาก เขามองระดับของราชามังกรออกในทันที “ราชามังกรน่าจะอยู่ขั้นสูงสุดมาหลายพันปีแล้ว ท่านเป้ยหลงก็น่าจะอยู่ในระดับนั้น แต่ราชาสัตว์อสูรตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ก็ไม่อาจจะเทียบกับท่านเป้ยหลงได้ อย่างมากเขาคงอยู่แค่ขั้นสูง”
ลั่วซู่หยางยิ้มออกมา “เจ้าพูดถูก ราชามังกรและท่านเป้ยหลงอยู่ขั้นสูงสุดจริงๆ เมื่อเดือนก่อน ราชาสัตว์อสูรอยู่ขั้นสูงจริงๆ”
ฉินอู่ตี้หรี่ตาลงและพูดขึ้นมา “เดือนก่อนรึ? แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด” ลั่วซู่หยางสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นมา “ข้า, เซียนโอสถ,เซียนหลอมและเซียนอักษรได้เห็นราชาสัตว์อสูรก้าวขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดด้วยตาตัวเอง!”
เมื่อได้ยินที่ลั่วซู่หยางพูดมา ทุกคนต่างก็พากันสูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดขึ้นมา
“จริงรึ!” ฉินอู่ตี้ทำใจเชื่อไม่ได้
“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปดูสิ” ลั่วซู่หยางพูดขึ้น “หากเจ้าตายด้วยน้ำมือของราชาสัตว์อสูร อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนเจ้า…”
“เจ้าเรียกพวกเรามาเพื่อไปจัดการกับราชาสัตว์อสูรไม่ใช่รึ?” สีหน้าของฉินอู่ตี้บิดเบี้ยวไป “นี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชะตาของมนุษย์ที่เจ้าพูดถึงไม่ใช่เหรอ? หากราชาสัตว์อสูรขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดได้ เขาก็จะเป็นภัยอันใหญ่หลวงสำหรับมนุษย์…..รึว่านี่เป็นเหตุผลที่เจ้าเผยแพร่ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำให้กับมนุษย์? เป้าหมายก็เพื่อสร้างยอดฝีมือระดับสูงสุดจำนวนมากเพื่อต่อสู้กับราชาสัตว์อสูรงั้นรึ?”
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่ลั่วซู่หยางด้วยความสงสัย ทำไมลั่วซู่หยางถึงได้เผยแพร่ทักษะบ่มเพาะที่วิเศษแบบนั้นอกมา ? มันคือแผนรึ ? ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนจะพอมีเค้าลางขึ้นมาแล้ว
แต่ลั่วซู่หยางกลับส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “สัตว์อสูรเป็นภัยต่อมนุษย์ก็จริง แต่สิ่งที่ข้าจะบอกเกี่ยวกับชะตาของมนุษย์นั้นไม่ใช่เพราะสัตว์อสูร แต่เกี่ยวข้องกับขุมกำลังอื่น จนมองข้ามภัยที่สัตว์อสูรสามารถทำต่อมนุษย์ได้เลย” ลั่วซู่หยางแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เหล่ายอดฝีมือระดับสูงสุดก็ไม่อาจจะทำใจเย็นได้อีก สีหน้าของทุกคนแสดงความตกตะลึงออกมา และพากันมองไปที่ลั่วซู่หยาง
ราชาสัตว์อสูรเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด !
เผ่าสัตว์อสูรที่มียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดนั้น ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นภัยอันใหญ่หลวงต่อมนุษย์ แต่ตอนนี้ลั่วซู่หยางกลับบอกว่า ภัยที่สัตว์อสูรมีต่อมนุษย์นั้น มองข้ามได้หากเทียบกับภัยอื่น ภัยอย่างอื่นที่ลั่วซู่หยางบอกมานั้นมันคืออะไรกันแน่ !
“เห็นร่างที่พื้นนี้หรือไม่?” ลั่วซู่หยางพูดขึ้น “ภัยของมนุษย์นั้นมาจากเขา!”
ฉินอู่ตี้คิ้วขมวด “เซิงเป่ยซิ่วน่ะรึ? เขาตายไปแล้วไม่ใช่รึ?”
“ไม่ ข้าหมายถึงลูกชายเขา เซิงเฟิง” ลั่วซู่หยางส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ร่างกายที่เหมือนกับสัตว์อสูรนี่”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนต่างก็มองไปที่ร่างของเซิงเฟิง รูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดแบบนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
ฉินอู่ตี้ไม่เข้าใจที่ลั่วซู่หยางจะบอก เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “เจ้าหมายความว่ายังไงกันแน่ ? เวลาของทุกคนมีค่า อย่ามัวโยกโย้!”
ลั่วซู่หยางเงียบไปก่อนจะมองไปรอบๆแล้วถามขึ้นมา “ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ หรือพวกกลายพันธุ์รึไม่ ? ”
คนส่วนมากต่างก็พากันตะลึง ชัดแล้วว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องนี้ มีแค่ฉินอู่ตี้เท่านั้นที่หลังจากได้ยินสองชื่อนี้กลับหรี่ตาลง “พันธมิตรกลายพันธุ์!”
ทุกคนต่างก็หันไปสนใจฉินอู่ตี้ เหล่าเซียนเองก็มองไปที่ฉินอู่ตี้ด้วยความแปลกใจ
“ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน!” ฉินอู่ตี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่กี่พันปีก่อน มีคนที่บอกว่ามาจากพันธมิตรกลายพันธุ์ และมาเชิญข้าเข้าร่วมพันธมิตรกลายพันธุ์ และทำตามแผนการพวกเขา พวกเขารับปากว่าหากข้าเข้าร่วมพันธมิตรกลายพันธุ์ พวกเขาจะช่วยทำให้จักรวรรดิฉินเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งที่สุด และช่วยให้ข้าปกครองทวีปป่า”
ทุกคนตะลึง พันธมิตรกลายพันธุ์ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยรึ !
พวกนั้นมีความสามารถจริงๆ หรือแค่โอ้อวด ?
ฉินอู่ตี้พูดต่อ “ตอนแรกข้าสนใจอยู่บ้าง แต่พวกนั้นขอให้จักรวรรดิฉินส่งคนมากมายให้พวกเขาทำการทดลองในแต่ละปี นอกจากนี้ก็ยังต้องส่งทรัพยากรต่างๆให้กับพวกเขา ข้าปฏิเสธไป…ข้าฉินอู่ตี้ต้องสละชีวิตของคนบริสุทธิ์แลกเปลี่ยนกับการปกครองทั้งทวีปงั้นรึ? ใช่ ข้าต้องการปกครองทวีปนี้ และทำให้จักรวรรดิฉินยิ่งใหญ่ไปทั่วทุกมุมโลก ให้ทุกๆที่เป็นของจักรวรรดิฉิน แต่ข้าต้องการทำให้มันถูกต้อง ข้าต้องการทำให้ชาติของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาเองจนบดขยี้โลกนี้ได้ด้วยตัวเอง และไม่ให้ใครกล้ามาหาเรื่องพวกข้า…”
การต้องพึ่งกองกำลังภายนอกเข้ามาช่วย แม้ว่าเขาจะปกครองโลกนี้ได้ แต่เขาจะรับความจริงข้อนั้นได้รึ?
การที่จักรวรรดิฉินจะรุ่งเรืองขึ้นมา ต้องอาศัยกำลังคนในชาติที่สั่งสมมาหลายพันปี !
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอู่ตี้ก็ไม่เชื่อในพวกกลายพันธุ์ ทวีปป่าแห่งนี้ไม่เคยถูกปกครองด้วยกองกำลังเดียวมาก่อน แม้แต่จักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ในตำนานก็ไม่มีใครทำแบบนั้นได้ เขาไม่คิดว่าพันธมิตรกลายพันธุ์จะช่วยเขาทำแบบนั้นได้
ฉินอู่ตี้ไม่ได้ปิดบังความทะเยอทะยานที่ตัวเองมี แม้ว่าอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือระดับสูงสุดมากมายก็ตาม
“คนที่คิดตกลงกับพันธมิตรกลายพันธุ์มีแต่พวกไม่มีหัวคิด สิ่งที่พวกนั้นทำคือวิธีที่ไม่อาจจะรับได้ คนที่มาเชิญชวนข้าไม่ได้แข็งแกร่ง ข้าถึงกับจำชื่อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ” ฉินอู่ตี้พูดขึ้น “ภัยที่เจ้าพูดถึงคือพันธมิตรกลายพันธุ์รึ? หากเป็นเช่นนั้นข้าอยากจะถาม ขุมกำลังที่แม้แต่เขตก็ยังไม่อาจจะปกครองได้จะเป็นภัยต่อมนุษย์ได้ยังไง ? ”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้นก็สบายใจกันขึ้นมา “หากนั่นที่ท่านฉินพูดมาเป็นความจริง งั้นพันธมิตรกลายพันธุ์ก็ไม่มีค่าที่จะชายตามอง”
“งั้นเจ้าก็คงรู้ว่าพันธมิตรกลายพันธุ์มีผู้นำที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดถึงสองคน,รวมไปถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดที่เป็นพวกกลายพันธุ์ 3 คนรวมถึงยอดฝีมือขอบเขตตุ้นซวน, หลี่ซวนและหลิงซวนอีกหลายร้อยคน เจ้ารู้ระดับของพันธมิตรกลายพันธุ์สินะ?” ลั่วซู่หยางมองไปที่ฉินอู่ตี้และถามขึ้นมา
นอกจากฝางมู่,ชุยเจี่ยน,และหยางเป่ยอัน ฉินอู่ตี้และคนอื่นๆต่างก็พากันตกตะลึง
ฉินอู่ตี้ประหลาดใจขึ้นมา “พันธมิตรกลายพันธุ์แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึ?”
ลั่วซู่หยางไม่ได้ตอบคำถามฉินอู่ตี้ แต่กลับถามต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่า พันธมิตรกลายพันธุ์ได้ใช้เลือดเนื้อของสัตว์อสูรกับมนุษย์ในการปรุงยา ตลอดหลายปีมานี้สัตว์อสูรและมนุษย์ที่หายตัวไปต่างก็ถูกพวกนั้นจับตัวไปใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงยาและทดลอง เมื่อล้มเหลวพวกเขาจะถูกฆ่าทิ้ง เจ้ารู้หรือไม่?”
ทุกคนต่างก็ขนลุกกันขึ้นมา
ลั่วซู่หยางไม่ได้หยุดแค่นั้น เขายังพูดต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกกลายพันธุ์เสียความสามารถในการสืบพันธุ์ หน้าตาผิดปกติ, จิตใจก็บิดเบี้ยวและถือว่าไม่ใช่ทั้งมนุษย์และสัตว์อสูร มันคือกลุ่มสัตว์ประหลาด พวกนั้นทำลายอาณาจักรและเห็นชีวิตของคนเป็นล้านคนเป็นเพียงเกมของพวกนั้น เจ้ารู้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันตัวสั่น
สุดท้ายลั่วซู่หยางก็ตะโกนถามออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ยาที่พันธมิตรกลายพันธุ์ค้นคว้าขึ้นมา ทำให้สามารถทะลวงผ่านไปยังขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูงสุดได้ทันที เมื่อยาชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นมาจริง จำนวนของยอดฝีมือระดับสูงสุดในพันธมิตรกลายพันธุ์ก็จะเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว? อาจจะสิบเท่า ร้อยเท่าหรือมากกว่านั้น เจ้าคิดจะรับมือยังไง?”
เงียบ ทุกคนต่างก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้
ตอนนั้นทั้งสมาคมนักวางค่ายกลเงียบสงัดราวกับป่าช้า