ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 483 : การเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 483 : การเปลี่ยนแปลง
เรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ติดอยู่ในหัวของยอดฝีมือระดับสูงจนทำให้พวกเขาขนลุกขึ้นมา
แม้แต่ฉินอู่ตี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ไม่กี่พันปีก่อน พันธมิตรกลายพันธุ์ยังเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ พวกนั้นเติบโตมาน่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง?”
เขาไม่เคยสนใจพันธมิตรกลายพันธุ์มาก่อน แต่ตอนนี้พันธมิตรกลายพันธุ์กลับมีภัยอันใหญ่หลวงต่อมนุษย์ขนาดนี้
ลั่วซู่หยางมองไปรอบๆ “ตอนนี้ทุกคนยังคิดว่ามันไม่สำคัญอีกหรือเปล่า?”
ทุกคนพากันมองหน้ากันด้วยสีหน้าขมขื่น บางคนถึงกับแสดงสีหน้าหวั่นกลัวออกมา
พวกเขาเพิ่งจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด แต่ก่อนที่เขาจะดีใจกับฐานะของตัวเอง แต่พวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤต
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดอะไรกันอยู่ แต่พวกเจ้าจำไว้ว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากมนุษย์ หากเผ่ามนุษย์หายไป แม้ว่าพวกเจ้าจะปกครองทวีปป่าได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?” ลั่วซู่หยางฮึดฮัดออกมา “พวกเจ้าคิดว่าพันธมิตรกลายพันธุ์จะให้พวกเจ้าปกครองเผ่ามนุษย์จริงๆรึ?”
แม้ว่าพวกเขาจะโง่ แต่ก็พอมองเห็นความทะเยอทะยานของพันธมิตรกลายพันธุ์ได้
ฉินอู่ตี้สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ “บอกมาว่าจะให้พวกเราทำอะไร เจ้าเรียกพวกเรามา ข้าคิดว่าเจ้ามีแผนไว้อยู่แล้ว”
ลั่วซู่หยางไม่ได้เร่งรีบ “เราได้ตกลงกับราชาสัตว์อสูรแล้ว เผ่ามนุษย์กับสัตว์อสูรจะร่วมมือกันหาตัวพันธมิตรกลายพันธุ์ ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน….”
“ร่วมมือกับราชาสัตว์อสูรรึ?” ฉินอู่ตี้คิ้วขมวด “อย่างงั้นรึ? เจ้าไม่กลัวว่าหลังจากที่พวกเราทำลายพันธมิตรกลายพันธุ์แล้ว จากนั้นราชาสัตว์อสูรจะฆ่าพวกเรารึ?”
หลังจากที่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเฉินกูแล้ว ฉินอู่ตี้ก็กลัวเฉินกูยิ่งกว่าเดิม
คนที่เหลือต่างก็มองไปที่ลั่วซู่หยาง ในมุมมองของพวกเขาแล้ว เฉินกูเป็นภัยอันใหญ่หลวงไม่ได้น้อยไปกว่าพันธมิตรกลายพันธุ์เลย
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “แม้ว่าเราจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาสัตว์อสูร แต่เรามนุษย์นั้นใช่ว่าจะไม่มีตัวตนทัดเทียมกับราชาสัตว์อสูร ตราบใดที่คนๆนั้นยังอยู่ ราชาสัตว์อสูรก็ไม่กล้าทำอะไรกับมนุษย์…ไม่งั้นแล้วหลังจากที่ราชาสัตว์อสูรขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด เราคงโดนฆ่าไปแล้ว จะยังอยู่รอดจนถึงตอนนี้ได้ยังไง?”
ฉินอู่ตี้ยักคิ้ว “มนุษย์มีคนแบบนั้นอยู่รึ ? ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดน่ะรึ?”
เฉินกูเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด คนที่ทัดเทียมกับราชาสัตว์อสูรได้นั้นก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด
ทุกคนต่างก็ใจเต้นรัว และมองไปที่ลั่วซู่หยางด้วยความสงสัย
“เจ้าลองคิดดูสิ” ลั่วซู่หยางไม่ได้อยากเผยข้อมูลของจางหยูมากนัก เขาขี้เกียจจะอธิบายและปล่อยให้ฉินอู่ตี้เข้าใจผิดต่อไป “เรื่องอื่นข้าคงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ข้าบอกได้แค่ว่า หากยังมีคนๆนั้นอยู่ เผ่ามนุษย์ของพวกเราก็ไม่ต้องกลัวสัตว์อสูรและมังกร เรื่องเดียวที่ต้องระวังในตอนนี้ก็คือพันธมิตรกลายพันธุ์ เพราะคนของพันธมิตรกลายพันธุ์นั้นคือกลุ่มคนเสียสติ และชายคนนั้นอาจจะไม่สามารถจัดการพวกนั้นได้ด้วยตัวเองทั้งหมดได้”
“ทำไมเราต้องเชื่อเจ้าด้วย?” ฉินอู่ตี้สงสัยขึ้นมา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อในสิ่งที่ลั่วซู่หยางพูดมาทั้งหมด “หากเจ้าร่วมมือกับสัตว์อสูรเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เจ้าคงไม่ลังเลที่จะขายเผ่ามนุษย์ งั้นเราไม่ใช่ลูกนกในรังเสือหรือไง ไม่ใช่ว่าเราเดินไปหาที่ตายเองหรือไง?”
ชุยเจี่ยนพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “หากเราร่วมมือกับราชาสัตว์อสูรจริงๆ เจ้าจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้รึไง?”
“เจ้า…” สีหน้าของฉินอู่ตี้หม่นลงทันที
“เอาล่ะ จะเชื่อหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเอง” ลั่วซู่หยางพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ข้าแค่บอกความจริงกับพวกเจ้า หากพวกเจ้าร่วมมือกับพวกเราก็ดี หากพวกเจ้าไม่ต้องการร่วมมือ เจ้าก็จะทำให้ราชาสัตว์อสูรโกรธหรือไม่ก็รอวันที่พันธมิตรกลายพันธุ์มาฆ่าพวกเจ้าเอง อย่าโทษเราว่าเราไม่เตือน”
เมื่อได้ยินที่ลั่วซู่หยางพูดออกมา หลายคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ฉินอู่ตี้เองก็เงียบไปพร้อมกับสีหน้าที่หม่นลง
สักพักฉินอู่ตี้ก็สูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้นมา “ข้าอยากเห็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดที่เจ้าพูดถึง!”
หากเขายืนยันได้ว่ามนุษย์มีคนแบบนั้นอยู่จริงๆ มันก็พิสูจน์ได้ว่าลั่วซู่หยางและคนอื่นๆไม่ได้โกหก
“ขอโทษด้วยแต่ตอนนี้เขาไม่ว่าง!” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นซึ่งทำให้ฉินอู่ตี้คิ้วขมวด โชคดีที่ลั่วซู่หยางพูดขึ้นต่อทันที “แต่เขาเคยบอกมาก่อนแล้วว่าจะกลับมาก่อนเดือน 9 ตามเวลาแล้วมากสุดก็แค่ครึ่งเดือน ตอนนั้นข้าจะถามเขาดูว่าเขาจะยอมพบกับพวกเจ้าหรือไม่ หากเขาตกลง ข้าก็พร้อมจะพาพวกเจ้าไปพบกับเขา ”
ฉินอู่ตี้คิ้วขมวด “หากเขาไม่ต้องการจะพบเราล่ะ?”
ลั่วซู่หยางมองไปที่อีกฝ่ายและพูดขึ้นมา “หากเขาไม่ต้องการจะพบพวกเจ้า พวกเจ้าก็ยอมแพ้ในความคิดนี้ซะ พวกเราจะบังคับให้เขามาเจอพวกเจ้าได้หรือไง? แต่ถ้าหากพวกเจ้ามีความกล้า ก็ถ่อไปเจอก็ได้ เราคงไม่ห้ามพวกเจ้า! ”
ฉินอู่ตี้มองไปที่ลั่วซู่หยางและพูดขึ้นมา “ข้าหวังว่าเจ้าจะพูดความจริง!”
อันที่จริงเขาเชื่อในตัวอีกฝ่ายแต่ก็แค่สงสัยก็แค่นั้น
“เอาละ ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อจะแจ้งเรื่องนี้ แม้ว่าพวกเจ้าไม่คิดจะช่วยแต่อย่างน้อยก็ต้องสั่งคนของตัวเองไม่ให้ลงมือกับสัตว์อสูร ในอนาคต แม้ว่าสัตว์อสูรจะปรากฏตัวในเมืองมนุษย์แต่ก็อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยาก…” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นอย่างใจเย็น “นี่คือข้อตกลงกับราชาสัตว์อสูร หากใครกล้าฝ่าฝืนเรื่องนี้ ไม่ต้องรอให้ราชาสัตว์อสูรมาจัดการ เรานี่แหละที่จะไปจัดการพวกเจ้าและส่งตัวให้ราชาสัตว์อสูรตัดสิน!” เขาแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “มันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของมนุษย์ ในช่วงวิกฤตเช่นนี้หากใครสร้างปัญหาขึ้นมาจะถือว่าเป็นศัตรูกับมนุษย์ทั้งหมด ข้าขอแนะนำพวกเจ้าทุกคน ก่อนที่พวกเจ้าจะทำอะไรก็คิดทบทวนให้ดี”
หากคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาคือคำกล่อมและสื่อสาร คำพูดตอนนี้คือคำขู่ที่แท้จริง
แต่ไม่มีใครกล้ามองข้ามความจริงข้อนี้ เพราะลั่วซู่หยางไม่ได้แทนตัวเองเพียงคนเดียว แต่รวมถึงฝางมู่,ชุยเจี่ยน,หยางเพ้ยอัน,หงจินเป่าและตัวเขาเอง ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางถึง 2 คนและขั้นต่ำอีก 3 คน หากพวกนี้เอาจริง แม้แต่ฉินอู่ตี้และคนอื่นๆคงไม่อาจจะรับมือได้ไหว
ทุกคนต่างก็หันไปมองที่ฉินอู่ตี้ ชัดแล้วว่าพวกเขารอการตัดสินใจจากฉินอู่ตี้อยู่ หากพวกเขาตกลงกันได้ แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่มีความเห็นค้านกันในเรื่องนี้ หากฉินอู่ตี้ปฏิเสธ งั้นพวกเขาก็คงต้องคิดทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกรอบ
“ตอนนี้ข้าเชื่อเจ้า” ฉินอู่ตี้เงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา “จักรวรรดิฉินจะร่วมมือกับเจ้า แต่หากว่าข้าไม่เห็นคนที่เจ้าพูดถึงในอีกครึ่งเดือน…”
ตอนที่พูดถึงจุดนี้ ฉินอู่ตี้ก็ไม่ได้พูดต่อ แต่ก็รับรู้ได้ถึงคำขู่ของเขาที่แฝงเอาไว้ได้
แน่นอนว่าสิ่งที่ลั่วซู่หยางพูดออกมานั้น เป็นสิ่งที่ดี แต่หากลั่วซู่หยางโกหกเขา เขาคงไม่ยอมอยู่เฉยแน่….
เขากวาดตามอง ลั่วซู่หยาง, ชุยเจี่ยน,หยางเพ้ยอันและฝางมู่ก่อนจะหันกลับแล้วคิดที่จะกลับ
คนที่เหลือไม่กล้าจะทำตัวหยาบคายเหมือนกับฉินอู่ตี้ พวกเขาโค้งให้กับลั่วซู่หยางและคนอื่นๆ “ข้าขอตัว!”
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้กลับไป อยู่ๆพวกเขาก็หยุดและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า
ลั่วซู่หยางสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เซียนหลอม!”
ร่างที่ตกลงมานี้คือหงจินเป่าที่รับหน้าที่ในการค้นหาตู้รั่วหยุนและหลินไห่หยาที่เขตใต้
ลั่วซู่หยางพุ่งออกไปรับร่างนั้นเอาไว้ทันที
“อึก อึก …” ตัวของหงจินเป่าเต็มไปด้วยบาดแผล พลังวิญญาณเขาอ่อนแรง ลมหายใจเองก็เช่นกัน ปากของเขาสั่นไหวจนพูดออกมาแม้แต่คำเดียวก็ยังยาก พลังชีวิตของเขาลดลงไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง หากไม่หยุดมันไว้ตอนนี้อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะหายไปจากโลกนี้
เมื่อเห็นฉากนั้น เหล่ายอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ รวมไปถึงลั่วซู่หยาง,ชุยเจี่ยน และคนอื่นๆต่างก็พากันหน้าถอดสี
“เร็วเข้า เซียนโอสถ!” ลั่วซู่หยางบินกลับมาที่พื้น วางหงจินเป่าเอาไว้และตะโกนบอกชุยเจี่ยน
ชุยเจี่ยนชะงัก แต่สุดท้ายเขาก็กัดฟันแน่นและเอายาออกมาจากแหวนมิติ ใส่เข้าไปในปากของหงจินเป่า เขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดและพึมพำออกมา “ยาฟื้นฟูขั้น 6 ข้าปรุงมันขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อตัวเองแท้ๆ…”
ลั่วซู่หยางไม่ได้สนใจอีกฝ่าย สายตาเขาจับจ้องไปที่หงจินเป่า ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา “ภูเขาทางใต้ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ!”
“คนที่ลงมืออย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง!” ฉินอู่ตี้พุ่งเข้ามาและตรวจสอบบาดแผลของหงจินเป่าก่อนจะพูดต่อ “มันคือพันธมิตรกลายพันธุ์ ผู้นำของพวกนั้นรึ?”
ทุกคนพากันมองหน้ากันด้วยอารมณ์ที่หนักอึ้ง
หลังจากที่กินยาเข้าไป แต่พลังชีวิตไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลดลงเลย โชคดีที่ความเร็วของพลังชีวิตที่ลดลงนั้นช้าลงกว่าร้อยเท่า มันไม่น่าจะเป็นภัยถึงชีวิตในตอนนี้ได้ แต่หากต้องการจะช่วยชีวิตอีกฝ่าย งั้นอาจจะต้องกินยาฟื้นฟูขั้น 6 อีกหลายเม็ด
“พลังวิญญาณของเขาแทบหมดแล้ว มันเหลืออยู่ไม่มาก วังวนในตันเถียนอาจจะพังลงตอนไหนก็ได้ มันมีบาดแผลทั่วตัวเขาเป็นร้อยๆแห่ง ส่วนที่ร้ายแรงมี 6 แห่ง !” ลั่วซู่หยางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “อีกฝ่ายลงมืออย่างหนักหน่วง ! เขาคิดจะฆ่าเซียนหลอม !”
ด้วยบาดเจ็บแบบนี้ การที่หงจินเป่ากลับมาที่เขตกลางได้นั้นถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
ลั่วซู่หยางตรวจสอบอาการของหงจินเป่าอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นมา “เซียนโอสถ เอายาฟื้นฟูขั้น 5 ให้เขากินอีก!”
ชุยเจี่ยนรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่เมื่อมันเกี่ยวข้องกับชีวิตของหงจินเป่า เขาก็ไม่คิดปฏิเสธ เขากัดฟันแน่และเอายาฟื้นฟูขั้น 5 สามเม็ดออกมาให้หงจินเป่ากิน พร้อมกับบ่มพึมพำ “เซียนหลอม เจ้าอย่าตายนะ ยาของข้าไม่ใช่ว่าเจ้าจะกินไปได้ฟรีๆ…” เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องทวงคืนจากอีกฝ่าย
สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่หงจินเป่า พวกเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ภูเขาทางใต้ ใครกันที่เป็นคนโจมตีเซียนหลอม
หลังจากนั้นสักพัก หงจินเป่าก็ลืมตาขึ้นมา ตอนที่เขาเห็นลั่วซู่หยางเขาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ตู้รั่วหยุนกับหลินไห่หยาถูกช่วยไป ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไร้เทียมทาน ข้าบาดเจ็บหนัก หากข้าหนีมาไม่ทันเวลา ข้ากลัวว่าแค่ท่าเดียวข้าคงทนได้ไม่ถึง 3 อึดใจและตายที่นั่น! เขาแข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไป!” สายตาของหงจินเป่าเต็มไปด้วยความกลัว
“ท่าเดียวรึ?” ทุกคนต่างก็ตะลึง
การโจมตีเพียงครั้งเดียวแต่กลับทำให้หงจินเป่าบาดเจ็บหนักถึง 6 จุดและแทบฆ่าหงจินเป่าได้ ความแข็งแก่รงแบบนี้มันน่ากลัวจริงๆ !
อย่างน้อยต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง !
“ไม่…หากอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงจริง งั้นเซียนหลอมหนีมาได้ยังไง?” ลั่วซู่หยางคิ้วขมวด “แต่หากเขาไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง เขาจะทำให้เซียนหลอมบาดเจ็บหนักแบบนี้ได้ยังไง?”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันสับสนกันขึ้นมา