ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 484 : เลือดเย็น
ตอนที่ 484 : เลือดเย็น
“ทำให้เซียนหลอมบาดเจ็บหนักได้ แต่ไม่อาจจะฆ่าเขาได้ อีกฝ่ายคิดจะทำอะไร?”
ฉินอู่ตี้มองไปที่หงจินเป่าและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “บางทีอีกฝ่ายอาจจะรู้ว่าเซียนหลอมโดนเขาโจมตี แม้ว่าจะหนีไปได้แต่คงไม่อาจจะรอดไปได้ เลยไม่จำเป็นต้องลงมืออีกครั้ง…หรือไม่อีกฝ่ายแค่อยากแสดงพลังของท่านี้ออกมา!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหงจินเป่านั้นบาดเจ็บหนัก และกำลังจะตาย นี่คือความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง
“แสดงพลังรึ?” สีหน้าของลั่วซู่หยางบิดเบี้ยวมากกว่าเดิม “พวกนั้นคิดจริงๆหรือว่าเราจะช่วยเขาไม่ได้?”
หยางเพ้ยอันครุ่นคิดบางอย่างอยู่ เขาถามหงจินเป่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เซียนหลอม คนที่ทำร้ายเจ้าคือมนุษย์หรือว่าเป็นสัตว์ประหลาดแบบที่เราพบก่อนหน้านี้?”
หงจินเป่าพูดออกมาด้วยเสียงที่อ่อนแรง “สัตว์ประหลาด ชายคนนั้นดูเหมือนกับสัตว์ประหลาด!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของทุกคนก็หม่นลง
“สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นมาแล้ว!” หยางเพ้ยอันคิ้วขมวด “ตามที่เซิงเป่ยซิ่วบอกมา มียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำแค่ 3 คนในพันธมิตรกลายพันธุ์ แต่ตอนนี้กลับมียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงปรากฏตัวขึ้นมา นี่คือคนใหม่รึ ? ยาพลิกชีวิตแบบใหม่คงถูกสร้างขึ้นมาแล้ว พวกเขาเริ่มทดสอบกับพวกกลายพันธุ์แล้วรึ ? ถ้าเป็นแบบนั้นนี่อาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้น มันจะมียอดฝีมือระดับสูงสุดโผล่มามากกว่านี้…”
นี่ถือว่าเป็นข่าวร้าย !
แค่ยอดฝีมือระดับสูงสุดแบบเดิมก็ทำให้พวกเหนื่อยใจได้แล้ว แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์กลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก พวกเขาอาจจะรับมือกับพันธมิตรกลายพันธุ์ไม่ไหว
ลั่วซู่หยางครุ่นคิดและมองไปรอบๆ “พวกเจ้าคิดว่ายังไงกัน?”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพันธมิตรกลายพันธุ์แข็งแกร่งขึ้น” ฉินอู่ตี้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แต่พวกนั้นไม่น่าคิดจะจัดการกับเราในตอนนี้ ไม่งั้นแล้วพวกนั้นคงลงมือไปแล้ว และไม่ต้องซ่อนตัวจนถึงตอนนี้”
ด้วยรูปแบบของพันธมิตรกลายพันธุ์แล้ว หากพวกนั้นมั่นใจในขุมกำลัง ป่านนี้พวกนั้นคงลงมือไปแล้ว
หยางเพ้ยอันพยักหน้า “ข้าเห็นด้วยกับท่านฉิน ว่าพันธมิตรกลายพันธุ์ยังไม่ได้เป็นภัยต่อเราในตอนนี้ ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงของพันธมิตรกลายพันธุ์อาจจะมีแค่คนเดียวในกลุ่ม ตราบใดที่ไม่ได้รับคำสั่ง คนแบบนั้นคงไม่คิดจะฆ่าเราในเวลาอันสั้นได้ หากเขาโดนเราล้อม งั้นเขาก็ตายได้เหมือนกัน ! ”
ทุกคนพากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เราต้องหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์ให้เจอโดยเร็วที่สุด!” หยางเพ้ยอันพูดขึ้นมา “ไม่งั้นแล้วหากเราปล่อยให้พวกนั้นสร้างยอดฝีมือระดับสูงสุดขึ้นมามากกว่านี้ได้ เรานี่แหละที่จะตกที่นั่งลำบาก!”
นี่ไม่ต้องพูดถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำและกลางเลย แม้แต่เฉินกูหากเจอกับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงหลายคนของพันธมิตรกลายพันธุ์ เขาก็ยากที่จะรอดมาได้
เมื่อได้ยินที่หยางเพ้ยอันพูดมา ทุกคนต่างก็พากันแสดงสีหน้ากังวลออกมา
พวกเขาใช้ความพยายามมานานกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ พวกเขาไม่อยากตายด้วยน้ำมือของพันธมิตรกลายพันธุ์
ลั่วซู่หยางพยักหน้าและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ภารกิจที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์”
เขามองไปรอบๆแล้วพูดต่อ “เรื่องนี้สำคัญแค่ไหน ข้าคิดว่าทุกคนคงรู้ดีกันแล้ว ข้าจะไม่พูดไร้สาระอีก จากนี้ไปข้าหวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างที่สุด เพื่อหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์ เวลาเราน้อยลงเรื่อยๆ…”
ทุกคนต่างก็พากันหวั่นในใจ
“ข้าจะกลับไปจัดการเดี๋ยวนี้ ทุกคน ข้าขอตัว!”
หยางเพ้ยอันรีบตะโกนออกมา “ช้าก่อน”
ฉินอู่ตี้หยุดทันที
“ทุกคนควรจะจับกลุ่มกันเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดคิด” หยางเพ้ยอันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่มีใครรู้ว่าพวกพันธมิตรกลายพันธุ์หลบซ่อนอยู่ในเขตกลางหรือไม่ หากโชคร้ายเจอกับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงของพันธมิตรกลายพันธุ์เข้า มันก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนกับเซียนหลอม…”
โชคดี ?
ทุกคนต่างก็มองไปที่หงจินเป่า แม้ว่าพลังชีวิตจะหายไปช้าลงแล้ว หลังจากที่กินยาเข้าไป แต่ทุกคนก็รู้ว่าหงจินเป่าต้องตาย นอกซะจากว่าจะได้กินยาฟื้นฟูขั้นที่ 6 เพิ่ม
แต่ยาฟื้นฟูขั้นที่ 6 นั้นมีค่าแค่ไหนกัน ขนาดชุยเจี่ยนยังมีแค่เม็ดเดียว มันยากที่จะหามาเพิ่มได้ในเวลาอันสั้น !
อาจจะกล่าวได้ว่า แม้ว่าหงจินเป่าจะหนีมาได้แต่เขาคงอยู่ได้แค่ 10 วัน เมื่อหมดเวลา เขาก็ยังต้องตายอยู่ดี
“ไปด้วยกันเถอะ” ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่พากันตามฉินอู่ตี้ไป เมื่อเห็นสภาพปางตายของหงจินเป่า พวกเขาก็รู้สึกกลัวตายกันขึ้นมา มันจะดีกว่าหากจะเดินทางไปพร้อมกับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง
ฉินอู่ตี้มองไปที่หยางเพ้ยอันและมองไปยังใบหน้ากังวลของเหล่ายอดฝีมือหน้าใหม่ เขาเงียบอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า “ได้ ไปด้วยกัน”
….
“เซียนอักษร เจ้าให้พวกเขาไปด้วยกันเพราะกลัวว่าจะถูกโจมตีโดยยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงของพันธมิตรกลายพันธุ์รึ?” ลั่วซู่หยางพอเดาออก
หยางเพ้ยอันพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายังรู้จักข้าดี แต่ข้าให้พวกเขาไปด้วยกันเพราะจุดประสงค์อื่น นั่นก็คือ…จับตาดูกันและกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นลั่วซู่หยางก็ยักคิ้วขึ้นมา “เจ้าสงสัยว่าในหมู่พวกนั้นมันมีคนของพันธมิตรกลายพันธุ์รึ?”
“ก่อนหน้านี้เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนนัก ทุกคนต่างก็เป็นผู้ต้องสงสัยรวมถึงเจ้ากับข้าด้วย” หยางเพ้ยอันพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “แต่คนที่ดูน่าสงสัยที่สุดคือฉินอู่ตี้ เขารู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพันธมิตรกลายพันธุ์และผู้นำทั้งสอง การปรากฏตัวครั้งแรกของพวกพันธมิตรกลายพันธุ์คือยื่นข้อเสนอให้กับจักรวรรดิฉิน ผู้นำทั้งสองเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง ฉินอู่ตี้เองก็เช่นกัน มันบังเอิญที่เขาบอกว่าพันธมิตรกลายพันธุ์ได้มาหาเขา…โอ้ หลายพันปีก่อน เขาอยู่แค่ขอบเขตตุ้นซวนทั่วๆไป จักรวรรดิของเขาก็ไม่ได้วิเศษอะไร ไม่มีใครอยากเป็นพันธมิตรกับเขา การยื่นข้อเสนอเพื่อให้เขาร่วมมือมันจะมีอะไรดีรึ?”
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของหยางเพ้ยอัน ลั่วซู่หยาง,ชุยเจี่ยนและฝางมู่ก็คิดตาม และยอมรับว่าการวิเคราะห์นี้มีเหตุผล
“แน่นอนว่าข้าแค่สงสัยแต่ไม่ได้มีหลักฐานอะไร บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้” หยางเพ้ยอันพูดขึ้น “เราไม่อาจะลดการระวังตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นกับฉินอู่ตี้หรือพวกยอดฝีมือระดับสูงหน้าใหม่คนอื่นๆ บางทีพวกนั้นอาจจะเป็นคนของพันธมิตรกลายพันธุ์ก็ได้”
หยางเพ้ยอันเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะบอกกับคนอื่นๆ “แม้ว่าข้าจะเชื่อในตัวเจ้า แต่…เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ งั้นเราควรจะอยู่ด้วยกัน ห้ามใครออกไปเพียงลำพังเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด เจ้าคิดว่ายังไง ? ”
ชุยเจี่ยนคิ้วขมวดแสดงความไม่พอใจออกมา “เจ้าสงสัยเรารึ?”
ลั่วซู่หยางและฝางมู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในใจของพวกเขาก็ยังรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้
“ใจคนเราคาดเดาไม่ได้ มีใครเชื่อใจคนอื่นได้เต็มร้อย ข้าขอถามเจ้าทีว่า เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าเต็มร้อยหรือไม่?” หยางเพ้ยอันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยชา “ยิ่งกว่านั้นเมื่อเราอยู่ด้วยกันแล้ว เราก็วางใจเรื่องความปลอดภัยของเราได้ ข้าไม่ต้องการเป็นแบบเซียนหลอม”
ตอนนั้นเซียนหลอมได้สลบไปแล้ว ตอนนี้ชีวิตเขาเหมือนกับแสงเทียนที่จะดับลงตอนไหนก็ได้
“ได้ ข้าตกลง” ลั่วซู่หยางพยักหน้าและพูดขึ้นมา
ฝางมู่เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “เอาตามที่เจ้าบอก ข้าไม่อยากตายแล้วถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศต่อเผ่ามนุษย์”
หากศิษย์ของเป้ยหลงเป็นคนทรยศต่อมนุษย์ เขาจะเอาหน้าไปไว้ไหน !
เมื่อเห็นว่าลั่วซู่หยางและฝางมู่ตกลง ชุยเจี่ยนก็ยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา แต่สุดท้ายเขาก็ตกลง
“ขอบคุณที่เข้าใจ” หยางเพ้ยอันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
บางทีเพราะรับรู้ถึงความไม่พอใจของคนอื่นๆ หยางเพ้ยอันจึงหันไปสนใจหงจินเป่าที่หมดสติอยู่ “สถานการณ์ของเซียนหลอมเป็นปัญหาอยู่…” เขาคิ้วขมวดและมองไปที่ชุยเจี่ยน “เซียนโอสถ เจ้ามียาฟื้นฟูขั้น 6 อีกหรือไม่?”
“อย่าสิ้นเปลืองไปเลย เซียนหลอมไม่รอดหรอก” ชุยเจี่ยนพูดด้วยท่าทีเฉยชา “ข้ายังมียาฟื้นฟูขั้น 6 อยู่ที่สมาคม แต่แม้ว่าจะเอาให้เขากิน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร นอกซะจากว่าเจ้าจะหายาฟื้นฟูขั้น 6 ได้อีก ยิ่งกว่านั้นวังวนในตันเถียนของเขาก็แทบพังแล้ว แม้ว่าเขาจะรอดมาได้แต่ก็ยากที่จะรักษาระดับการบ่มเพาะของเขาได้…ยาฟื้นฟูขั้น 6 กว่า 3 เม็ด มันคุ้มค่าที่ต้องมาเสียเปล่ารึ?”
เขาเพิ่งเสียยาฟื้นฟูขั้น 6 ไป 1 เม็ด เขายังรู้สึกสลดจนถึงตอนนี้
ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “ทุกคนอยู่ด้วยกันมากว่าพันหรือสองพันปี เจ้าไม่คิดถึงความสัมพันธ์ของเราเลยหรือไง?”
“ไม่ใช่ว่าข้ามองข้ามความสัมพันธ์ของเรา แต่หากไม่มีการบ่มเพาะ ถึงเขาจะรอดมาได้แต่ก็ต้องอยู่อย่างเจ็บปวด เขาต้องพึ่งยาจำนวนมากเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง หากเขาขาดยาไป เขาก็จะตายเพราะพลังชีวิตที่เหือดแห้งไปเหมือนกับโอวเสินเฟิง ไม่สิ เซียนหลอมแย่ยิ่งกว่า ด้วยนิสัยของเซียนหลอมแล้ว เขาจะรับความจริงแบบนี้ได้รึ?” ชุยเจี่ยนฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา
คนอื่นยังไม่ทันได้พูดอะไร ชุยเจี่ยนก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “หากเจ้าต้องการยาฟื้นฟูขั้น 5 ข้าเอาให้เจ้าได้ แต่ถ้าเป็นยาขั้น 6 ข้าต้องขอโทษด้วย เจ้าคงต้องไปหาคนอื่น…” ท่าทีของเขาแทบถือว่าเย็นชาราวกับไม่สนใจชีวิตของเซียนหลอม แต่สิ่งที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล
ยาฟื้นฟูขั้น 6 นี้มันล้ำค่า ไม่ใช่วัตถุดิบที่หายาก แต่ความยากในการปรุงก็สูงเช่นกัน เพื่อคนที่กำลังจะตาย มันคุ้มค่าที่ต้องแลกยาฟื้นฟูขั้น 6 กว่า 2-3 เม็ดรึ หากมองในด้านผลประโยชน์แล้วมันไม่คุ้มค่าจริงๆ
ลั่วซู่หยางมองไปที่ชุยเจี่ยนและพูดขึ้นมา “บางทีเจ้าอาจจะพูดถูก แต่ข้าไม่อาจจะทำตัวเลือดเย็นแบบนั้นได้”
“เอายาฟื้นฟูขั้น 5 กับขั้น 6 ที่เจ้ามีให้ข้ามาทั้งหมด” ลั่วซู่หยางพูดขึ้น “เจ้าสบายใจได้ ยาพวกนี้รวมไปถึงยาที่เจ้าเอาให้เซียนหลอมกินไป เจ้าขายให้กับข้าได้เลย มันราคาเท่าไหร่? เจ้าบอกมาได้เลย ข้าลั่วซู่หยางจะขอจ่ายแทนเซียนหลอมเอง!”
เมื่อพูดจบเขาก็ไปนั่งยองๆข้างหงจินเป่าและพูดขึ้นมา “ข้าไม่สนเรื่องในอนาคต ตอนนี้เรื่องที่สำคัญคือต้องช่วยชีวิตเซียนหลอมเอาไว้!”
หยางเพ้ยอันพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ให้ข้าจัดการเอง ยังไงซะเราก็เป็นมิตรต่อกันมากว่าพันปีแล้ว เราไม่อาจจะปล่อยให้เขาตายได้ …”
“ขอโทษด้วยที่ข้าไม่อาจจะช่วยอะไรได้” ฝางมู่พูดขึ้นมา “แต่หากมีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วย แม้ว่าจะต้องตายข้าก็ไม่ลังเล…”
เมื่อลั่วซู่หยางและคนอื่นๆแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา ก็ทำให้สีหน้าของชุยเจี่ยนบิดเบี้ยวไป