ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 485 : สุสานศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 485 : สุสานศักดิ์สิทธิ์
“พวกเจ้าหมายความว่ายังไง?” ชุยเจี่ยนมองไปที่ลั่วซู่หยาง “พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าเป็นคนดีแต่ข้าเป็นคนชั่วสินะ?”
ลั่วซู่หยางส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “โลกนี้ไม่ได้มีแต่สีขาวและสีดำ ดีหรือเลว เจ้าเป็นคนแบบไหนกัน ? ตลอดหลายปีมานี้ข้าเชื่อว่าทุกคนต่างก็ตัดสินกันได้เอง”
หยางเพ้ยอันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เซียนโอสถ ครั้งนี้เจ้าคิดมากเกินไป มันไม่สมกับเป็นเจ้าเลย…”
ฝางมู่และชุยเจี่ยนไม่ได้สนิทอะไรกันมากนัก ในเรื่องนี้เขาจึงไม่ได้มีสิทธิจะพูด ดังนั้นมันจึงฉลาดกว่าหากจะเงียบเอาไว้
“ดี พวกเจ้าเป็นคนดีกันหมด ข้าอยากเห็นจริงๆว่าคนดีแบบพวกเจ้าจะได้รับรางวัลแบบไหนในอนาคต” ชุยเจี่ยนฮึดฮัดออกมาก่อนจะเอาขวดหยกออกมาโยนให้กับลั่วซู่หยาง “ยาฟื้นฟูขั้น 5 นี้ทั้งหมดเป็นของเจ้า หากเจ้าต้องการยาฟื้นฟูขั้น 6 เจ้าต้องไปกับข้าที่สมาคมนักปรุงยา!” ชุยเจี่ยนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ข้าไม่คิดเอาเปรียบเรื่องราคา ราคาคำนวณตามราคาตลาด ”
ลั่วซู่หยางพยักหน้าและพาเซียนหลอมที่หมดสติไปยังห้องลับของสมาคม
หลังจากที่ป้อนยาฟื้นฟูขั้น 5 ให้กับเซียนหลอมแล้วลั่วซู่หยางก็ได้บอกกับชุยเจี่ยน “หากเจ้าไม่ต้องการให้มันสายเกินไป เราจะไปที่สมาคมนักปรุงยาเพื่อเอายาฟื้นฟูขั้น 6 กัน ตอนนี้ ผลของยาฟื้นฟูขั้น 5 นั้นส่งผลแค่น้อยนิดและมันยากที่จะรักษาอะไรได้ หากเจ้าเอายาฟื้นฟูขั้น 6 ให้กับเซียนหลอมตอนนี้ได้ มันก็รับรองได้ว่าเขาจะไม่ตายในเวลาอันสั้น ”
ชุยเจี่ยนแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนออกมา แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับเท่านั้น
ตอนที่เขากลับออกไป ลั่วซู่หยางได้ใช้ปราณปกคลุมตัวของหงจินเป่าเอาไว้แยกกับโลกภายนอก ก่อนจะออกจากห้องไป
ที่สมาคมนักปรุงยาก็เหมือนกับที่สมาคมนักวางค่ายกล มันแทบไม่มีคนเหลืออยู่ในสมาคม ที่นั่นเงียบสงบอย่างมากราวกับว่าเป็นสุสานที่มีแต่ความมืดมิด
ชุยเจี่ยนรีบไปหยิบยาฟื้นฟูขั้น 6 มา และยื่นมันให้กับลั่วซู่หยาง “นี่คือยาฟื้นฟูขั้น 6 เม็ดสุดท้ายของสมาคมนักปรุงยา หากเจ้าบาดเจ็บหนักในอนาคต อย่าคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าได้ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีวัตถุดิบสำหรับการปรุงยาฟื้นฟูขั้นที่ 6 ก็ตาม” การปรุงยาฟื้นฟูขั้น 6 นั้นต้องใช้เวลานานและใช้พลังวิญญาณจำนวนมาก ด้วยสภาพของชุยเจี่ยนในตอนนี้เขาไม่อาจจะปรุงยาฟื้นฟูขั้น 6 ขึ้นมาได้ สถานการณ์ตอนนี้อันตราย เขาไม่อาจจะทำการปรุงยาขึ้นมาได้
ลั่วซู่หยางหัวเราะและรับยาจากอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้น “ไปกันเถอะ!”
พวกเขาบินขึ้นไปในอากาศเตรียมตัวที่จะกลับ
ทันใดนั้นเอง…
“ ช้าก่อน ” อยู่ๆลั่วซู่หยางก็หยุด เขาหรี่ตาลงมองไปทางเหนือของสมาคมนักปรุงยา “มันมีกลิ่นเลือดที่นั่น!”
หยางเพ้ยอันและชุยเจี่ยนไม่ได้มีสัมผัสที่เฉียบคมเหมือนลั่วซู่หยาง พวกเขาจึงไม่รับรู้ถึงความผิดปกติ
“ใช่ ที่นั่นมีกลิ่นเลือดอยู่จริงๆ !” ฝางมู่แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
ตอนที่เขามายังสมาคมนักปรุงยาในตอนแรก เขาก็ได้กลิ่นแปลกๆแต่เขาสนใจแค่ยาฟื้นฟู เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมากแต่หลังจากที่ลั่วซู่หยางพูดแบบนั้นออกมา เขาก็ได้สติ กลิ่นแปลกๆนี้คือกลิ่นของเลือด
ลั่วซู่หยางมองไปที่ชุยเจี่ยนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ที่นั่นมันคือที่ไหนกัน?”
ชุยเจี่ยนมองตามสายตาของลั่วซู่หยางพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม “ที่นั่น….คือสุสานศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้อาวุโสสมาคมนักปรุงยา! เราฝังร่างของผู้อาวุโสของสมาคมนักปรุงยาไว้ที่นั่น!”
“สุสานศักดิ์สิทธิ์….”
ลั่วซู่หยางคิ้วขมวด ทุกสมาคมจะมีสุสาน มันคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในสมาคมเพราะมันมีบรรพบุรุษนับไม่ถ้วนหลับใหลอยู่ที่นั่น บอกได้ว่าสุสานแห่งนี้ถือว่าไม่ใช่แค่บ้านของบรรพบุรุษแต่ยังฝังร่างของพวกนั้นเอาไว้ด้วย
กลิ่นเลือดนี้มาจากสุสานศักดิ์สิทธิ์รึ ?
ชุยเจี่ยนเหมือนจะคิดถึงบางอย่าง สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา “เกิดเรื่องที่สุสานศักดิ์สิทธิ์!”
“เราไปดูได้หรือไม่?” ลั่วซู่หยางถามชุยเจี่ยนด้วยความลังเล
สุสานศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละสมาคม คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มันไม่อาจจะให้คนนอกเข้าไปได้ แม้แต่สมาชิกของสมาคมก็ห้ามเข้าไปที่นั่นเพื่อจะได้ไม่ไปรบกวนบรรพบุรุษที่หลับใหลอยู่ที่นั่น แม้ว่าลั่วซู่หยางอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่อาจจะเข้าไปได้หากชุยเจี่ยนไม่อนุญาต การฝ่าเข้าไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์ เท่ากับเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของสมาคมนักปรุงยา
เป็นธรรมดาที่ชุยเจี่ยนไม่ต้องการให้คนนอกเข้าไปในสุสานศักดิ์สิทธิ์ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเร่งด่วน เขาจึงไม่อาจจะสนใจเรื่องนี้ได้
“ไป!” ชุยเจี่ยนทำการเคลื่อนย้ายออกไปทันที และปรากฏตัวขึ้นที่นอกสุสาน
ทันทีที่เขามาถึง นัยน์ตาของชุยเจี่ยนก็หดลง ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา “มันเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ!”
ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆโผล่มาข้างกายชุยเจี่ยน พวกเขามองไปรอบๆพร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้นมา
ทางเข้าของสุสานแตกออก มีหลายที่ที่ถูกพัง มันดูปั่นป่วนราวกับเพิ่งเกิดการต่อสู้ขึ้นมา อากาศที่นั่นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแต่กลับไม่มีร่างของใครอยู่เลย
“สุสานศักดิ์สิทธิ์มีคนเฝ้าอยู่สองคน คนหนึ่งคือหัวหน้าสมาคมนักปรุงยาคนเก่าอยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง และอีกคนคือผู้อาวุโสที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นกลาง” ชุยเจี่ยนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลิ่นเลือดนี้มาจากคนคุ้มกันสองคนแต่สองคนนั่นกลับหายตัวไป…”
ชัดแล้วว่าคนคุ้มกันทั้งสองต้องบาดเจ็บ !
น่าแปลกใจที่ไม่มีร่างของพวกเขาอยู่ที่นี่…
สายตาของชุยเจี่ยนแสดงความโกรธออกมา หัวหน้าสมาคมนักปรุงยาคนเก่าอยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง ตั้งแต่ที่ได้เรียนรู้ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำ เขาก็ทำการบ่มเพาะที่นี่ เดาว่ามีโอกาสสูงที่เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดใน 1 เดือน ตอนนั้นสมาคมนักปรุงยาจะมียอดฝีมือระดับสูงสุดเพิ่มอีก 1 คน เมื่อมียอดฝีมือระดับสูงสุดในสมาคมนักปรุงยาถึง 2คน แน่นอนว่าพวกเขาต้องรุ่งโรจน์กว่าเดิม
สุดท้ายเขาถึงกับไม่คิดส่งหัวหน้าสมาคมคนเก่าออกตามหาที่อยู่ของพันธมิตรกลายพันธุ์ แต่จัดแจงให้อีกฝ่ายเฝ้าสุสานเอาไว้
แต่ตอนนี้หัวหน้าสมาคมคนเก่ากลับตายไป และความหวังของชุยเจี่ยนกลับพังทลายลง
“ใครกันที่เป็นคนทำ!” ชุยเจี่ยนสีหน้าหม่นลง ความโกรธในใจแทบจะระเบิดออกมา
ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นอกจากพันธมิตรกลายพันธุ์แล้ว เจ้าคิดว่าโลกนี้มีใครกล้าพอจะหาเรื่องสมาคมนักปรุงยาอีกรึ ใครกันที่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะฆ่ายอดฝีมือขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูงและขั้นกลางได้? แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแต่จาก 8-9 ใน 10 ส่วนก็น่าจะเป็นฝีมือของพันธมิตรกลายพันธุ์!”
หยางเพ้ยอันถามขึ้นมา “สุสานของสมาคมนักปรุงยามีอะไรพิเศษ ? ทำไมพวกเขาต้องเสี่ยงเข้ามาที่นี่ด้วย?”
“จะมีอะไรพิเศษ? ไม่ใช่ว่ามีแค่ศพของบรรพบุรุษสมาคมนักปรุงยาที่ถูกฝังไว้ที่นี่รึ?” ชุยเจี่ยนพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ “เจ้าสงสัยว่าจะมีความลับอะไรในสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักปรุงยารึ ?”
โดยทั่วไปแล้ว ตอนที่อายุขัยกำลังจะหมดลง มันมีอยู่สองทางเลือก หนึ่งคือเข้าไปในเขตหวงห้ามทั้งสามเพื่อทำการสำรวจความลึกลับของเขตหวงห้าม อีกทางเลือกคือยอมตายที่บ้านของตนเอง และเข้าสู่เส้นทางหลังความตาย
สุสานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ฝังผู้อาวุโสผู้สร้างผลงานมากมายให้กับสมาคมที่เลือกที่จะตายที่บ้านเอาไว้ แน่นอนว่ายังมีผู้อาวุโสที่ตายไปในสงครามด้วย
“ช้าก่อน ศพ , เลือดกับเนื้อ…” หยางเพ้ยอันคิด อยู่ๆเขาก็หรี่ตาลง “ยาพลิกชีวิต!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลั่วซู่หยาง,ฝางมู่และชุยเจี่ยนต่างก็พากันหน้าถอดสี
ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาอย่างกังวล “เร็วเข้า รีบไปตรวจสอบสถานการณ์ในสุสานศักดิ์สิทธิ์!”
พวกเขาไม่รอให้ชุยเจี่ยนได้อนุญาต พวกเขาบินเข้าไปในสุสาน เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก พวกเขาไม่สนว่าชุยเจี่ยนจะไม่พอใจแค่ไหนก็ตาม
หลังจากที่ผ่านค่ายกลของสุสานมาได้ พวกเขาก็ได้กลิ่นที่น่ารังเกียจ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจกลิ่นนั้น พวกเขาแผ่การรับรู้ออกไปในทันที พร้อมกับฉากของสุสานทั้งหมดที่โผล่เข้ามาในหัว
พวกเขาเห็นหลุมศพนับไม่ถ้วนทั้งใหญ่และเล็ก พวกมันต่างก็ถูกขุดและดูพังทลาย โลงศพกระจายอยู่ทั่วทุกที่ แต่มันกลับไม่มีศพเหลืออยู่เลย
พวกเขาพากันใจหล่นวูบ พวกเขาเริ่มรู้สึกอึดอัดในใจขึ้นมา “ไม่มี ไม่มีอะไรเลย!”
“อ๊า!” ชุยเจี่ยนกรีดร้องออกมาด้วยตาที่แดงก่ำ “พันธมิตรกลายพันธุ์ ข้าชุยเจี่ยนจะตามล้างแค้นเจ้าจนกว่าจะตาย!” เมื่อเห็นโลงศพที่ว่างเปล่า ชุยเจี่ยนนั้นแทบหมดสติ เขาแสดงสีหน้าเย็นชาพร้อมกับแผ่ความอาฆาตออกมาจากตัว
ลั่วซู่หยางได้สติจากเสียงคำรามของชุยเจี่ยน เขาลนลานขึ้นมาทันที “ไปดูที่สุสานของสมาคมเรากัน!”
เขามีลางสังหรณ์ในใจ มันเกิดเรื่องขึ้นที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักปรุงยา แล้วสุสานศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะไม่เกิดเรื่องรึ ?
หยางเพ้ยอันได้สติขึ้นมา สีหน้าของเขาดูซับซ้อนขึ้นมา “เราต้องหยุดพวกนั้นไม่ให้เอาศพของสุสานศักดิ์สิทธิ์ของเราไป!”
สุสานศักดิ์สิทธิ์คือสถานที่สำคัญอย่างมากของสมาคม การที่ศพในสุสานศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยไปแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสมาคมไหนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอาย เป็นบาปที่พวกเขาไม่อาจจะลบล้างไปได้ตลอดชีวิต ที่สำคัญกว่านั้นศพพวกนั้นก็เป็นศพของเหล่าบรรพบุรุษ หากคนของพันธมิตรกลายพันธุ์ใช้ศพของพวกนั้น ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ตอนนั้นแม้ว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์จะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็อาจจะรับมือพันธมิตรกลายพันธุ์ไม่ไหว แม้แต่เฉินกูที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด ก็อาจจะรับมือไม่ไหว
“ไปที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักวางค่ายกลกันก่อน จากนั้นก็ไปที่สมาคมนักหลอม!” ฝางมู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สามสมาคมใหญ่รุ่งเรืองมาหลายปีแล้ว และมียอดฝีมือมากที่สุด สุสานศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสามสมาคมเองก็ฝังยอดฝีมือไว้มากที่สุดเช่นกัน สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักปรุงยาถูกขโมยศพไปแบบนี้ สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักวางค่ายกลและหลอม อีกไม่นานต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ!”
หากศพของทั้งสามสมาคมถูกขโมยไป งั้นก็ไม่อาจจะมีใครหยุดยั้งการเติบโตของพันธมิตรกลายพันธุ์ได้
“รีบไป!” ลั่วซู่หยางตะโกนออกมา ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงแล้วบินออกจากสุสานแห่งนั้นมา จากนั้นมิติรอบตัวเขาก็ผันผวนก่อนที่เขาจะหายตัวไปทันที
ฝางมู่และหยางเพ้ยอันไม่มัวเสียเวลา พวกเขารีบตามไปทันที ชุยเจี่ยนยังคงมองสุสานด้วยสีหน้าเจ็บปวดก่อนจะกรีดร้องออกมา พลังจากการตะโกนนี้ทำให้สุสานนั้นสั่นไหวแล้วถล่มลงมาในทันที
“พันธมิตรกลายพันธุ์!” สีหน้าของชุยเจี่ยนแสดงความเคียดแค้นออกมา จากนั้นเขาก็บินออกมาจากสุสานศักดิ์สิทธิ์และตามลั่วซู่หยางกับคนอื่นๆไปทันที