ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 486 : ความวุ่นวายต่อเนื่อง
ตอนที่ 486 : ความวุ่นวายต่อเนื่อง
ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆเดินทางกันได้อย่างรวดเร็ว แค่ไม่กี่อึดใจพวกเขาก็กลับมายังสมาคมนักวางค่ายกล
พวกเขายังไม่ทันได้ไปถึง ก็รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของยอดฝีมือระดับสูงสุด !
สมาคมนักวางค่ายกลกำลังเกิดปัญหา !
“เร็วเข้า!” สีหน้าของลั่วซู่หยางหม่นหมองลง เขาทำการเคลื่อนย้ายอีกครั้งและมุ่งหน้าไปที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเห็นรอยเลือดที่สุสาน สายตาของลั่วซู่หยางก็หรี่ลง เขาจับจ้องไปยังร่างตรงหน้าด้วยสีหน้าที่หม่นขึ้นมา “บังอาจ!”
อีกฝ่ายเห็นลั่วซู่หยางก็สีหน้าเปลี่ยนไป เขารีบหันกลับและหนีออกมาทันที
“ยอมแพ้ซะ” ฝางมู่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังชายลึกลับและพูดขึ้น
จากนั้นชุยเจี่ยนและหยางเพ้ยอันก็ปรากฏตัวขึ้นมาใกล้ๆล้อมชายลึกลับเอาไว้ “เจ้าหนีไม่ได้หรอก!”
ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บอกมมาว่าเจ้าเป็นใคร?”
ชายลึกลับเห็นว่าไม่มีทางที่จะหนีได้ เขาจึงยอมแพ้กับการหลบหนี เขามองไปที่ลั่วซู่หยางและแสยะยิ้มออกมาก่อนจะดึงผ้าคุมออกเผยให้เห็นเขาสองอันที่งอกขึ้นมาบนหัว
“ เซียนค่ายกล,เซียนโอสถ, เซียนอักษรและศิษย์โดยตรงของเป้ยหลง” ชายลึกลับหัวเราะออกมา “ ข้านี่โชคดีจริงๆที่ถูกพวกเจ้าล้อมเอาไว้ ….”
สีหน้าของลั่วซู่หยางเคร่งเครียดขึ้นมา “พวกกลายพันธุ์!”
ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำของพวกกลายพันธุ์ !
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะรู้เรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ของเราแล้ว!” ชายลึกลับแสยะยิ้มออกมา “โชคร้ายที่แผนการของเราเข้าถึงขั้นสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครจะหยุดเราได้ ทั้งมนุษย์, สัตว์อสูรและมังกรต้องตาย โลกนี้จะถูกปกครองโดยเหล่าผู้กลายพันธุ์ ฮาฮาฮา ! ในอนาคตโลกนี้จะเป็นของเหล่าผู้กลายพันธุ์!”
“อย่าเสียเวลาเลย ลงมือ!” หยางเพ้ยอันคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา
ลั่วซู่หยางเหมือนจะนึกบางอย่างออก เขาไม่คิดจะคาดคั้นอะไรจากอีกฝ่ายและลงมือทันที
แทบจะพร้อมกันนั้น หยางเพ้ยอัน,ชุยเจี่ยนและฝางมู่ต่างก็ไม่ลังเลและใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนออกมา ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
ปัง !
ท้องฟ้าสั่นไหวพร้อมกับแสงหลากสีระเบิดออกมา
“ฮาฮา ! ผู้กลายพันธุ์จะปกครองโลกนี้!”
“โชคร้ายที่เจ้าจะไม่ได้เห็นวันนั้น!”
ชายลึกลับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่เขากลับไม่ได้ป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้การโจมตีของเหล่าเซียนอัดเข้าใส่ตัวเขา ตอนนั้นตัวของเขาได้ระเบิดออกเป็นหมอกเลือดกระจายไปทั่ว
หลังจากที่ทำลายชายลึกลับไปแล้ว ลั่วซู่หยางก็พุ่งเข้าไปหาคนเฝ้าสุสานและนำยาฟื้นฟูขั้นที่ 5 ป้อนให้กับอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ใส่พลังเข้าไปในตัวอีกฝ่ายด้วยก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าไปพักฟื้นก่อน คนอื่นๆไปที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักหลอม!” ตอนนี้เวลานั้นมีค่า พวกเขายังต้องไปที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักหลอมกันต่อ ตอนนี้ไม่มีเวลามาอธิบายกับคนเฝ้าสุสาน
“ไปกันเถอะ!” เขาไม่รอให้คนเฝ้าสุสานได้ตอบกลับ ลั่วซู่หยางได้ลุกขึ้นและบอกกับฝางมู่ทันที
เมื่อพูดจบ ร่างของลั่วซู่หยางก็ได้หายไปอีกครั้ง เขามุ่งหน้าไปยังสุสานของสมาคมนักหลอมโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักหลอม
“เซียนค่ายกล, เซียนโอสถ, เซียนอักษร!” เมื่อรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังอันน่ากลัวปกคลุมสุสานศักดิ์สิทธิ์ เหล่าคนเฝ้าสุสานก็ตื่นขึ้นจากการบ่มเพาะ และบินออกมาทำความเคารพเหล่าเซียนกันทันที
ลั่วซู่หยางมองไปรอบๆและไม่พบความเสียหายใดๆ เขาได้ถามขึ้นมา “ไม่มีใครมาที่นี่เลยรึ?”
คนเฝ้าสุสานส่ายหน้าด้วยความสับสน “ที่นี่คือสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักหลอม ใครกันที่จะมาที่นี่?” นี่ไม่ใช่สถานที่ที่งดงามนัก มันไม่ใช่สวนอันงดงาม คนอื่นจะมาที่นี่ทำไมกัน ชมวิวทิวทัศน์งั้นรึ ?
“ดีแล้ว” ลั่วซู่หยางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะพูดขึ้นมา “เราได้ข่าวมาว่าสุสานของสมาคมใหญ่อาจจะเป็นเป้าหมายของพันธมิตรกลายพันธุ์ ตอนนี้สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักปรุงยา ก็ถูกปล้นศพของบรรพบุรุษของสมาคมนักปรุงยานับไม่ถ้วนไป กระทั่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักหลอมก็เกือบจะโดนแบบนั้นเช่นกัน แต่เพราะเราไปถึงทันและร่วมมือกันกำจัดอีกฝ่ายไปได้ แต่พันธมิตรกลายพันธุ์คงไม่ยอมรามือง่ายๆ ข้ากลัวว่าเป้าหมายต่อไปคงเป็นสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักหลอม เจ้าต้องระวังไว้ให้ดีในฐานะคนเฝ้าสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักหลอม!”
คนเฝ้าสุสานสีหน้าเปลี่ยนไป “สุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักปรุงยารึ?”
คนเฝ้าสุสานสูดหายใจเข้าลึกๆและพูขึ้นมา “ข้าจะเรียกคนที่อยู่ใกล้กับสมาคมให้มารวมตัวกันที่นี่ เราไม่มีทางปล่อยให้พวกนั้นทำได้สำเร็จ!”
ลั่วซู่หยางครุ่นคิดก่อนจะแผ่การรับรู้เข้าไปในสุสาน เขาได้พูดขึ้นมา “ข้าได้ใส่พลังไว้ในตัวเจ้า หาเจ้าตกอยู่ในอันตราย มันจะทำการแจ้งเตือนข้าและปกป้องเจ้าเอาไว้จากการโจมตีของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำ ระหว่างนี้เจ้าต้องระวังตัว หากสถานการณ์ผิดปกติ เจ้าใช้พลังนี้ทันทีแล้วเราจะมาที่นี่โดยเร็วที่สุด ! ”
“ขอบคุณ ท่านเซียน !” คนเฝ้าสุสานพูดขึ้น
ด้วยการรับรู้พิเศษที่อยู่ในตัว เขาก็วางใจเรื่องความปลอดภัยของอีกฝ่ายได้ นอกซะจากว่าจะพบกับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางแล้ว แม้ว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำจะมาที่นี่ เขาก็มีหวังที่จะรอดไปได้ หากเป็นพวกระดับต่ำกว่านั้น เขาก็ไม่ต้องใช้การรับรู้พิเศษนี้ด้วยซ้ำ ด้วยระดับการบ่มเพาะขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูงของเขาแล้ว มันก็เพียงพอที่จะรับมือได้
ลั่วซู่หยางโบกมือและพูดขึ้นมา “โอ้ ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้าแล้ว เราต้องไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์ที่อื่นต่อ”
สุสานศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสามสมาคมใหญ่คือที่ที่สำคัญที่สุด มันไม่อาจจะปล่อยให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าสมาคมอื่นๆจะไม่สำคัญ ทุกสมาคมต่างก็ผ่านการสืบทอดมาแล้วหลายรุ่น สุสานศักดิ์สิทธิ์ของพวกนั้นมีบรรพบุรุษถูกฝังไว้อยู่มากมาย ประวัติของสมาคมทั้งเก้านั้นยาวนานกว่านิกายและอาณาจักร ไม่ต้องเดาเลยว่ามันต้องกลายเป็นเป้าหมายของพันธมิตรกลายพันธุ์
เหล่าเซียนอยู่ที่สมาคมนักหลอมได้ไม่นานก็มุ่งหน้าไปยังสมาคมอื่นต่อ
แต่ตอนที่พวกเขาไปถึงสุสานของสมาคมภาพลวงตา พวกเขาก็พบว่าสุสานที่นั่นเกิดเรื่องขึ้นมาแล้ว
หลังจากที่ทำลายสมาคมนักปรุงยาแล้ว สุสานของสมาคมภาพลวงตาก็ได้รับการโจมตีโดยพันธมิตรกลายพันธุ์ !
“เรามาช้าเกินไป!” ลั่วซู่หยางถอนหายใจออกมา สุสานของสมาคมภาพลวงตานั้นไม่ต่างจากภาพที่เกิดขึ้นในสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมนักปรุงยาเลย ลั่วซู่หยางพูดขึ้นทันที “รีบไปยังสมาคมต่อไป !” ตอนนี้พวกเขาเหมือนกับต้องแข่งกับพันธมิตรกลายพันธุ์ พวกพันธมิตรกลายพันธุ์นั้นคอยโจมตีก่อน แต่พวกเขามีแต่ต้องรอรับมือเท่านั้น
สมาคมนักปรุงยา, สมาคมนักหลอม, สมาคมนักวางค่ายกล, สมาคมนักฝึกสัตว์อสูร, สมาคมภาพลวงตา, สมาคมดนตรี, สมาคมอาหารและสมาคมอักษร นอกจากสมาคมผู้ใช้คำสาปที่ไม่มีสุสานแล้ว พวกเขาต่างก็มุ่งหน้าไปยังสุสานของสมาคมอื่นๆ หากพวกเขาคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว เป้าหมายของพันธมิตรกลายพันธุ์ไม่ใช่แค่สุสานของสามสมาคมชั้นนำ แต่รวมถึงสุสานของสมาคมอื่นๆด้วย มันคือเป้าหมายของพันธมิตรกลายพันธุ์…
สมาคมทั้งเก้ายกเว้นแค่สมาคมผู้ใช้คำสาปที่ไม่มีสุสานศักดิ์สิทธิ์ อีกแปดสมาคมที่เหลือถูกปล้นศพไปแล้วสามสมาคม มันคือสมาคมนักปรุงยา, สมาคมภาพลวงตาและสมาคมดนตรี
“ศพของสามสมาคมถูกขโมยไป…รวมกับสมาคมนักปรุงยาแล้วด้วย” ลั่วซู่หยางหนักใจอย่างมาก ซึ่งบ่งบอกได้จากน้ำเสียงของเขา “ความแข็งแรก่งของพันธมิตรกลายพันธุ์อาจจะเพิ่มขึ้นมาอีก…”
แค่ไม่กี่วัน สถานการณ์ของทวีปป่ากลับวุ่นวานได้ถึงเพียงนี้
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเหล่าเซียนไม่อาจจะรับมือไหว มันราวกับว่าโลกนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไป
“กลับไปที่สมาคมนักวางค่ายกลกันก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีรับมือ” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เซียนหลอมรอยาฟื้นฟูขั้น 6 อยู่ เราเสียเวลาไปมากแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไง…”
คนเฝ้าสุสานทุกคนจะถูกส่งการรับรู้พิเศษไว้ในตัว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา คนเฝ้าสุสานจะใช้การรับรู้พิเศษนั่นแล้ว เขาจะมาที่นี่ทันที…นี่คือวิธีรับมือเบื้องต้น ยังไงซะมันก็มีสุสานอยู่หลายแห่ง พวกเขาไม่อาจจะเฝ้าตรวจสอบสุสานทุกแห่งได้ แม้ว่าพวกเขาคิดจะทำแบบนั้นแต่ก็ขาดกำลังคน
แน่นอน เขาสามารถทำลายสุสานศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และทำลายศพของทุกสมาคมได้ เพื่อตัดหนทางของพันธมิตรกลายพันธุ์ แต่….เขาไม่กล้าจะทำแบบนั้น !
นี่คือสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมใหญ่ หากเขาทำแบบนั้นจริง เขาก็จะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก บางทีพันธมิตรกลายพันธุ์อาจจะไม่ต้องลงมือ เขาก็จะถูกคนของสมาคมใหญ่ฆ่าเอาเสียก่อน
หลังจากที่กลับมายังสมาคมนักวางค่ายกล ลั่วซู่หยางรีบเข้าไปหาเซียนหลอม หลังจากที่ให้เซียนหลอมกินยาฟื้นฟูขั้น 6 แล้ว เขาก็เดินออกมามุ่งหน้าไปยังห้องโถงของสาคม
“เซียนหลอมเป็นอะไรหรือไม่?” หยางเพ้ยอันถามขึ้นมา
“เขาคงไม่ตายในเวลานี้” ลั่วซู่หยางถอนหายใจออกมา “ยาฟื้นฟูขั้น 6 สองเม็ด บวกกับยาฟื้นฟูขั้น 5 กว่า 20-30 เม็ด มันเพียงพอที่เขาจะอยู่ได้ 1-2 เดือน แต่ระดับการบ่มเพาะของเขา…ข้ากลัวว่าข้าคงไม่อาจจะรักษามันไว้ได้ ข้าตรวจสอบดูแล้ว วังวนในตันเถียนของเขาหลายอันพังลงไปแล้ว”
“เขาได้สติหรือยัง?” ฝางมู่ถาม
“ไม่ บางทีสำหรับเขาแล้ว การหมดสติไปแบบนี้อาจจะดีกว่าการตื่นขึ้นมา ข้าคิดไม่ออกเลยว่าตอนที่เขาตื่นขึ้นมาและรู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาหายไปนั้น เขาจะเป็นยังไง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน เขาจะรู้สึกยังไง?” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมา เขานั่งลงไปก่อนจะกำที่พักแขนจนแตกออก “พวกพันธมิตรกลายพันธุ์บัดซบ!”
ชุยเจี่ยนถามขึ้นมา “เราควรทำยังไงกันต่อ?”
อยู่ๆพันธมิตรกลายพันธุ์ก็เข้าโจมตีตอนที่พวกเขายังไม่ทันได้เตรียมตัว เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์นั้นเพิ่มขึ้นมา ทำให้พวกเขารู้สึกว่าหมดหนทางที่จะรับมือ บางทีคงอีกไม่นาน ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์จะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้
หากพันธมิตรกลายพันธุ์ในอดีตถือว่าเป็นหนู งั้นพันธมิตรกลายพันธุ์ตอนนี้คงเป็นเสือ ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย
การที่พันธมิตรกลายพันธุ์ไม่มาหาเรื่องพวกเขาโดยตรงก็ควรขอบคุณพวกนั้นแล้ว….
“ติดต่อหาราชาสัตว์อสูรตอนนี้เลย….ข้ากลัวว่าคงมีแค่ราชาสัตว์อสูรที่สามารถรับมือกับพันธมิตรกลายพันธุ์ได้” หยางเพ้ยอันไม่คิดจะติดต่อหาเฉินกูง่ายๆ เพราะมันจะทำให้มนุษย์ดูเหมือนว่าต้อยต่ำ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับอันตรายกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้ ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม แต่พวกเขาก็ต้องขอให้เฉินกูช่วย “สิ่งเดียวที่เราทำได้ตอนนี้คือดูแลสุสานศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ ไม่ให้สุสานที่เหลือถูกปล้นไปง่ายๆ โดยเฉพาะสมาคมนักวางค่ายกลและสมาคมนักหลอม….”
ลั่วซู่หยางยิ้มออกมาและถอนหายใจ “ติดต่อหาราชาสัตว์อสูร”