ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 487 : การล่มสลายของภูเขาทางใต้
ตอนที่ 487 : การล่มสลายของภูเขาทางใต้
ตอนที่เขาแยกกับเฉินกู เฉินกูได้ใส่การรับรู้พิเศษไว้ในตัวลั่วซู่หยาง และตอนนี้การรับรู้พิเศษนั้นก็ได้ทำงาน
ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆต่างก็รออยู่ที่สมาคมนักวางค่ายกล บรรยากาศนั้นทั้งดูสลดและหนักอึ้ง
ประมาณ 15 นาทีต่อมาก็เกิดการผันผวนบนท้องฟ้าเหนือสมาคมนักวางค่ายกล ทันทีที่ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง พวกเขาก็พบกับร่างของเฉินกู
เมื่อเห็นเฉินกู ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา พวกเขาพากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และรีบเข้าทักทายอีกฝ่ายทันที
“หาเจอแล้วรึ?” เฉินกูไม่มัวไร้สาระและพูดตรงประเด็นทันที
ลั่วซู่หยางแสดงสีหน้าแข็งทื่อและยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ”
เฉินกูคิ้วขมวด “แล้วทำไมเจ้าถึงได้ใช้การรับรู้พิเศษของข้า?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆก็มองหน้ากัน สุดท้ายลั่วซู่หยางก็พูดขึ้นมา “อาจารย์เฉินคงยังไม่รู้ หลังจากที่เรากลับมายังเขตกลางแล้ว มันเกิดเรื่องขึ้นมามากมาย สถานการณ์มันเกินกว่าที่เราจะควบคุมได้” เขาบอกรายละเอียดล่าสุดของพันธมิตรกลายพันธุ์ และสุดท้ายก็แสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมา “เราไม่มีพลังมากพอที่จะหารังของพวกมันในตอนนี้ ในทางกลับกันแล้ว อย่างมากเราก็ทำได้แค่ดูแลสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมใหญ่ ”
หลังจากที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว สีหน้าของเฉินกูก็เคร่งเครียดขึ้นมา “พวกเจ้าทำได้ดีแล้ว ไม่อาจจะปล่อยให้เกิดเรื่องกับสุสานศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมใหญ่ได้”
การรักษาสุสานของสมาคมใหญ่เอาไว้ คือการกันไม่ให้พันธมิตรกลายพันธุ์เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นแล้วแม้ว่าพวกเขาจะหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะเป็นฝ่ายที่พวกเขาต้องตกที่นั่งลำบากซะเอง
“ตราบใดที่ท่านไม่ถือโทษเราก็ดีแล้ว” ลั่วซู่หยางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เราต้องอยู่ในเขตกลางเพื่อดูแลสุสานของสมาคมใหญ่ และเราก็ไม่อาจจะทำการหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ ถึงเราจะมีคนแต่ท่านก็น่าจะรู้ว่าพวกนั้นมีความแข็งแกร่งที่จำกัด พวกเราอาจจะหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์ไม่เจอ….”
ในสถานการณ์ตอนนี้แล้ว มันไร้ความหมายที่จะหาพวกกลายพันธุ์
มีแค่การหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์ได้เจอเท่านั้น ที่จะกำจัดวิกฤตที่มีต่อมนุษย์และสัตว์อสูรได้
“ไม่ต้องกังวลเรื่องการหารังของพวกมัน หน้าที่ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือดูแลสุสานของสมาคมใหญ่” เฉินกูไม่ใช่คนไร้เหตุผล หลังจากที่เขารู้สถานการณ์ตอนนี้แล้ว เขาก็รู้ทันทีว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องสำคัญ “ระหว่างนี้ข้าจะไม่กลับไปยังเผ่าสัตว์อสูร ข้าจะเฝ้าสุสานของสมาคมใหญ่ด้วยกันกับเจ้า หากข้าอยู่ที่นี่ พวกนั้นคงไม่กล้าก่อเรื่องขึ้นมา”
เฉินกูมั่นใจอย่างมากว่า ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่แล้ว มันก็จะไม่มีพวกกลายพันธุ์กล้าโจมตีสุสานศักดิ์สิทธิ์
เขาฮึดฮัดออกมา “ผู้กลายพันธุ์ที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง มันจะกล้ามาหรือไม่!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น คนอื่นๆต่างก็พากันมองหน้ากัน พร้อมกับอารมณ์ที่ผ่อนคลายขึ้นมา
ความแข็งแกร่งอันน่ากลัวของเฉินกูนั้นพวกเขารู้ดี ด้วยการที่เฉินกูอยู่ที่นี่ พวกเขาก็อยากรู้จริงๆว่าจะมีใครกล้าเข้าโจมตีที่นี่บ้าง
โชคร้ายที่เฉินกูเป็นราชาสัตว์อสูร ไม่ใช่คนของมนุษย์
“เฮ้อ ด้วยความแข็งแกร่งแบบบี้ทำไมเขาต้องมาจากเผ่าสัตว์อสูร?” คนอื่นๆพากันถอนหายใจออกมา
แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปว่าถึงแม้เฉินกูจะไม่ใช่มนุษย์ แต่มนุษย์นั้นก็มีคนที่น่ากลัวกว่านี้อยู่ ซึ่งแม้แต่เฉินกูก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของคนๆนั้น พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายดังเดิม
เมื่อคิดถึงจางหยู พวกเขาต่างก็พากันรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา “เฮ้อ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสำนักจะกลับมาตอนไหนกัน ….”
สถานการณ์ของทวีปป่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เวลาไม่กี่วันแต่สำหรับพวกเขานั้นยาวนานเป็นร้อยปี พวกเขาหวังว่าเจ้าสำนักจะกลับมาเร็วๆ พวกเขาเชื่อว่าตราบใดที่เจ้าสำนักอยู่ด้วย เรื่องร้ายทุกอย่างรวมไปถึงพันธมิตรกลายพันธุ์จะไม่ต่างอะไรจากเรื่องตลกเลย
ตามที่โอวเสินเฟิงบอกมา พวกเขาอาจจะต้องรอเจ้าสำนักกว่าครึ่งเดือน
“อีกครึ่งเดือน ข้าไม่รูว่าเราจะรับมือได้นานขนาดนั้นหรือไม่” ลั่วซู่หยางแสดงสายตากังวลออกมา
ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์ตอนนี้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหากปล่อยไปอีกครึ่งเดือนความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์ก็ต้องเพิ่มมากขึ้นไปด้วย แม้แต่เฉินกูก็อาจจะรับมือกับพันธมิตรกลายพันธุ์ในอีกครึ่งเดือนไม่ไหว
ทุกคนต่างก็พากันภาวนาในใจ “เจ้าสำนัก รีบกลับมาเถอะ!”
พระอาทิตย์ขึ้นมาทดแทนขับไล่ความหนาวเย็นออกไป
ที่โลกนภา
ท่ามกลางภูเขาที่เงียบสงบ ที่ข้างๆบ่อน้ำ จางหยู,เจ้าสำนัก,เซียนกระบี่พเนจร,เฒ่าเทียนจีและร่างสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 16 ต่างก็จมอยู่กับการบ่มเพาะทั้งวันทั้งคืน อ้าวเสี่ยวหร่านที่อยู่ในบ่อน้ำได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาจนแผ่แรงกดดันออกไปโดยรอบ
จางหยูรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า วังวนประหลาดในตันเถียนได้กลายเป็นโลกจริงๆขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างนั้นราวกับมีชีวิตแต่เวลาในโลกนั้นไม่หมุนเวียนราวกับว่าโลกนี้เป็นแค่แบบจำลองเท่านั้น
“อีกไม่นานโลกบังสวรรค์ก็จะกลายเป็นโลกจริงๆขึ้นมา” จางหยูตื่นเต้นขึ้นมา
โลกบังสวรรค์จะกลายเป็นโลกจริงๆขึ้นมา ในตอนที่เขาทะลวงผ่านขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด แม้ว่าโลกบังสวรรค์ในตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์ เพราะมันขาดเรื่องราวของเรื่องบังสวรรค์ในบางส่วน แม้แต่กฎต่างๆอย่างเวลาก็ยังไม่มีตัวตน ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้จางหยูอดที่จะคาดหวังกับมัน มันไม่ได้ทำให้จางหยูอดกลั้นความตื่นเต้นได้เลย
จางหยูมีลางสังหรณณ์ว่าอีก 3-10 วัน เขาจะทะลวงผ่านขอบเขตตุ้นซวนได้ !
“ข้าไม่รูว่าตอนนี้ข้าจะเป็นเหมือนกับเซียนโอสถ ที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำหรือว่าจะทะลวงผ่านขึ้นไปอีกระดับ…” จางหยูรู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะก้าวข้ามระดับขั้นของยอดฝีมือระดับสูงสุด เข้าสู่ขอบเขตใหม่ เพราะโลกนภานี้เป็นโลกขั้น 7 เป็นโลกที่ระดับสูงกว่าโลกป่าขั้นต่ำ มันไม่น่าจะมีขีดจำกัด
อยู่ๆจางหยูก็รับรู้ได้ว่าปราณรอบตัวนั้นปั่นป่วน เขาลืมตาขึ้นมาและมองไปที่บ่อน้ำ
อ้าวเสี่ยวหร่านได้ลุกขึ้นจากบ่อน้ำ ร่างกายของนางเติบโตขึ้นมาจนน่าตกใจ แค่ไม่กี่อึดใจปราณกว่าครึ่งบนยอดเขาก็ไหลเข้าไปในตัวนาง และทำให้พลังของนางเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เด็กน้อยนี่….ในที่สุดก็ตื่น” จางหยูเผยรอยยิ้มพอใจออกมา ไม่ผิดหวังเลยที่ช่วยนางพัฒนาจนมาถึงตอนนี้ ระดับการบ่มเพาะของนางตอนนี้อยู่ที่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง หากเทียบกับยอดฝีมือส่วนมากทั้งทวีปแล้ว นางถือว่าน่ากลัวกว่ามาก ขั้นตอนต่อไปคือต้องก้าวไปเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด นางอาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนก็ได้
นี่คือโลกที่นางสามารถทำแบบนั้นได้ !
ชัดแล้วว่าขนาดยังไม่ได้บ่มเพาะจริงจัง แต่แค่ผลจากเลือดสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ก็ทำให้นางขึ้นมาถึงระดับที่หลายคนใช้ทั้งชีวิตก้าวมาไม่ถึงได้ พรสวรรค์แบบนี้แม้แต่ตัวจางหยูเองก็ยังอิจฉา
ต้องรู้ก่อนว่าจางหยูต้องพึ่งพาระบบและความขยันในการบ่มเพาะ กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่นางเหมือนจะก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนได้ก่อนจางหยู เขาจะไม่อิจฉาได้ยังไง ?
บอกได้ว่าพรสวรรค์ที่อ้าวเสี่ยวหร่านมีนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าระบบของจางหยู!
…
เวลาผ่านพ้นไปพร้อมกับสถานการณ์ของทวีปป่าที่แปลกประหลาดมากขึ้น
ไม่กี่วันก่อน คนของสมาคมใหญ่และเหล่าเซียน ได้เชิญราชาสัตว์อสูรมาอยู่ที่เขตกลาง เพื่อดูแลสุสานด้วยกันกับพวกเขา ไม่กี่วันต่อมา พันธมิตรกลายพันธุ์กลับเหมือนจะหายตัวไป พวกนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆเลย
พวกนั้นเหมือนจะไม่ได้สนใจสุสานของสมาคมใหญ่ หรืออาจจะรู้ว่าเฉินกูมาอยู่ที่นี่ พวกนั้นจึงพากันซ่อนตัว
พวกพันธมิตรกลายพันธุ์หายตัวไป แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เฉินกูและเหล่าเซียนสบายใจ พวกเขากลับเพิ่มการระวังตัวขึ้นมากกว่าเดิม พวกเขาไม่คิดว่าพันธมิตรกลายพันธุ์จะเปลี่ยนท่าทีไปแบบนี้ง่ายๆ พวกเขากลัวว่าพวกนั้นอาจจะวางแผนการครั้งใหญ่กันอยู่
“5 วันก็ยังไม่มีข่าวคราวอันใด” ชุยเจี่ยนแสดงท่าทีอึดอัดใจออกมา น้ำเสียงของเขาฟังดูกังวล
ลั่วซู่หยางคิ้วขมวด “หนูพวกนั้นซ่อนตัวกันได้เก่งจริงๆ!”
มนุษย์และสัตว์อสูรถูกส่งออกไปทั่วทวีป แต่กว่า 5 วันมานี้พวกเขาก็ยังไม่อาจจะหารังของพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกพันธมิตรกลายพันธุ์ซ่อนตัวเก่งแค่ไหน
แน่นอนว่าถึงจะหาพันธมิตรกลายพันธุ์ไม่พบ แต่พบพวกกลายพันธุ์จำนวนมาก มันมีพวกกลายพันธุ์ขอบเขตหลิงซวน หลี่ซวนและตุ้นซวนที่ถูกพบอยู่มากมาย รวมไปถึงพวกกลายพันธุ์ระดับต่ำด้วย เมื่อพวกเขาพบพวกนั้นก็ได้กำจัดพวกนั้นทิ้งทันที แต่นั่นไม่ได้ส่งผลต่อพันธมิตรกลายพันธุ์มากเท่าไหร่นัก มันก็แค่กำจัดพวกลูกน้องของพวกนั้นไปและไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมได้
“รายงาน!”
ที่ด้านนอกสมาคมนักวางค่ายกลมีชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกน
ลั่วซู่หยางรีบพูดขึ้นมาทันที “มีข่าวอะไรรึ?”
ผู้ดูแลขอบเขตหลี่ซวนรีบพุ่งเข้ามา และพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “เซียนค่ายกล มีเรื่องผิดปกติที่เขตใต้!”
“อธิบายมาให้ชัดเจน!”
“สองวันก่อน มีผู้อพยพมายังเขตกลางหลายหมื่นคน ทุกคนต่างก็หนีมาจากเขตใต้ ตอนแรกมันมีแค่ไม่กี่หมื่นคนแต่ตอนนี้จำนวนมันเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายล้านคน จนถึงสิบล้านคนโดยที่จำนวนก็ยังเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ดูเมือนว่าคนของภูเขาเขตใต้จะพากันหนีมาที่นี่ หลังจากที่สอบถามพวกนั้นรวมกับคนในสาขาทางใต้ ในที่สุดเราก็ยืนยันข่าวได้ว่าเขตใต้นั้นมีพวกกลายพันธุ์จำนวนมากปรากฏตัวขึ้นมา และออกฆ่าผู้คนทางเขตใต้ ไม่ว่าจะเป็นใครพวกนั้นก็ฆ่าไม่เลือกหน้า ตอนนี้เขตใต้ได้เปลี่ยนเป็นโรงเชือดไปแล้ว…”
“เขตใต้จบสิ้นแล้ว! ตอนนี้ภูเขาเขตใต้ถูกโจมตี คนเป็นล้านล้านแห่กันออกมา เราไม่อาจจะปกป้องที่นั่นได้แล้ว…”
ตอนนั้นสมาคมนักวางค่ายกลตกอยู่ในความเงียบสงัด
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปกับข่าวนี้ !