ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 488 : รัง
ตอนที่ 488 : รัง
“บ้า พวกนี้มันบ้าไปแล้ว!”
ใบหน้าของเหล่าเซียนบิดเบี้ยวไป แม้แต่เสียงของพวกเขาก็ยังสั่น
ภูเขาเขตใต้!
ภูเขาเขตใต้คือหนึ่งในห้าเขตของทวีปป่า มันมีพื้นที่เกือบ 1 ใน 4 ของพื้นที่มนุษย์ แค่เพียงสองวันมันกลับล่มสลาย !
คนเป็นล้านล้านต้องตาย พวกเขาไม่อาจจะทำอะไรได้อีก !
จำนวนคนที่ตายไปเป็นตัวเลขมหาศาล !
ทันทีที่คิดถึงตัวเลขนั้น ผู้คนต่างก็รู้สึกสับสนและถึงกับขนลุกขึ้นมา
หากไม่มีใครจัดการพันธมิตรกลายพันธุ์ตอนนี้ บางทีมันอาจจะไม่มีใครหยุดพวกนั้นได้อีก !
แม้แต่เฉินกูที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดก็ยังรู้สึกหวั่นขึ้นมานิดๆ
“พันธมิตรกลายพันธุ์ต้องมียอดฝีมือระดับสูงสุดอยู่มาก มากกว่าที่เราคิดเอาไว้” ฝางมู่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
เขตใต้นี้ใหญ่โต มันใหญ่กว่าเขตเหนืออย่างมาก เขตใต้นี้ไม่ได้ล้าหลังแบบเขตเหนือ เพราะมียอดฝีมือขอบเขตหลิงซวน หลี่ซวนและตุ้นซวนอยู่ทั่วทั้งเขตใต้ คนแบบนี้อาจจะหาได้ยากแต่จำนวนคนแบบนี้ที่นั่นก็ยังมีจำนวนที่น่าทึ่ง การจัดการเขตใต้ในสองวันนี้แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดกว่า 10 คนก็อาจจะไม่เพียงพอ
“หือ?” เฉินกูเลิกคิ้วขึ้นมา
ลั่วซู่หยางพูดขึ้น “บางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องไปหารังเก่าของพันธมิตรกลายพันธุ์ก็ได้”
ชุยเจี่ยนมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าสงสัย “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“ลองคิดภาพดูว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของพวกมันปรากฏตัวขึ้นที่เขตใต้พร้อมกัน แม้ว่าเขตใต้นี้จะไม่ใช่รังของพวกมันมาก่อน แต่เดาว่าพวกมันใช้ที่นั่นเป็นรังได้” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “การกระทำแบบนี้กับการฆ่าคนนับล้านล้านคน พันธมิตรกลายพันธุ์คงไม่ได้ต้องการที่จะซ่อนตัว พวกมันกลับอยากเผชิญหน้ากับเราต่างหาก”
หยางเพ้ยอันคิดตาม “ไม่ใช่ว่าพวกมันจะทำการซ่อนตัวอีกรอบรึ?”
“ใช่ พวกมันโจมตีสุสานศักดิ์สิทธิ์ของเราและทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก ตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าพวกพันธมิตรกลายพันธุ์มียอดฝีมือระดับสูงสุดมากเท่าไหร่กัน ข้าแค่ไม่อยากให้เรากังวลกันเกินไป….” หยางเพ้ยอันถอนหายใจออกมา
ชุยเจี่ยนพูดขึ้นด้วยความรำคาญ “คำถามตอนนี้คือเราควรทำยังไงกันดี?”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันสับสนกับเรื่องนี้
หยางเพ้ยอันเงียบอยู่ชั่วครู่ และหันไปมองเฉินกูด้วยความลังเล
“ต้องทำอะไรรึ?” เฉินกูพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “หากมีเรื่องจะพูดก็พูดมา อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง”
หยางเพ้ยอันสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดขึ้น “ ต่อไปคงต้องขอร้องให้ราชาสัตว์อสูรไปที่เขตใต้ ด้วยความแข็งแกร่งที่ท่านมีแล้ว เหล่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของพันธมิตรกลายพันธุ์อาจจะไม่ใช่คู่มือของท่าน แม้ว่าท่านจะฆ่าพวกนั้นไม่ได้แต่อย่างน้อยก็จะพอรู้สถานการณ์ของเขตใต้ และอาจจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์ ตอนนี้เราไม่อาจจะมองข้ามพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ เราต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ หากเรารู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกนั้น มันก็จะส่งผลดีต่อการวางแผนมากกว่า”
พูดตามตามตรงแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ บวกกับราชาสัตว์อสูร พวกเขาอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพันธมิตรกลายพันธุ์ก็ได้
แต่พวกนั้นเป็นฝ่ายโจมตี และพวกเขาเป็นฝ่ายป้องกัน เหตุผลก็เพราะพวกเขาไม่รู้ข้อมูลของพันธมิตรกลายพันธุ์ พวกเขารู้ดีว่าหากพันธมิตรกลายพันธุ์หลบซ่อนอยู่ในที่มืด แล้วพวกเขาจะหาวิธีรับมือกันได้ยังไง?
“แน่นอนการลงมือครั้งนี้อาจจะอันตราย แม้ว่าราชาสัตว์อสูรจะปฏิเสธ มันก็มีเหตุผล” เสียงของหยางเพ้ยอันดูกังวล ในการสำรวจเขตใต้นี้ เฉินกูเหมาะที่สุด แต่มันมีอันตรายในการเดินทางครั้งนี้ บางทีเฉินกูอาจจะไม่ตกลง
เฉินกูถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมย “แล้วเจ้าล่ะ?”
หยางเพ้ยอันพูดขึ้นมา “ ภารกิจของเราคือปกป้องสุสาน พันธมิตรกลายพันธุ์ให้ความสนใจสุสานศักดิ์สิทธิ์ พวกนั้นคงไม่มีทางยอมแพ้ ข้ามั่นใจว่าพวกนั้นต้องจับตาดูที่นี่อยู่ เมื่อเราออกจากเขตกลางไป สุสานศักดิ์สิทธิ์คงต้องถูกโจมตี…”
พันธมิตรกลายพันธุ์เข้าโจมตีสุสานไปสามแห่งแล้ว และทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก หากสุสานอื่นๆถูกพวกนั้นโจมตีอีก ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์ก็จะเพิ่มขึ้นไปจนถึงจุดที่ไม่อาจจะมีใครรับมือได้ไหว จากนั้นมนุษย์และสัตว์อสูรก็ต้องรอเพียงวันตาย
“มันยังไม่สายเกินไป ให้ข้าไปเอง” เฉินกูลุกขึ้นยืน
หยางเพ้ยอันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ระวังตัวด้วย!”
ลั่วซู่หยาง,ชุยเจี่ยนและฝางมู่ ต่างก็ป้องมือให้กับเฉินกู “ท่านโปรดระวังตัวด้วย !”
เฉินกูพยักหน้าและพูดขึ้นมา “ข้าไม่ได้ห่วงตัวเองหรอก ด้วยความแข็งแกร่งที่ข้ามีแล้ว หากมีอันตรายจริงๆ พวกมันคงไม่อาจะขัดขวางข้าไว้ได้ เป็นพวกเจ้าต่างหากที่ต้องดูแลสุสานไว้ให้ดี และอย่าให้พันธมิตรกลายพันธุ์เข้ามาโจมตี ไม่งั้นแล้วแผนการของพวกนั้นคงสำเร็จแน่”
“ราชาสัตว์อสูรสบายใจได้ หากพวกนั้นกล้าโจมตีสุสาน เราต้องหยุดพวกนั้นไว้แน่” ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “นอกจากนี้ข้ายังได้คุยกับยอดฝีมือระดับสูงสุดคนอื่นของมนุษย์แล้ว เมื่อพวกมันเริ่มสงคราม พวกเขาก็จะมาช่วยเราทันที”
เฉินกูคิดเล็กน้อย ก่อนจะใส่การรับรู้พิเศษใส่ในตัวเหล่าเซียน “ข้าขอตัวก่อน หากเกิดอะไรขึ้น การรับรู้ของข้าจะทำงานและข้าจะกลับมาทันที ”
เมื่อพูดจบร่างของเฉินกูก็ค่อยๆหายๆไป
ลั่วซู่หยางหันกลับไปมองผู้ดูแลที่มารายงานข่าวและสั่งการออกไป “สั่งการต่อไปว่า ให้ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นทางเขตใต้ นอกจากนี้ให้สาขาที่เขตกลางจัดที่อยู่ให้กับเหยื่อที่เคราะห์ร้าย อย่าให้เกิดความวุ่นวาย”
“ได้!” ผู้ดูแลรับคำสั่งและรีบออกมาจากสมาคมนักวางค่ายกล มุ่งหน้าไปยังชายแดนโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
…
ที่ภูเขาเขตใต้
บนยอดเขาที่สูงกว่าหมื่นลี้ ซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดปี มันมีร่างของชายวัยกลางคนยืนอยู่ เขามองออกไปภายนอกโดยไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย
สักพักมิติรอบตัวชายวัยกลางคนก็ผันผวน และมีชายแก่จมูกยาวปรากฏตัวขึ้นมา
“รองผู้นำ!” ชายแก่ทำความเคารพ
ชายวัยกลางคนยังเหม่อมองออกไปภายนอกและพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ อินทรีย์เทา เรื่องเป็นยังไงบ้าง ?”
ชายแก่ตอบกลับด้วยความเคารพ “ ตามที่ท่านสั่งการมา คนของเราได้ยึดเขตใต้เอาไว้แล้ว มนุษย์และสัตว์อสูรถูกทำลายแทบจะหมดสิ้นแล้ว มีคนเหลือรอดไม่กี่คนที่หนีไปได้ คนในเขตใต้ที่รอดไปได้ทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรไม่น่าจะเกิน 100 ล้านคน มากสุดแค่วันเดียวเราก็สามารถยึดครองเขตใต้ได้อย่างสมบูรณ์ และตอนนั้นก็จะไม่มีมนุษย์และสัตว์อสูรในเขตใต้อีก…”
ชายวัยกลางคนเผยรอยยิ้มออกมา “ทำได้ดี !”
“เขตใต้นี้จะเป็นฐานของพันธมิตรกลายพันธุ์และเป็นขั้นแรกในการยึดครองทวีป มันไม่อาจจะเสียหายได้!” ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย “เราซ่อนตัวมาหลายพันปี ตอนนี้ได้เวลาเผยตัวออกมาแล้ว เพื่อแสดงพลังที่แท้จริงที่เรามี ! เขตใต้นี้แค่จุดเริ่มต้น ในอนาคตทั้งทวีปป่าต้องตกเป็นของเรา !”
ชายแก่รีบโค้งให้ทันที “รองผู้นำปราดเปรื่องจริงๆ!”
ชายวัยกลางคนถามขึ้นมา “ใช่สิ แล้วคังเป็นยังไง?”
“นี่…” ชายแก่ลังเลขึ้นมา เขามองไปที่ชายวัยกลางคนและพึมพำออกมา “คังบอกว่าเหล่ายอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ ได้เฝ้าสุสานศักดิ์สิทธิ์เอาไว้อย่างแน่นหนา เขาไม่อาจจะหาโอกาสที่จะลงมือได้ ”
ชายวัยกลางคนคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “บอกคังว่าให้รอโอกาส อย่าเผยตัว เรื่องความอดทน คนอื่นไม่อาจจะทัดเทียมกับพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ เรารอมาหลายพันปีแล้ว ครั้งนี้รอต่อไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร ”
ชายแก่ชะงัก
“หากเจ้ามีอะไรจะพูดก็จงพูดมา” ชายวัยกลางคนเห็นท่าทีผิดปกติของอีกฝ่ายและพูดขึ้นมา
“รองผู้นำ ทำไมท่านจึงเอาใจใส่คังนัก?” ชายแก่สงสัย “คังเป็นแค่ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำ ตอนนี้พันธมิตรกลายพันธุ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เรามียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำอยู่มากมายและแข็งแกร่งยิ่งกว่าคัง แต่ละคนต่างก็ภักดีต่อพันธมิตรกลายพันธุ์ ไม่เหมือนกับคัง ที่ไม่ค่อยจะฟังคำสั่ง ทำไมท่านจึงให้อภัยเขาซ้ำๆ หรือแค่เพราะว่าเขามีรูปร่างที่ยังดูเหมือนมนุษย์อยู่?”
ชายวัยกลางคนหรี่ตาลงและมองไปที่ชายแก่
ชายแก่รีบก้มหน้าด้วยความกลัวและยอมรับผิดทันที “ขอโทษด้วยรองผู้นำ ข้าผิดไปแล้ว!”
ชายวัยกลางคนมองไปที่ชายแก่และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา “เจ้าคิดว่าคนอื่นในพันธมิตรกลายพันธุ์จะไม่คิดเหมือนเจ้ารึ ? เจ้าคิดว่าข้าใจกว้างมากนักหรือไง ? หากทำผิดพลาดซ้ำแบบเดิมก็ต้องถูกลงโทษ แต่คังนั้นไม่ได้ทำผิดพลาดอะไร…”
ชายแก่พยักหน้าตอบรับ
“ได้ เมื่อเจ้าสงสัย ข้าจะบอกเจ้า” ชายวัยกลางคนพูดต่อ “คัง เป็นพวกกลายพันธุ์เพียงคนเดียว ที่ยังอยู่ในร่างของมนุษย์ปกติและยังเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำ เขาแฝงตัวอยู่ในหมู่มนุษย์ได้ มันยากที่คนอื่นจะจับผิดเขาได้ ไม่มีใครรู้ตัวตนของเขา มันมีหลายเรื่องที่เราต้องพึ่งให้เขาจัดการ มันไม่มีทางเลือกอื่น”
นอกจากคังแล้ว มันไม่มีคนแบบนั้นอีก พวกเขามีทางเลือกเดียวเท่านั้น
“แน่นอนเพราะเรื่องนี้ เราจึงไม่อาจจะใจร้ายกับเขาได้นัก หากไม่มีเขา สิ่งที่เราต้องการอาจจะยุ่งยากขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังแอบทำลายเราด้วย…” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่เหตุผลที่เรายังบังคับเขาได้ก็เพราะภรรยาของเขา! ”
ชายแก่มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความแปลกใจ
“ภรรยาของคัง คือเฉินลู่ลู่” ชายวัยกลางคนพูดขึ้น
“เฉินลู่ลู่!” ชายแก่ใจสั่นสะท้าน “นางกลับเป็นภรรยาของคัง !”
แม้แต่ในพันธมิตรกลายพันธุ์ ก็มีไม่กี่คนที่รู้จักเฉินลู่ลู่ แต่ชายแก่นี้ไม่ได้มีฐานะที่ต่ำต้อย เขารู้ความลับของพันธมิตรกลายพันธุ์อยู่มากมาย เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้จักฐานะของเฉินลู่ลู่
“ตอนนี้เรายังต้องการเฉินลู่ลู่และอาจารย์ของนางฉิงหยางซ่าง” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้มออกมา “เมื่อทั้งสองไร้ประโยชน์แล้ว เป็นธรรมดาที่คัง …ก็ไม่ต้องอยู่ต่อ ตอนนี้ให้เขาทำตามใจไปก่อน ยังไงซะด้วยความแข็งแกร่งที่เขามี เราก็ไม่อาจจะดูถูกเขาได้”