ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 493 : การกลับมา
ตอนที่ 493 : การกลับมา
ตลอดมานี้ อ้าวอู่ซูกับผู้นำพันธมิตรกลายพันธุ์แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน อ้าวอู่ซูรับหน้าที่ในการเสาะหาอัจฉริยะเพื่อเป็นตัวทดสอบยาพลิกชีวิต ส่วนผู้นำรับผิดชอบในการเก็บเลือดเนื้อของสัตว์อสูรและยอดฝีมือระดับสูงสุดเพื่อเป็นตัวทดสอบ
กว่าทลายบูรพาจะสามารถเกิดขึ้นมาได้ ก็เสียอัจฉริยะและทรัพยากรไปเป็นจำนวนมาก ผู้นำถึงได้ให้เขาออกไปตามหาอัจฉริยะเพิ่ม เขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เพียงแค่รู้สึกลำบากใจ
เขายิ่งกังวลว่าทรัพยากรในสำนักงานใหญ่จะพอไหมและมีอัจฉริยะเหลืออยู่เท่าไหร่ เขากลัวว่ามันอาจจะหมายถึงการที่ยาพลิกชีวิตแบบใหม่จะน้อยลงไปด้วย….
“ ตามหาตัวอัจฉริยะ มันยากแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่เลือดกับเนื้อของสัตว์อสูรและมนุษย์นั้นสามารถหาได้ง่ายๆ ” อ้าวอู่ซูอดไม่ได้ที่จะสงสัย “ เลือดเนื้อผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสุดของเผ่ามนุษย์ที่ได้มาจากการปล้นสุสานศักดิ์สิทธิ์เมื่อครั้งที่แล้ว และเลือดเนื้อของเผ่าสัตว์อสูรระดับสูงที่สะสมมาหลายพันปี ตอนนี้เริ่มขาดแคลนมากแล้ว ไม่รู้ว่าท่านผู้นำจะแก้ไขปัญหาอย่างไร…”
ตอนนี้สุสานของสมาคมใหญ่ต่างก็ถูกดูแลโดยยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ อ้าวอู่ซูไม่เข้าใจว่าผู้นำจะเก็บเลือดเนื้อของมนุษย์และสัตว์อสูรมาได้ยังไง ?
“ตามข่าวลือที่ได้มา สุสานของสมาคมใหญ่ยังไม่ใช่สิ่งจำเป็นในตอนนี้ ข้าคงต้องหาทางจากที่อื่นแทน ” อ้าวอู่ซูคิด พวกยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ไม่ได้โง่ เขามั่นใจว่ากองกำลังที่สมาคมใหญ่อาจจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ หากพวกเขากล้าไปลงมือที่นั่น มันก็เท่ากับเดินเข้าไปสู่กับดัก “นอกจากสุสานของสมาคมใหญ่แล้วก็ยังมีอีกหลายที่ในโลกที่มีเลือดเนื้อของสัตว์อสูรและมนุษย์ไม่ใช่รึ ?”
อ้าวอู่ซูคิดเปรียบเทียบงานที่ตนเองได้และงานที่ผู้นำรับผิดชอบ งานที่ผู้นำรับผิดชอบนั้นไม่ได้ยากเลย มันแค่เป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
“ ช่างเถอะ ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้ผู้นำต้องปวดหัว ” อ้าวอู่ซูสลัดความคิดนี้ทิ้งทันที
ไม่นานอ้าวอู่ซูก็เรียกหมึกเพชฌฆาตเข้ามาพบอีกครั้ง
“ รองผู้นำ ท่านเรียกข้ารึ ?” หมึกเพชรฆาตดูเครียดเพราะกลัวว่าเขาทำได้ไม่ดีพอและทำให้อ้าวอู่ซูไม่พอใจ จากการตายของภูผา ทำให้เขากลัวว่าเขาจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไป
อ้าวอู่ซูยิ้มและพูดขึ้นมา “ ไม่ต้องกังวล ข้าตามหาเจ้าเพราะมีภารกิจให้กับเจ้า ”
หมึกเพชรฆาตถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดขึ้น “ รองผู้นำสั่งมาได้เลย ! ”
“ข้าหวังว่าเจ้าจะพายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำ ไปยังเนินเขาเขตตะวันออก ” อ้าวอู่ซูยิ้มออกมา “ อัจฉริยะที่สำนักงานใหญ่ในตอนนี้เหลือน้อยแล้ว มันเหลือแค่ไม่กี่คน เจ้าต้องไปหากลุ่มอัจฉริยะเพิ่ม ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่ได้อ่อนด้อย และเจ้าก็เคยเป็นคนของเขตตะวันออก ข้าไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับที่นั่น ดังนั้นข้าจึงมอบหมายงานนี้ให้กับเจ้า ”
“ แต่รองผู้นำ เขตตะวันออกนั้นท่านต้องการให้ค้นหาอีกรึ ? ” หมึกเพชรฆาตลังเลขึ้นมาและพูดขึ้น “ ตอนนี้อัจฉริยะของเขตตะวันออกตายไปหมดแล้ว แม้แต่พวกที่หนีไปได้ก็ด้วย ข้าก็กลัวว่าจะคงเหลือไม่มาก และเกรงว่าคงจะยากที่จะหาตัวอัจฉริยะได้…”
อ้าวอู่ซูถอนหายใจออกมา “ ข้ารู้ว่าเราค้นหาที่นั่นไปแล้ว แต่…เขตกลางมียอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์จับตาดูอยู่ เราไม่อาจจะเข้าไปในนั้นได้ ส่วนภูเขาเขตตะวันตกเป็นเขตของสัตว์อสูร จำนวนของมนุษย์แทบจะมองข้ามได้ หากไปที่นั่นเท่ากับเสียเวลาเปล่า เขตเหนือตอนนี้เป็นที่ที่ล้าหลังที่สุดในทวีป การจะหาอัจฉริยะพบนั้นเท่ากับความฝัน สิ่งเดียวที่เราเลือกได้ตอนนี้ก็แค่เขตตะวันออกเท่านั้น ”
เขารู้สึกเสียดายในใจ หากเขารู้ว่าสำนักงานใหญ่ต้องการอัจฉริยะ เขาคงไม่ฆ่ามนุษย์ที่เขตใต้
อ้าวอู่ซูไม่มัวคิดอีกต่อไปและพูดขึ้นมา “ เจ้าออกค้นหาก่อน พยายามให้ดีที่สุด หากเจ้าหาไม่พบก็รอข่าวจากสำนักงานใหญ่ เราจะเข้าโจมตีเขตตะวันออกโดยตรงแล้วค่อยตามหาอีกรอบ …เขตตะวันออกนั้นใหญ่โต ข้าไม่เชื่อว่าเราจะหาอัจฉริยะจากที่นั่นไม่ได้ “
เขตตะวันออกไม่เหมือนกับเขตเหนือ ที่พยายามแทบตายก็ไม่อาจจะหาอัจฉริยะเจอได้
“ ได้ ! ” หมึกเพชฌฆาตเห็นว่าอ้าวอู่ซูตัดสินใจแล้ว และได้แต่ต้องยอมรับ
อ้าวอู่ซูโบกมือและพูดขึ้น “ เจ้าไปได้ ! ”
หมึกเพชรฆาตทำความเคารพอ้าวอู่ซูก่อนจะออกจากที่นั่นมา หลังจากที่ถึงเมืองหนึ่งในจักรวรรดิหมิง เขาก็ได้สั่งการไปยังยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำ และพาพวกนั้นมุ่งหน้าไปที่เขตตะวันออก
….
เขตกลางที่สมาคมนักวางค่ายกล
ยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่หลายคนรวมไปถึง ลั่วซู่หยาง, ชุยเจี่ยน,หยางเพ้ยอันและฝางมู่ได้รวมตัวกันอยู่ที่นั่น ทุกคนต่างก็อยู่ภายในห้องโถงและมองไปยังเขตใต้
“ มันก็นานแล้วแต่ราชาสัตว์อสูรก็ยังไม่กลับมา ” ชุยเจี่ยนดูอึดอึดใจและกังวล
หยางเพ้ยอันพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ อย่าเพิ่งใจร้อนไป ด้วยความแข็งแกร่งของราชาสัตว์อสูรแล้ว แม้ว่ามันจะอันตรายแต่มันก็ไม่น่าจะเป็นภัยถึงชีวิตได้ เราแค่ต้องอดใจรอ ”
“ แต่…” ชุยเจี่ยนเพิ่งจะพูดขึ้น แต่อยู่ๆเขาก็หยุดและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกัน ลั่วซู่หยางและคนอื่นๆต่างก็มองไปที่ท้องฟ้าและแอบโล่งอก
ร่างของเฉินกู ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคน
ทุกคนรีบทักทายเขาทันที หลังจากที่เห็นสภาพของเฉินกู ทุกคนต่างก็พากันตะลึง
“ ราชาสัตว์อสูร ท่านบาดเจ็บ…” ลั่วซู่หยางตกตะลึงไป “ หรือว่ามียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดในพันธมิตรกลายพันธุ์ด้วยรึ ? ”
ไม่แปลกเลยที่ลั่วซู่หยางจะตะลึง เพราะอาการบาดเจ็บของเฉินกูนั้นดูน่ากลัวเกินไป ผิวหนังที่ฉีกขาดและตัวที่โชกเลือด แทบไม่มีส่วนไหนที่ยังอยู่ดีเลย แม้แต่หน้าของเขาก็ยังมีรอยเลือดยาว
มันยากที่จะคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินกู ถึงได้ทำให้เขาบาดเจ็บแบบนี้กลับมา
ทุกคนต่างก็มองไปที่เฉินกูด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวไป พวกเขายิ่งกังวลต่อพันธมิตรกลายพันธุ์มากกว่าเดิม
“ ข้าไม่ได้พบยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด แต่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง, กลางและต่ำเป็นจำนวนมาก “ เฉินกูเช็ดเลือดที่ใบหน้า แม้ว่านิ้วจะโดนบาดแผล แต่เขาไม่ได้คิ้วขมวดเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย “โชคดีที่ข้าเป็นคนไป หากเปลี่ยนเป็นพวกเจ้า ข้ากลัวว่าคงไม่อาจจะหนีมาได้ ”
เมื่อได้ยินที่เฉินกูบอกมาว่าไม่พบยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด ทุกคนก็โล่งอกขึ้นมาเล็กน้อยแต่หลังจากที่ฟังคำพูดส่วนหลังของเฉินกู อารมณ์ผ่อนคลายที่มีเมื่อครู่ก็หายไป และแทนที่ด้วยความกังวลขึ้นมาแทน พวกเขาถึงกับรู้สึกแย่
สีหน้าของลั่วซู่หยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ ท่านหมายความว่ามียอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่หลายคนในพันธมิตรกลายพันธุ์รึ ?”
“ มากเท่าไหร่รึ ? ” เฉินกูสูดหายใจเข้าลึกๆและแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “ ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง 3 คน, ขั้นกลาง 8 คน, ขั้นต่ำ 19 คน หากข้าหนีไม่เร็วพอ ข้ากลัวว่าคงเป็นข้าที่ต้องพ่ายแพ้…ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์นั้นมากกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้ ! ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันกลั้นหายใจ
พลังแบบนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด !
ตอนนั้นทุกคนต่างก็เงียบและรู้สึกหนักใจขึ้นมา
“ ใช่สิ ครั้งนี้นอกจากพวกกลายพันธุ์แล้ว ข้าได้เจอกับชายคนหนึ่ง ” เฉินกูสีหน้าเคร่งเครียด “ ชายคนนี้บอกว่าตัวเองเป็นรองผู้นำของพันธมิตรกลายพันธุ์ เขาชื่ออ้าวอู่ซูเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง ”
สีหน้าของลั่วซู่หยางเปลี่ยนไปอย่างมาก “ อ้าวอู่ซู ? คนของเผ่ามังกรรึ ?”
ชื่อของอ้าวอู่ซูคล้ายกับอ้าวอู่เหยียน มันทำให้เหล่าเซียนคิดว่าชายคนนี้เกี่ยวข้องกับเผ่ามังกร แม้ว่าจะไม่รู้ว่าอ้าวอู่ซูเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด แต่เมื่อได้ยินชื่อนี้ พวกเขาก็อดคิดถึงเผ่ามังกรไม่ได้ ยังไงซะแม้ว่าจะมีหลายแซ่ในโลกนี้แต่คนที่ใช้แซ่นี้มีน้อยคนนัก
“ ไม่ อ้าวอู่ซูไม่น่าจะใช่คนของเผ่ามังกร พลังของเขาต่างออกไป พลังของเขาเป็นของมนุษย์ ” เฉินกูส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ บางทีเรื่องชื่อนี้อาจจะแค่บังเอิญก็ได้ ”
ตอนที่พูดนั้นเฉินกูก็ได้แผ่ปราณออกไปสร้างภาพของอ้าวอู่ซูขึ้นมา
“ นี่คืออ้าวอู่ซู พวกเจ้าต้องตรวจสอบชายผู้นี้และหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มา ” เฉินกูพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ นอกจากนี้แม้ว่าข้าจะฆ่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ำไป 4 คน แต่มันไม่ได้ส่งผลต่อพลังโดยรวมของพันธมิตรกลายพันธุ์มากนัก ระหว่างนี้พวกเจ้าไม่ควรเข้าใกล้เขตใต้ ไม่อย่างนั้นแล้ว หากได้พบกับคนของพันธมิตรกลายพันธุ์ ข้าคงไม่อาจจะช่วยเจ้าได้ ”
ทุกคนพากันมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า
แม้ว่าเฉินกูจะไม่พูดแบบนั้นออกมา แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขตใต้
“ เอาล่ะ ครั้งนี้ข้าบาดเจ็บมาและคงใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นตัว หากไม่มีเรื่องใหญ่อะไรก็อย่ารบกวนข้า ” เฉินกูพูดขึ้น “ ตอนนี้พวกเจ้าต้องดูแลสุสานศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ หากสุสานศักดิ์สิทธิ์ถูกปล้นไปได้ งั้นโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ของพวกเรายิ่งน้อยลงไปอีก ”
“ เราเข้าใจแล้ว ” ทุกคนต่างก็พยักหน้า
พวกเขารู้ดีว่าสุสานศักดิ์สิทธิ์นั้นสำคัญแค่ไหน บอกได้ว่านี่คือแนวป้องกันสุดท้ายของพวกเขา หากแนวป้องกันนี้พังลง มนุษย์และสัตว์อสูรก็จะสุญสิ้นความหวัง มันจะไม่มีใครหยุดพันธมิตรกลายพันธุ์ได้อีกต่อไป
เฉินกูถามขึ้นมา “ เจ้าคือคนที่คุ้นกับสมาคมนักวางค่ายกลที่สุด ช่วยข้าหาที่เงียบๆให้ข้าที ”
แม้ว่าเขาจะทำการฟื้นฟูตัวเองจากการบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่กล้าจะอยู่ห่างจากสมาคมนักวางค่ายกลมากนัก เพราะเมื่อมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เขาจะได้มาที่นี่ได้ทัน
“ ตามข้ามา ” ลั่วซู่หยางเข้าใจความคิดของเฉินกู และพาเฉินกูออกจากห้องโถงไปมุ่งหน้าไปยังทางสวนด้านหลัง ซึ่งนั่นเป็นที่ที่เขาใช้ในการเก็บตัวบ่มเพาะ และไม่ห่างจากตัวสมาคมนักวางค่ายกลมากนัก มันเหมาะที่เฉินกูจะทำการรักษาตัวที่นั่น
หลังจากที่ไปส่งเฉินกูที่ภูเขาด้านหลังแล้ว ลั่วซู่หยางก็กลับมายังห้องโถง
“ทุกคน ตอนนี้คือช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของมนุษย์ ข้าไม่ต้องการพูดอะไรมาก ข้าหวังว่าทุกคนจะมองข้ามความบาดหมางที่เคยมี และร่วมมือกันช่วยกันฝ่าฟันปัญหานี้ “ ลั่วซู่หยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด