ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 497 : พวกตะกละ
ตอนที่ 497 : พวกตะกละ
“ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน มาพูดถึงเผ่ามังกรกันจะดีกว่า ” เซียวเหยียนรู้มานานแล้วว่าอ้าวอู่เหยียนสนใจแต่อาหาร เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ เขามองไปที่อ้าวอู่เหยียนก่อนจะรวบรวมความกล้าถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ ใช่ อาจารย์อ้าวอู่เหยียนพูดเรื่องนี้กันดีกว่า ! ” อู่ซินซินถามขึ้น
อู่โม่และคนอื่นๆไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่พวกเขาก็มองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยสายตาที่คาดหวัง
อ้าวอู่เหยียนถูกคนอื่นๆรุมถามแบบนี้ ก็สลดขึ้นมา “ พวกเจ้าให้คนอื่นกินก่อนไม่ได้รึไง ? ”
อู่ซินซินยิ้มและพูดขึ้นมา “ อาจารย์อ้าวอู่เหยียนคิดผิดแล้ว ท่านเป็นมังกร ท่านไม่ใช่คน ”
“ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรมากนักหรอก ” อ้าวอู่เหยียนทำท่าหงุดหงิดใส่อู่ซินซิน “ เจ้าอย่าลืมว่าข้าเป็นอาจารย์ของสำนักคังเฉียง ในฐานะอาจารย์ เจ้าจะไม่เคารพข้าเลยหรือไง ? ”
“ ข้าเองก็ต้องการเคารพท่านนะ แต่ท่านทำตัวไม่น่าเคารพเอง ” อู่ซินซินแสดงสีหน้าสลดออกมา
อ้าวอู่เหยียนกรอกตาใส่ “ ข้าเป็นเช่นนั้นรึ ? ทำไมข้าถึงเป็นเช่นนั้นได้ ? ข้าไม่เหมือนอาจารย์หรือไง ?”
อู่โมหัวเราะออกมา “ อาจารย์อ้าวอู่เหยียนเข้าใจผิดแล้ว ซินซินไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นางหมายความว่าท่านสนิทกับเราไม่เหมือนกับอาจารย์คนอื่นๆ…นอกจากอาจารย์โอวแล้ว คนที่เราชื่นชอบที่สุด ก็คือท่านนี่แหละ ไม่ใช่สิ ต้องมีท่านอู่เข้ามาด้วย ” อู่ฉิงฉวนคือคนที่ทำอาหารให้พวกเขากินกันทุกวัน พวกเขาจึงรู้สึกเคารพอีกฝ่าย
“ เฮ้อ อย่าถามข้าเรื่องเผ่ามังกรอีกเลย ข้อมูลบางอย่าง แม้ว่าข้าไม่ได้พูด แต่เจ้าคงเคยได้ยินจากคนอื่นกันมาบ้างแล้ว ส่วนเรื่องความลับของเผ่ามังกรนั้น ข้าไม่อาจจะบอกได้ ” อ้าวอู่เหยียนถึงจะเป็นคนตะกละ แต่ก็รู้ดีว่าเรื่องไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด “ ข้าเป็นองค์รัชทายาทของเผ่ามังกร ดังนั้นจึงไม่อาจจะบอกพวกเจ้าในหลายๆเรื่องได้ ไม่งั้นแล้วมันจะผิดกฎ กฎของเผ่ามังกร แม้แต่ข้าก็ยังต้องรับโทษหนัก ดังนั้นอย่ากดดันข้านักเลย ”
เมื่อได้ยินที่อ้าวอู่เหยียนพูดออกมา ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าผิดหวังกันออกมา
แต่แล้วอยู่ๆก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาในห้องอาหาร
อ้าวอู่เหยียนลุกขึ้นยืน และมองไปยังคนแปลกหน้าที่ปรากฎในห้อง เขาหรี่ตาลงมองทันที “ ใครกัน ! ”
อู่โม่,เซียวเหยียนและคนอื่นๆต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาต่างก็มองไปยังแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“ ยอดฝีมือระดับสูงสุด ! ” อ้าวอู่เหยียนเบิกตากว้างมองไปยังอีกฝ่าย ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู “ เจ้าเป็นใครกัน ? ”
แม้สีหน้าของเขาจะดูใจเย็น แต่ในใจกลับตกตะลึง เพราะเขาไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงพลังของเด็กสาวตรงหน้าได้ เมื่อเขาไม่อาจจะรับรู้ได้ ก็แปลว่าอีกฝ่ายมีพลังเทียบเท่ากับอ้าวเยว่และเฉินกู
อ้าวอู่เหยียนไม่อาจจะรับรู้การผันผวนของมิติได้ อ้าวอู่เหยียนมั่นใจว่าเด็กสาวผู้นี้คือยอดฝีมือลึกลับ และอาจจะแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินกูและอ้าวเยว่เลย
“ ในทวีปป่ามีคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ” อ้าวอู่เหยียนตะลึง “ คนๆนี้เป็นใครกัน ? ”
เด็กสาวลึกลับไม่ได้สนใจอ้าวอู่เหยียน นางมองไปยังอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะพุ่งไปหาอู่ซินซินแล้วพูดขึ้น “ พี่ซินซิน ท่านกลับมากินอาหารที่ด้านนอกนี่เอง ! ”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็มองไปที่อู่ซินซิน
“ ซินซิน เจ้ารู้จักนางรึ ? ” อู่โม่สงสัยขึ้นมา
ภายใต้สายตาสงสัยของทุกคน อู่ซินซินก็เริ่มอ้ำอึ้ง “ ข้า ข้าไม่รู้จักนาง ! ”
นางมองไปยังเด็กสาวลึกลับและถามขึ้นมา “ เจ้าเป็นใครกัน ? ข้าไม่น่าจะเคยเจอเจ้ามาก่อนไม่ใช่รึ ?” นางนึกย้อนดู แต่ก็คิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นางไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้เรียกนางว่าพี่ซินซิน และแสดงท่าทีสนิทกันแบบนี้
“ เดี๋ยวนะ แต่เสียงนี้ฟังดูคุ้นๆ ” เซียวเหยียนคิ้วขมวด แล้วมองไปยังเด็กสาวลึกลับ แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอนางที่ไหน
อู่โม่เลิกคิ้วขึ้นมา “ เจ้าเองก็รู้สึกคุ้นเหมือนกันรึ ? ข้านึกว่าข้าคิดไปเองคนเดียวเสียอีก ! ”
“ แปลก…เสียงนี้ฟังดูคุ้นๆแต่รูปลักษณ์ของนาง ข้าจำไม่ได้เลย ” เติ้งชิวฉานแสดงสีหน้าสงสัยออกมา
หญิงสาวลึกลับเผยสีหน้าเศร้าออกมา “ พี่อู่โม่ พี่เซียวเหยียน พี่ชิวฉาน พี่โจวซินเอ๋อร์….พวกท่านจำหร่านเอ๋อร์ไม่ได้รึ ? ”
สีหน้าใสซื่อและเศร้าสร้อยของนาง ทำให้ยากที่จะคิดว่านางเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้
“ หร่านเอ๋อร์ ? เจ้าคือหร่านเอ๋อร์รึ! ” อู่ซินซินเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ “ ที่แท้ก็เสี่ยวหร่านนี่เอง ! ”
อู่โม่,เซียวเหยียนและคนอื่นๆต่างก็พากันได้สติ สุดท้ายพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไม พวกเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคย นี่คือเสียงของอ้าวเสี่ยวหร่าน แม้ว่าน้ำเสียงของนางเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา แต่น้ำเสียงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
อ้าวเสี่ยวหร่านพูดขึ้นมาอย่างดีใจ “ พี่ซินซิน จำข้าได้แล้วรึ? ”
อู่ซินซินยังอึ้งอยู่ นางมองไปที่อ้าวเสี่ยวหร่านอยู่นาน และถามขึ้นมาด้วยความไม่แน่ใจ “ เจ้าคืออ้าวเสี่ยวหร่านจริงๆรึ ? ”
ตามที่นางจำได้ อ้าวเสี่ยวหร่านคือมังกรโลหิตที่น่ารัก นางมีลำตัวสีแดง มันคือสิ่งที่งดงามที่สุดในโลกที่นางไม่อาจจะละสายตาได้ แต่ตอนนี้อ้าวเสี่ยวหร่านกลับเปลี่ยนเป็นเด็กสาวอายุ 16-17 ปี แม้ว่าจะยังน่ารักและงดงาม แต่นางก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์มังกรอีกต่อไป
“ พี่ซินซิน จำหร่านเอ๋อร์ไม่ได้จริงๆด้วย ” อ้าวเสี่ยวหร่านสลดไป นางต้องการเปลี่ยนร่างเป็นมังกรโลหิตเพื่อให้อู่ซินซินเห็น แต่นางก็จำได้ว่าจางหยูได้ย้ำกับนางหลายรอบแล้วว่า ไม่ควรเผยความแข็งแกร่งและรูปลักษณ์มังกรออกมาต่อหน้าคนนอก หากไม่มีอ้าวอู่เหยียนอยู่ที่นี่ นางคงเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรทันที แต่ด้วยการที่อ้าวอู่เหยียนอยู่ที่นี่ด้วย นางจึงไม่อาจจะทำแบบนั้นได้
นางสลดดวงตาที่ดูราวกับไข่มุกเริ่มมีน้ำตาปริ่มออกมา “ พี่ซินซิน ท่านบอกว่าท่านจะพาข้ามาหาอะไรกินด้านนอก ท่านลืมไปแล้วรึ ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น อู่ซินซินก็นึกย้อนดูและพูดขึ้น “ ข้าเคยพูดแบบนั้นกับหร่านเอ๋อร์ ”
นางสลัดความสงสัยที่มีในใจทิ้งและขอโทษออกมา “ ข้าขอโทษด้วยหร่านเอ๋อร์ รูปลักษณ์ของเจ้าเปลี่ยนไปมาก ข้าเลยจำเจ้าไม่ได้ ”
“ ไม่เป็นไร ” อ้าวเสี่ยวหร่านกลับหัวเราะออกมาแทน อารมณ์สลดเมื่อครู่หายไปในพริบตา“ ตราบใดที่ท่านจำข้าได้ ข้าก็ดีใจแล้ว ! ”
“ หือ ทำไมเจ้า….” อู่โม่พูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “ ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนร่างเป็นคนได้ ? ”
อ้าวเสี่ยวหร่านหัวเราะออกมา “ เพราะข้าทะลวงผ่านขอบเขตตุ้นซวนไปแล้ว ! ท่านพี่บอกว่าข้า…” พูดยังไม่ทันจบนางก็นึกถึงคำพูดของจางหยู นางรีบหยุดและเปลี่ยนคำพูดทันที “ ยังไงซะตอนนี้ข้าก็แข็งแกร่งแล้ว แข็งแกร่งกว่าพวกท่านทุกคน ”
ตอนนั้นอ้าวอู่เหยียนได้ลดการป้องกันลง เขายิ้มและถามอู่โม่กับคนอื่นๆ “อู่โม่ เจ้ารู้จักเด็กสาวผู้นี้รึ ?”
อ้าวอู่เหยียนสงสัยในฐานะของอ้าวเสี่ยวหร่าน ระดับการบ่มเพาะของนางและพลังของนางนั้นเขาไม่อาจจะสัมผัสได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กสาวที่ดูลึกลับนี้ ต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดโดยอาจจะอยู่ขั้นสูงสุด ไม่คิดเลยว่านอกจากเฉินกูแล้ว สำนักคังเฉียงจะยังมีคนที่แข็งแกร่งแบบนี้อยู่อีก
อ้าวอู่เหยียนเองก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด ยังไงซะเผ่ามังกรและสัตว์อสูรก็เปลี่ยนรูปลักษณ์มาเป็นคนได้ ชัดแล้วว่าอ้าวเสี่ยวหร่านไม่น่าจะใช่คนของเผ่ามังกร งั้นคำตอบก็อาจจะเป็นนางเป็นคนของเผ่าสัตว์อสูร
“ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน ท่านอาจจะไม่รู้จัก แต่อ้าวเสี่ยวหร่านอยู่กับพวกเรามาโดยตลอด…” เซียวเหยียนพูดมาได้ครึ่งหนึ่งก็รู้สึกว่ามีคนดึงแขนเขา เขาหันไปมองที่โจวซินเอ๋อร์ และพบว่าโจวซินเอ๋อร์จ้องเขาเขม็ง นางส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่ควรจะพูดเรื่องนี้ เขาเข้าใจทันทีและรีบเปลี่ยนเรื่อง “ อันที่จริงแล้ว หร่านเอ๋อร์เป็นสัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญากับเจ้าสำนัก นางถูกเจ้าสำนักส่งไปบ่มเพาะ ดังนั้นตอนที่ท่านเข้าร่วมสำนัก ท่านจึงไม่ได้พบนาง ” เซียวเหยียนเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ ท่านไม่รู้สินะว่า เจ้าสำนักห่วงใยหร่านเอ๋อร์อย่างมาก บอกได้ว่าในสำนักสำนักคังเฉียงของเราแล้ว แม้แต่อาจารย์ยังต้องเรียกนางว่า คุณหนูหร่าน ”
อันที่จริงแล้วตอนแรกเขาก็เรียกอ้าวเสี่ยวหร่านว่าคุณหนูหร่าน แต่ด้วยการที่เล่นกับนางบ่อยๆ พวกเขาจึงสนิทกันมากขึ้น จนสุดท้ายเขาก็เรียกนางว่าหร่านเอ๋อร์
“ สัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญากับเจ้าสำนักรึ ? ” อ้าวอู่เหยียนขมวดคิ้ว “ ไม่แปลกเลยว่าทำไมถึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะรับรู้พลังได้…”
“ ฮาฮา…อย่ามัวคุยกันเลย มากินกัน ไม่งั้นแล้วอาหารจะเย็นหมด ” อู่โม่หัวเราะออกมา “ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน ท่านบอกเองว่าไม่อาจจะปล่อยอาหารให้เสียเปล่าได้ มา รีบกินเร็วเข้า ” เขากลัวว่าอ้าวอู่เหยียนจะเห็นถึงความผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงได้แต่รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ ข้าอยากกิน ข้าอยากกิน ! ” อ้าวเสี่ยวหร่านรีบพุ่งไปที่โต๊ะทันที “ อาหารน่าอร่อยเยอะแยะเลย ยอดเยี่ยม ! ”
ท่าทีของอ้าวเสี่ยวหร่านไม่ต่างอะไรจากอ้าวอู่เหยียนเลย
อู่โม่เตรียมจานและเก้าอี้ไว้ข้างๆ ก่อนจะบอกกับอ้าวเสี่ยวหร่าน “ เจ้ามานั่งนี่สิ เราเพิ่งกินกันได้ไม่นาน มันยังมีอาหารเหลืออยู่อีกเยอะ…” ตอนที่พูดนั้นเขาก็มองไปที่อ้าวอู่เหยียน และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน ท่านคงไม่รังเกียจที่จะให้หร่านเอ๋อร์มากินด้วยกันหรอกนะ ? ”
“ ใครเร็วก็ได้ไป ” อ้าวอู่เหยียนยักไหล่ “ ข้าคงใจกว้างกับเรื่องอื่นได้ แต่เรื่องอาหารนี้ข้าไม่อาจจะใจกว้างกับใครได้ ! ”
แต่เขาก็ต้องตะลึง เพราะตอนที่เขาพูดอยู่นั้นอ้าวเสี่ยวหร่านกลับเริ่มกินอาหารไปอย่างรวดเร็ว หากเทียบความเร็วในการกินของเขากับนางแล้ว เขาไม่อาจจะสู้ได้เลย
อ้าวอู่เหยียนแอบถอนหายใจออกมา “ ข้าเจอคู่มือแล้ว ! ”
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวคือราชานักกิน แต่หลังจากที่พบอ้าวเสี่ยวหร่าน เขาก็พบว่าเด็กสาวผู้นี้เก่งเรื่องนี้ยิ่งกว่าเขาอีก
“ ไม่ ข้าไม่อาจจะปล่อยให้นางกินหมดได้ ! ” อ้าวอู่เหยียนแสดงสีหน้าจริงจังออกมา และทุ่มสมาธิไปกับอาหารบนโต๊ะ
ตอนนั้นทั้งสองพากันกินอาหารด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ไม่นานอาหารบนโต๊ะก็หมดลง แม้แต่ข้าวเม็ดเดียวก็ไม่เหลือ
อู่โม่, เซียวเหยียน,อู่ซินซินและคนอื่นๆมองหน้ากันด้วยสีหน้าตะลึง พวกเขาต่างก็ทึ่งกับปริมาณอาหารที่สองคนนี้กินเข้าไป
“ เสี่ยวเอ้อ เอามาอีก ! ” เซียวเหยียนตากระตุก เขาเดินไปที่ประตูก่อนจะตะโกนบอกกับเสี่ยวเอ้อ
ตอนที่รออาหารชุดใหม่ อ้าวอู่เหยียนก็กระโดดไปตรงหน้าอ้าวเสี่ยวหร่านและพูดขึ้น “ เด็กน้อย ข้าเป็นอาจารย์ เจ้าต้องให้ข้ากิน…”
อ้าวเสี่ยวหร่านใช้เคลื่อนย้ายไปยังอีกฝั่งของโต๊ะ นางลังเลเล็กน้อยและพูดขึ้น “ ข้าเป็นสัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญากับเจ้าสำนัก ! ท่านนั่นแหละที่ต้องให้ข้ากิน ! ”
อ้าวอู่เหยียนรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาไม่กล้าที่จะขัดขวาง เขารีบหยิบตะเกียบเพื่อเตรียมตัวทันที
ทั้งสองคนเตรียมพร้อมสำหรับอาหารชุดใหม่ ตอนนั้นอู่โม่และคนอื่นๆได้แต่มองดูเท่านั้น
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า พวกมังกรเป็นพวกตะกละแบบนี้กันหมดรึไง ?