ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 499 : มีหินอยู่เต็มไปหมด ?
ตอนที่ 499 : มีหินอยู่เต็มไปหมด ?
“ ก้อนหิน ? ” ปากของอ้าวอู่เหยียนเบะปาก เขาแสดงสีหน้าดูแคลนออกมา “ สาวน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าก้อนหินที่จะพูดถึง หากมองทั้งทวีปป่าแล้วก็ยังเป็นของที่หายาก แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดก็ยังอยากได้มัน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป มันเพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดมากมายต่อสู้เพื่อแย่งชิงมันมา ! ”
อู่โม่ช็อก“ หินไร้ลักษณ์นี้มีค่ามากแบบนั้นเลยรึ ?”
พระเจ้า แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดก็ยังอยากได้มัน มันยากที่จะคิดได้ว่าหินนี้มีค่ามากแค่ไหน
เซียวเหยียนและคนอื่นๆรู้สึกได้ทันทีว่า แหวนมิติของพวกเขามีค่ามหาศาล พวกเขาอ่อนแอขนาดระดับการบ่มเพาะยังไม่ถึงขอบเขตหลิงซวน พวกเขาจะรักษามันไว้ได้รึ ?
“ หินไร้ลักษณ์นั้นเหมือนกับยาที่เพิ่มระดับการบ่มเพาะ มันไม่ได้ส่งผลข้างเคียงใดๆ ” อ้าวอู่เหยียนแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา “ที่สำคัญกว่านั้นคือ ยามันมีวันหมดอายุของมัน แต่หินไร้ลักษณ์นี้ใช้ได้ตลอดเวลา แม้ว่าระดับการบ่มเพาะจะขึ้นไปเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแล้ว แต่มันก็ยังมีบทบาทที่ไม่อาจจะมองข้ามได้ พวกเจ้าลองคิดดูว่ามันจะมีค่ามากแค่ไหนกัน ? ”
เผ่ามังกรคือเผ่าที่ร่ำรวยที่สุดในโลก หินไร้ลักษณ์นี้มีแค่ในเผ่ามังกรเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าหินไร้ลักษณ์นี้มีค่ามากแค่ไหน
อ้าวอู่เหยียนพอใจในตัวอู่โม่และคนอื่นๆ ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่ยกของมีค่าให้กับเด็กพวกนี้
“ แหวนมิติของพวกเจ้าทำขึ้นมาจากหินไร้ลักษณ์ แม้ว่ามันจะไม่ได้มีประสิทธิภาพของหินไร้ลักษณ์ทั้งหมด แต่แน่นอนว่าไม่ได้ด้อยกว่ามาก ” อ้าวอู่เหยียนมองไปที่อู่โม่ “ แน่นอนพวกเจ้าไม่ต้องกังวลว่าคนนอกจะแย่งมันไป ตอนที่ข้าสร้างมันขึ้นมา ข้าได้ปิดบังพลังของหินเอาไว้แล้ว แม้ว่าคนอื่นจะเห็นมัน แต่ก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันคืออะไร ”
เขาคิดเรื่องนี้ตอนที่เอาหินนี้ออกมา
“ ท่านโกหก ! ” อ้าวเสี่ยวหร่านพูดขึ้น “ หินนี่ไม่ได้หายาก ! ข้าเคยเห็นมันตั้งเยอะ ! ”
อ้าวอู่เหยียนตะลึง และพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ หือ ? งั้นเจ้าบอกมาสิว่าเจ้าเคยเห็นมันที่ไหน ? ลองบอกข้ามา ข้าไม่รังเกียจที่จะเก็บมันมาให้ ”
“ ที่นั่น ที่นั่น…”อ้าวเสี่ยวหร่านเกาหัวและลังเลอยู่นาน นางไม่อาจจะบอกได้ว่าทำไม “ ข้าไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน แต่ที่แน่ๆหินแบบนี้มีทั่วพื้น มันไม่ได้หายาก ”
อ้าวอู่เหยียนหัวเราะออกมา “ เด็กน้อย หากเจ้าต้องการจะโอ้อวด เจ้าควรพูดเรื่องที่มีเหตุผล เจ้าบอกว่าเห็นหินนี่อยู่ทั่วทุกที่ แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือไง ? ”
อ้าวเสี่ยวหร่านกังวลขึ้นมา ใบหน้าของนางแสดงความอึดอัดใจออกมา “ ข้าไม่ได้โกหก ! ที่นั่นเต็มไปด้วยหินพวกนี้จริงๆ ! หากท่านไม่เชื่อ ท่านลองถามท่านพี่ดูได้ ! ท่านพี่เองก็ทำการบ่มเพาะอยู่ที่นั่น..” นางไม่ได้โกหก ในโลกนภามีหินไร้ลักษณ์อยู่มากมายจริงๆ โดยเฉพาะพื้นที่รอบบ่อน้ำ หินนี่ไม่ต่างจากหินทั่วไปเลย
เมื่อเห็นท่าทางของอ้าวเสี่ยวหร่าน อ้าวอู่เหยียนก็สงสัยขึ้นมา “ เจ้าไม่ได้โกหกจริงๆรึ ? ”
ตอนแรกเขาไม่เชื่อนาง แต่ท่าทียืนกรานของนางทำให้เขาเริ่มลังเล หากอ้าวเสี่ยวหร่านโกหกจริงๆ นางคงแสดงได้เก่งจนเขาไม่อาจจะบอกได้ว่านางโกหก
“ เจ้าหมายความว่าที่ที่เจ้าสำนักอยู่ตอนนี้ เต็มไปด้วยหินไร้ลักษณ์รึ ? ” อ้าวอู่เหยียนดูตื่นเต้นขึ้นมา
“ ข้าไม่รู้ชื่อของหินนี่ แต่ข้ารู้ว่ามันคือหินแบบเดียวกันกับที่ท่านเอาออกมา ” อ้าวเสี่ยวหร่านเลิกคิ้วดูน่ารักอย่างมาก “ นอกจากหินนี่แล้ว มันก็ยังมีของแปลกๆอีกเยอะที่นั่น ทั้งหินสีแดง หินสีดำ… ”
นัยน์ตาของอ้าวอู่เหยียนหดลง เขารีบถามขึ้นมา “ หินสีแดง แบบนี้หรือไม่ ? ” ตอนที่ถามนั้น เขาก็ได้เอาหินสีแดงออกมาจากแหวนมิติและส่งให้อ้าวเสี่ยวหร่านดู
“ ใช่ หินแบบนี้แหละ ” อ้าวเสี่ยวหร่านพยักหน้าและแสดงท่าทีแปลกใจออกมา “ ท่านเคยไปที่ที่ท่านพี่อยู่รึ ? ”
อ้าวอู่เหยียนรูสึกร้อนใจขึ้นมา เขารีบเก็บหินอุกกาบาตและเอาหินก้อนต่อไปออกมา “ หินสีดำแบบนี้รึ ? ”
อ้าวเสี่ยวหร่านพยักหน้าอีกครั้ง “ ใช่ ! ”
“ เจ้ามั่นใจหรือว่าที่นั่นเต็มไปด้วยหินพวกนี้ ? ” อ้าวอู่เหยียนตกตะลึง
“ อื้อ ” อ้าวเสี่ยวหร่านไม่รู้ว่าทำไมอ้าวอู่เหยียนถึงได้แสดงท่าทีแปลกใจมากนัก นางเกาหัวและพูดขึ้นมา “ หินที่นั่นเหมือนกับหินที่ท่านเอาออกมา พวกมันกระจายอยู่เต็มไปหมด บางก้อนใหญ่กว่าบ้านก็มี โชคร้ายที่ท่านพี่สนใจแค่การบ่มเพาะไม่ได้สนใจหินพวกนั้น…” ไม่ว่าจะมีเยอะแค่ไหนแต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อยู่ดี
หากไม่ได้เห็นหินแบบนั้นจำนวนมากเช่นนี้ งั้นอ้าวเสี่ยวหร่านก็คงไม่เรียกมันว่าก้อนหิน
“ ใหญ่กว่าบ้านอีกรึ ? ” อ้าวอู่เหยียนกลืนน้ำลาย “ อึก ! ”
ระหว่างนั้นสายตาของอ้าวอู่เหยียนก็ดูตื่นเต้นขึ้นมามากกว่าเดิม เขาแทบควบคุมสติไม่อยู่
อ้าวอู่เหยียนกำลังจะบ้า เขาจับมือของอ้าวเสี่ยวหร่านเอาไว้แล้วจ้องไปที่นาง “ บอกข้าทีว่าเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน ! ”
หินไร้ลักษณ์, หินหมึก, หินอุกกาบาต !
ของพวกนี้เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือระดับสูงสุดต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงมันมา แต่อ้าวเสี่ยวหร่านกลับบอกเขาว่ามันมีหินพวกนี้นับไม่ถ้วน ในที่ที่เจ้าสำนักบ่มเพาะอยู่ มันมีหินที่ก้อนใหญ่กว่าบ้านอีก….
อ้าวอู่เหยียนคิดภาพไม่ออกเลย ว่าหินที่ก้อนใหญ่กว่าบ้านนั้นเป็นยังไง
เขาไม่รู้ว่าอ้าวเสี่ยวหร่านพูดความจริงหรือโกหก แต่เขาอยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง !
“ ข้าไม่รู้ ! ” อ้าวเสี่ยวหร่านก้มหน้าพูดขึ้นมา “ ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ยังไงซะที่นั่นก็ต่างจากทวีปป่า หลิงชี่ที่นั่นแข็งแกร่งกว่าที่นี่เป็นสิบเท่า กฎที่นั่นชัดเจนและซับซ้อนกว่า มิติก็เสถียรกว่า…ท่านพี่ไม่บอกข้าว่ามันคือที่ไหน หลังจากที่ระดับการบ่มเพาะข้าเพิ่มขึ้นมา ท่านพี่ก็ส่งข้ากลับมาทันที ”
อ้าวอู่เหยียนกังวลขึ้นมา “ เจ้าไม่รู้รึ ? เจ้าไม่รู้ได้ยังไง ? มันมีสมบัติพวกนี้แทบทุกที่ แต่เจ้ากลับบอกข้าว่าเจ้าไม่รู้ได้ยังไง…”
ตอนนั้นอ้าวอู่เหยียนแสดงสีหน้าน่ากลัวออกมา ตาของเขาแดงก่ำและสีหน้าที่บิดเบี้ยว เขาเริ่มดูเหมือนหมดความอดทน
“ แต่ แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ! ” อ้าวเสี่ยวหร่านหวาดกลัวจนเริ่มถอยหนี นางแทบอดใจไม่ไหวอยากจะซัดอ้าวอู่เหยียนสักหมัด
อู่โม่,เซียวเหยียนและคนอื่นๆต่างตะลึงไปกับท่าทีของอ้าวอู่เหยียน ที่พวกเขาจำได้นั้น อ้าวอู่เหยียนเป็นพวกตะกละ สนใจแต่อาหารและไม่เคยแสดงท่าทีเคร่งเครียดออกมา แต่ตอนนี้ท่าทีของอ้าวอู่เหยียนทำให้พวกเขาเห็นอีกด้านที่ดุร้ายและหุนหันของอ้าวอู่เหยียน
“ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน ใจเย็นๆก่อน ! ” อู่โม่เดินไปขวางหน้าอ้าวเสี่ยวหร่านเอาไว้ และบอกกับอ้าวอู่เหยียน
เซียวเหยียนกับคนอื่นๆก็กล่อมอ้าวอู่เหยียนเช่นกัน
“ นางเป็นถึงสัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญากับเจ้าสำนัก ท่านอย่าหุนหันไป ! ”
“ ใจเย็นๆก่อน ”
ด้วยการที่ทุกคนพูดขึ้นมานี้ อ้าวอู่เหยียนจึงใจเย็นขึ้นได้บ้าง สักพักเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆและควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อีกครั้ง
เขามองไปที่อู่โม่ที่ยืนขวางหน้าอ้าวเสี่ยวหร่านและพูดขึ้นมา “ พวกเจ้าสบายใจได้ ข้าไม่ทำร้ายนางหรอก ”
อู่โม่หัวเราะออกมา แต่สายตาของเขาก็ยังแสดงความสงสัยออกมา
“ นี่ไม่ต้องนับการที่นางเป็นสัตว์อสูรของเจ้าสำนักเลย ถึงจะไม่ใช่แต่ข้าก็ไม่ทำอะไรนางหรอก ” อ้าวอู่เหยียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ เจ้าคิดจริงๆหรือว่านางจะอ่อนแอเหมือนที่เห็นภายนอก ? ข้าบอกเลยว่านางแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้าอีก หากต้องสู้กันขึ้นมาจริงๆ คนที่เจ็บตัวคงไม่ใช่นางแต่เป็นข้าเอง ! ” แม้ว่าจะไม่รู้ระดับความแข็งแกร่งของอ้าวเสี่ยวหร่าน แต่อ้าวอู่เหยียนก็มั่นใจว่า อ้าวเสี่ยวหร่านแข็งแกร่งกว่าเขา แข็งแกร่งกว่ามากด้วย
แม้ว่าเขาจะใจร้อน แต่ใช่ว่าจะไม่มีหัวคิด เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ลงมือกับอ้าวเสี่ยวหร่าน
“ หร่านเอ๋อร์ แข็งแกร่งกว่าท่านรึ ? ” อู่โม่หันไปมองอ้าวเสี่ยวหร่านที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะมองไปที่อ้าวอู่เหยียน “ อาจารย์อ้าวอู่เหยียน ท่านคงพูดเล่น แต่มันไม่ตลกเลยแม้แต่น้อย ”
เซียวเหยียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ ท่านเป็นถึงยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลาง หากนางขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด อย่างมากสุดก็แค่ขั้นต่ำ นางจะแกร่งกว่าท่านได้ยังไง ? ”
ชัดแล้วว่าคำพูดของอ้าวอู่เหยียนนั้นไม่มีใครเชื่อเลย
“ ไม่มีใครเชื่อความจริงรึ ? ” อ้าวอู่เหยียนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขาถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ หากพวกเจ้าไม่เชื่อ พวกเจ้าก็ลองถามนางดูเอง มันจำเป็นด้วยหรือที่ข้าต้องมาโกหก ? ”
อู่โม่และคนอื่นๆตะลึง และพากันหันไปมองอ้าวเสี่ยวหร่านกันทันที
อ้าวเสี่ยวหร่านชี้ไปที่หน้าตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้น “ เขาเอาชนะข้าไม่ได้ ! ”
“ นี่ไม่น่าจะใช่การเผยความแข็งแกร่งหรอกนะ ? ” อ้าวเสี่ยวหร่านคิด นางไม่ลืมว่าตอนที่กลับมานั้น จางหยูได้กำชับว่าอย่าเผยความแข็งแกร่งออกมา
“ ตอนนี้พวกเจ้าเชื่อกันรึยัง ? ” อ้าวอู่เหยียนถอนหายใจออกมาและพูดต่อ “ เด็กนี่ดูไร้พิษภัยและยังดูน่ารัก แต่หากใครกล้ามองข้ามนาง งั้นต้องเสียหายอย่างมากแน่ ! ” ใครจะไปคิดว่าเด็กสาวที่ดูไร้พิษภัย กลับมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดได้ ?
หากอ้าวเสี่ยวหร่านไม่ใช้เคลื่อนย้ายพริบตามเข้ามาในห้องนี้ งั้นแม้แต่อ้าวอู่เหยียนก็อาจจะคิดว่านางเป็นแค่เด็กน้อยธรรมดา
อ้าวอู่เหยียนถอนหายใจและบอกกับอ้าวเสี่ยวหร่าน “ โชคร้ายที่เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน ไม่งั้นแล้ว…”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและปวดใจ หินไร้ลักษณ์, หินหมึกและหินอุกกาบาติที่ใหญ่แบบนั้น !
เผ่ามังกรคือเผ่าที่รวยที่สุดในโลก เผ่ามังกรสั่งสมความร่ำรวยแบบนี้มาหลายปี มันทัดเทียมกับความร่ำรวยที่ทวีปป่ามีทั้งหมดได้ แต่หินไร้ลักษณ์, หินหมึกและหินอุกกาบาตที่มีขนาดเท่ากับบ้านคนนั้น ก็ทำให้เผ่ามังกรด้อยไปเลย เมื่อคิดถึงสมบัติพวกนี้เมื่อไหร่ ก็ทำให้อ้าวอู่เหยียนปวดใจ
อู่โม่และคนอื่นๆเข้าใจความรู้สึกของอ้าวอู่เหยียน หลังจากที่รู้ค่าของหินไร้ลักษณ์ พวกเขาต่างก็รู้สึกเสียดายไม่น้อยไปกว่าอ้าวอู่เหยียน
“ ข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่ครั้งหน้าข้าจะให้ท่านพี่พาข้าไปที่นั่นอีกครั้ง ” อ้าวเสี่ยวหร่านรู้ว่าคนอื่นๆต่างก็ต้องการหินพวกนั้น นางหัวเราะออกมาและพูดขึ้น “ หากพวกเจ้าต้องการ ข้าจะเอามันกลับมาด้วย ”
อ้าวอู่เหยียนดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “ จริงรึ ? ”
“ ข้าให้แค่พี่อู่โม่กับคนอื่นๆ ” อ้าวเสี่ยวหร่านมองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยสายตาโกรธๆ “ ท่านแกล้งข้า ข้าไม่เอามาให้ท่านหรอก ! ”
อู่โม่และคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ พวกเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะได้ประโยชน์แบบนี้ เมื่อได้ยินที่อ้าวเสี่ยวหร่านพูดมา พวกเขาต่างก็มองไปที่อ้าวอู่เหยียนด้วยแววตาสงสาร
“ ไม่ ! ” อ้าวอู่เหยียนถึงกับยอมแพ้ “ เด็กน้อย ข้าผิดไปแล้ว ! ”
เขาพูดขึ้นมาอย่างลังเล “ ข้าไม่ได้รังแกเจ้า ข้าแค่หยอกเจ้าเล่น อย่าขี้งกไปหน่อยเลย ! ”
อ้าวเสี่ยวหร่านแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา “ ท่านรังแกข้าอีกแล้ว ท่านเรียกข้าว่าเด็กน้อย หากนี่ไม่ใช่การรังแกแล้วอะไรล่ะที่เป็นการรังแก ? ”
สีหน้าของอ้าวอู่เหยียนแข็งทื่อไป เขาฝืนยิ้มออกมาทันที “ คุณหนูหร่าน คุณหนูหร่าน น้องสาวสุดสวย ข้าขอร้องให้เจ้าเอาหินกลับมาให้ข้าที ข้าไม่อยากได้หินที่ใหญ่เท่าบ้านหรอก ตราบใดที่ใหญ่เท่าจานข้าก็พอใจแล้ว ! ”
เขาเคยคิดว่าตัวเองร่ำรวย !
แต่เมื่อเทียบกับอ้าวเสี่ยวหร่านแล้ว เขาไม่ต่างอะไรจากขอทานเลย !