ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 502 : ความสงสัย
ตอนที่ 502 : ความสงสัย
การเปิดเรียนใกล้เข้ามาทุกขณะ อาจารย์และศิษย์ของสำนักคังเฉียงเริ่มพากันกับมาที่สำนัก บรรยากาศในเมืองเริ่มดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ที่ลานภายในสำนักมักจะพบอาจารย์และศิษย์อยู่เสมอ ที่นั่นราวกับสวรรค์สำหรับการบ่มเพาะ มันทั้งเงียบสงบและมีความเป็นธรรมชาติที่ทำให้ผู้คนรู้สึกพอใจ
ตอนนั้นทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขราวกับว่าที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
ตลอดหลายวันมานี้ อ้าวอู่เหยียนมักจะออกเดินทางตั้งแต่เช้า ตอนแรกไปยังบ้านพักเพื่อเรียกอ้าวเสี่ยวหร่าน จากนั้นก็ไปที่เมืองทะเลทรายเพื่อไปเรียกอู่ซินซิน ก่อนจะพาไปกินอาหารอร่อยๆด้วยกันในเมือง การที่ได้กินของอร่อยและได้เล่นกับอ้าวเสี่ยวหร่านและอู่ซินซินนั้น มันน่าสนุกแค่ไหนไม่ต้องคิดเลย
อ้าวเสี่ยวหร่านและอู่ซินซิน เหมือนกับเด็กน้อยที่เดินตามหลังอ้าวอู่เหยียนตลอดทั้งวัน
อ้าวอู่เหยียนราวกับเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เขาพาอ้าวเสี่ยวหร่านและอู่ซินซินไปกินของอร่อยๆในเมือง ไม่ว่าจะถนนหรือตรอกพวกเขาก็ไปมาหมดแล้ว หลังจากนั้นเมืองทะเลทรายก็ไม่อาจจะทำให้อ้าวอู่เหยียนพอใจได้อีก เขาได้เสนอว่าให้ไปยังเมืองตงโจว แต่อ้าวเสี่ยวหร่านจำได้ว่า จางหยูกำชับกับนางว่าอย่าออกห่างจากสำนักเกินไป ดังนั้นนางจึงปฏิเสธ
เช้าวันต่อมา อ้าวอู่เหยียนได้ไปเรียกอ้าวเสี่ยวหร่านตั้งแต่เช้า ทั้งสองพูดคุยกันพร้อมเสียงหัวเราะที่ดังตามมา ก่อนที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปที่เมืองทะเลทรายเพื่อไปหาอู่ซินซิน
แต่ตอนที่พวกเขากำลังจะออกเดินทางนั้น ร่างของอ้าวเยว่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆพวกเขา
“ ท่านน้า ! ” อ้าวอู่เหยียนแปลกใจและพูดขึ้นมา“ ท่านกลับมาแล้ว ! ”
เขาไม่ได้เจออ้าวเยว่มานาน อีกฝ่ายมักจะทำตัวลึกลับและออกเดินทางไปในป่าหวงหยวน การได้พบกับน้าของเขาแน่นอนว่าทำให้เขาดีใจ
อ้าวเยว่ดูหน้าซีดไปเล็กน้อย นางมองไปที่อ้าวอู่เหยียนและพูดขึ้นมา “ เจ้ารู้หรือไม่ว่าฐานะของเจ้าคืออะไร ? ระดับการบ่มเพาะของเจ้าไม่ได้พัฒนาขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เจ้ายังจำฐานะของตัวเองได้หรือไม่ ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าแบกรับอะไรอยู่ ? ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น อ้าวอู่เหยียนก็รู้สึกละอายขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน
“ นางเป็นใครกัน ? ” อ้าวเยว่มองไปที่อ้าวเสี่ยวหร่าน และถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมย
เมื่อเห็นว่าอ้าวเยว่ไม่ได้ดุอะไรตัวเองต่อ อ้าวอู่เหยียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะรีบแนะนำ“ นี่คืออ้าวเสี่ยวหร่าน นางเป็นสัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญากับเจ้าสำนัก ” อ้าวอู่เหยียนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ ข้าถือว่านางเป็นน้องสาว ตอนที่เจ้าสำนักกลับมา ข้าจะพานางไปยังเกาะมังกร…ข้ารับปากแล้วว่าจะพานางไปกินอาหารของเผ่ามังกร ”
อ้าวเยว่แสดงสีหน้าเย็นชาออกมาทันที“ น้องสาว ?อ้าวอู่เหยียน เจ้าช่างปีกกล้าขาแข็งนัก เรื่องใหญ่แบบนี้ ใครให้เจ้าตัดสินใจเอาเอง? ”
ฐานะน้องสาวขององค์รัชทายาทเผ่ามังกร ใช่ว่าจะยกให้กับใครได้ง่ายๆ !
“ แต่หร่านเอ๋อร์เป็นสัตว์อสูรที่ทำพันธะสัญญากับเจ้าสำนัก นางมีสิทธิ ! ” อ้าวอู่เหยียนเถียงขึ้นมา “ ยิ่งกว่านั้น หร่านเอ๋อร์ก็แข็งแกร่ง….”
อ้าวเยว่ขัดขึ้นมา “ พอแล้ว ! ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดไร้สาระของเจ้า ! ”
แม้ว่าท่าทีของนางจะเย็นชา แต่นางก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ซ้ำอีก “ น้องสาวเจ้าเป็นใครข้าไม่สน แต่การที่เจ้าเอาแต่เที่ยวเล่นแบบนี้ ช่างน่าผิดหวังเสียจริง !อ้าวอู่เหยียน เจ้ายังอยากจะเป็นองค์รัชทายาทเผ่ามังกรอีกหรือไม่ ? หากไม่อยาก ข้าจะกลับไปบอกพ่อของเจ้าเพื่อเลือกลูกคนอื่นมา เจ้าจะได้ไม่ต้องมาคอยถ่วงเผ่ามังกร ! ”
อ้าวอู่เหยียนก้มหน้าโดยไม่อาจจะเถียงอะไรกลับไปได้
อ้าวเสี่ยวหร่านอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ ท่านพูดแบบนั้นกับท่านพี่ไม่ได้ ! ”
“ ข้าจะพูดกับเขายังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า ? ” แม้จะรู้ว่าอ้าวเสี่ยวหร่านเป็นสัตว์อสูรของเจ้าสำนัก แต่อ้าวเยว่ก็ไม่ได้ไว้หน้าอีกฝ่าย อ้าวอู่เหยียนสนใจแต่เรื่องอื่น ไม่ได้ก้าวหน้าในการบ่มเพาะเลย อ้าวเสี่ยวหร่านก็มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้
“ ท่าน…ท่านเป็นผู้หญิงไม่ดี ! ฮึ่ม ! ” อ้าวเสี่ยวหร่านฮึดฮัดออกมา
“ หร่านเอ๋อร์ อย่าทำตัวไม่เคารพท่านน้า ! ” อ้าวอู่เหยียนเปลื่ยนสีหน้าไป และบอกกับอ้าวเสี่ยวหร่าน“ ท่านน้าแค่หวังดีกับข้า ! ”
อ้าวเยว่ยักคิ้วและมองไปที่อ้าวอู่เหยียน “ เด็กน้อย เจ้าคงสับสนไม่พอสินะ ”
อ้าวอู่เหยียนยิ้มและพูดขึ้นด้วยท่าทีเด็ดขาด “ ท่านน้า ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านหมายถึงอะไร ท่านสบายใจได้ ข้าจะใช้เวลาในการบ่มเพาะให้มากกว่าเดิม และจะไม่ทำให้ท่านกับท่านพ่อต้องผิดหวัง หร่านเอ๋อร์เป็นแค่เด็ก หากมันมีอะไรผิดพลาด ท่านน้าโปรดให้อภัยนางด้วย ”
“ ข้าไม่คิดใส่ใจเด็กน้อยหรอก ” อ้าวเยว่พูดด้วยท่าทีเฉยชา“ จำที่เจ้าพูดเอาไว้ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำตัวไร้สาระอีกในอนาคต เจ้าเป็นถึงองค์รัชทายาทของเผ่ามังกรที่น่าเคารพ ภาพลักษณ์ของเผ่า ข้าไม่อยากให้มันถูกทำลายด้วยมือของเจ้า…”
“ ข้าจะจำเอาไว้ ! ” อ้าวอู่เหยียนตอบกลับด้วยความเคารพ
หลังจากที่อยู่กับอ้าวเยว่มานาน อ้าวอู่เหยียนก็พอรู้วิธีรับมือกับอ้าวเยว่ ซึ่งก็คือ….ก้มหน้ายอมรับ ไม่ว่าอ้าวเยว่จะพูดดูหมิ่นเขาแค่ไหนก็ตาม แต่ตราบใดที่เขารับฟังก็พอแล้ว แต่หากเขาเถียงอ้าวเยว่และไม่คิดฟังคำสั่งสอน ผลลัพธ์ที่จะตามมาคงน่าอนาถ
อ้าวเยว่พยักหน้าอย่างพอใจและมองไปที่อ้าวอู่เหยียนก่อนจะพูดขึ้น“ เจ้าเที่ยวเล่นยังไงข้าไม่สน แต่เจ้าต้องบ่มเพาะ 3 เวลาต่อวัน อย่าคิดเกียจคร้าน ข้าจะตรวจสอบเจ้า หากพบว่าเจ้าเกียจคร้าน ข้าจะให้พ่อของเจ้าและคนอื่นมาสั่งสอนเจ้า หากข้าทำไม่ได้ก็คงต้องให้คนอื่นมาทำแทน ! ”
อ้าวอู่เหยียนตัวสั่นและรีบพูดขึ้นมา“ ข้าจะรับฟังการสั่งสอนจากท่านน้า ! ”
“ งั้นข้าจะรอดู ! ” -อ้าวเยว่ฮึดอัดออกมาและไม่คิดจะด่าอ้าวอู่เหยียนต่อ นางใช้เคลื่อนย้ายออกจากที่นั่นทันที
เมื่ออ้าวเยว่ไปจากที่นั่นสักพัก อ้าวอู่เหยียนถึงได้เงยหน้าขึ้นมาปาดเหงื่อที่หน้าผาก และพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ ท่านน้าอารมณ์ร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ! ”
“ ท่านพี่ ทำไมต้องห้ามข้าด้วย ? “ อ้าวเสี่ยวหร่านแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา“ ข้าไม่ได้กลัวนาง ท่านไม่จำเป็นต้องขอให้นางยกโทษให้ข้า ! ”
อ้าวอู่เหยียนมองไปที่อ้าวเสี่ยวหร่านและถอนหายใจออกมา “ ข้ารู้ว่าเจ้าน่ะน่าทึ่งแต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านน้าแข็งแกร่งแค่ไหน ? นางเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด ! ทั้งโลกป่าแห่งนี้นางคือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุด ! ”
อ้าวเสี่ยวหร่านไม่ได้สนใจ “ แล้วยังไง ข้าไม่ได้กลัวนางสักหน่อย ! ”
“ ข้ารู้ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าอาจจะไม่ได้ด้อยกว่าท่านน้า แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคู่มือท่านน้าได้ ” อ้าวอู่เหยียนส่ายหน้า “ เจ้าอายุเท่าไหร่กัน ? ประสบการณ์ในการต่อสู้มีมากเท่าไหร่ ? หากเทียบกับท่านน้าล่ะ ? นางผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน หากต้องสู้กันจริงๆ เจ้านี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัว ! ”
อ้าวเสี่ยวหร่านพูดขึ้นมาอย่างกังวล“ ไม่ ระดับการบ่มเพาะของข้า …”
เมื่อพูดถึงจุดนี้อ้าวเสี่ยวหร่านก็หยุด นางต้องการจะบอกว่าระดับการบ่มเพาะของนางสูงกว่าอ้าวเยว่ และนางสามารถเอาชนะอ้าวเยว่ได้ แต่นางจำได้ว่ารับปากกับจางหยูเอาไว้แล้ว ว่าจะไม่เปิดเผยความแข็งแกร่งออกมา
การที่อยากจะพูดแต่พูดได้มันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัด
“ เอาล่ะ หร่านเอ๋อร์ ท่านน้าหวังดีกับข้า ท่าทีของนางอาจจะดูดุร้ายไปหน่อยแต่หากเจ้าได้พบกับนางบ่อยๆ เจ้าจะเข้าใจเอง ” อ้าวอู่เหยียนยิ้มออกมา“ อย่ามองแต่ด้านดุร้ายของนาง หากมีใครที่กล้ารังแกข้า นางน่ะจะโกรธยิ่งกว่าใคร ในโลกนี้นอกจากท่านพ่อของข้าแล้ว ก็มีท่านน้านี่แหละที่ห่วงข้าที่สุด ดังนั้นเจ้าต้องเคารพนางเอาไว้ อย่าโกรธนาง ”
อ้าวเสี่ยวหร่านกระพริบตา“ จริงรึ ? ”
“ ฮาฮา…แน่นอนว่าเป็นความจริง ! ” อ้าวอู่เหยียนหัวเราะออกมา
“ งั้น…ข้าจะทำดีกับนาง ” อ้าวเสี่ยวหร่านลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจ “ ตอนที่ท่านพี่พาข้าไปที่ที่ท่านพี่บ่มเพาะ ข้าจะเอาหินกลับมาให้นางด้วย ”
….
ที่เขตกลางภายในสมาคมนักวางค่ายกล
ยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่นั่น ราชาสัตว์อสูรเก็บตัวพักฟื้นอยู่ที่ภูเขาข้างๆสมาคมนักวางค่ายกล
ลั่วซู่หยางนั่งอยู่บนบัลลังก์ภายในห้องโถง เขาหลับตาเพื่อทำการฟื้นฟูตัวเอง
คนที่เหลือเองก็นั่งตามที่นั่งต่างๆทำการบ่มเพาะ
แม้จะมีคนมากมายอยู่ในห้องโถงแต่ที่นั่นกลับเงียบสนิท แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังเบา ที่นี่เงียบจนดูน่าวังเวง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน อยู่ๆก็มีเสียงลมพัดเข้ามาจากด้านนอกและมีเสียงเท้าดังขึ้นมา
หงยู่หัวหน้าสมาคมนักวางค่ายกลได้เดินเข้ามาภายในห้องโถง เขามุ่งหน้าไปหาลั่วซู่หยางทันที
ตอนนั้นทุกคนในห้องโถงต่างก็ลืมตาขึ้นและมองไปที่หงยู่
“ เจ้าพบแล้วรึ ? ” ลั่วซู่หยางถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หงยู่โค้งให้และตอบกลับด้วยท่าทีเคารพ “ ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เมื่อ 6,000 ปีก่อน เขตกลางนี้มีคนที่ชื่ออ้าวอู่ซูกว่า 15,063 คน แต่ส่วนมากเป็นแค่คนธรรมดา คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอยู่แค่ขอบเขตหลิงซวน ไม่มีใครที่เหมือนกับที่ราชาสัตว์อสูรได้บอกไว้เลย ”
ลั่วซู่หยางคิ้วขมวดและถามต่อ“ เจ้าไปตรวจสอบที่ฝั่งจักรวรรดิฉินรึยัง ?”
จักรวรรดิฉินคือจักรวรรดิที่ใหญ่ และมีลูกหลานของเผ่ามังกรอยู่ที่นั่น พวกนั้นมีสายเลือดของมังกรอยู่ในตัว พวกนั้นใช้แซ่อ้าวเพราะสายเลือดที่มีในตัว พวกนั้นก็ดูน่าสงสัย
หงยู่พยักหน้าและพูดขึ้น “ ข้าตรวจสอบแล้ว ตระกูลอ้าวให้การร่วมมือเป็นอย่างดี แม้แต่บันทึกก็ให้เราตรวจสอบแต่มันกลับไม่มีใครที่ชื่ออ้าวอู่ซูเลย…”
“ แปลก เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน..” ลั่วซู่หยางสับสนอย่างมาก “ ตั้งแต่โบราณมายอดฝีมือระดับสูงสุดแทบทั้งหมดกำเนิดขึ้นนมาในเขตกลาง มีข้า, เซียนโอสถ, เซียนอักษร, เซียนหลอม,เซิงเป่ยซิ่วและคนอื่นๆ แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่ แต่ก็มีแค่ไม่กี่คนที่ไม่ได้อยู่ในเขตกลาง เมื่ออ้าวอู่ซูเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางมาหลายปี เขาต้องเป็นคนจากเขตกลาง แต่ทำไมถึงหาข้อมูลของเขาไม่พบ? ”
ในความเห็นเขาแล้ว แม้ว่าจะหาข้อมูลทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็น่าจะมีเบาะแสอยู่บ้าง
แต่อ้าวอู่ซูผู้นี้ราวกับไข่ที่ซ่อนอยู่ในหิน แม้ว่ากองกำลังต่างๆจะร่วมมือกันแต่ก็ไม่อาจจะหาข้อมูลอะไรได้
“ ช่างเถอะ หากเจ้าหาไม่เจอก็ไม่ต้องเสียเวลาไปตรวจสอบมัน ” ลั่วซู่หยางเงียบไปก่อนจะถอนหายใจออกมา “ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องปกป้องสุสานศักดิ์สิทธิ์ ”
เขาโบกมือให้กับหงยู่ และพูดต่อ“ เจ้าไปได้ ”
หงยู่ไม่ได้กลับไปทันที เขาโค้งและพูดขึ้นมา“ ท่านเซียน แม้ว่าเราจะหาข้อมูลเกี่ยวกับอ้าวอู่ซูไม่พบ แต่คนในเขตตะวันออกก็พบข้อมูลที่มีประโยชน์ ”
“ หือ ? ข้อมูลอะไร ว่ามา ! ” ลั่วซู่หยางสนใจขึ้นมาทันที
“ เราพบผู้กลายพันธุ์ที่เขตตะวันออกและ…” หงยู่สูดหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าเขาดูเคร่งเครียด “ พวกนั้นกำลังลักพาตัวอัจฉริยะ ! ตามที่คนเขตตะวันออกรายงานมา มันมีผู้กลายพันธุ์หลายคนที่ออกตามหาตัวอัจฉริยะ เมื่อพวกนั้นถูกพบก็จะถูกจับตัวไปทันที ! ตอนนี้มันมีอัจฉริยะกว่าสิบคนแล้วที่หายตัวไป และทุกคนต่างก็มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน ทุกคนอายุต่ำกว่า 100 ปีและระดับการบ่มเพาะพอๆกัน ซึ่งสูงกว่าคนทั่วไป…”
ลั่วซู่หยางตะลึง “ พันธมิตรกลายพันธุ์วางแผนอะไรอยู่กัน ?”
ระหว่างนี้สุสานของสมาคมใหญ่สงบอย่างมาก พวกเขาไม่ได้ข่าวเรื่องการโจมตีสุสานเลย พวกเขาคิดว่าพันธมิตรกลายพันธุ์หยุดมือแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าพันธมิตรกลายพันธุ์จะออกตามหาตัวอัจฉริยะแบบนี้
ยอดฝีมือระดับสูงสุดคนที่เหลือต่างก็คิ้วขมวดและคิดหนัก พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมพันธมิตรกลายพันธุ์ถึงได้ออกตามหาตัวอัจฉริยะ หรือว่าอัจฉริยะพวกนี้มีอะไรพิเศษรึไง