ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 511 : อาจารย์หญิง
ตอนที่ 511 : อาจารย์หญิง
อ้าวเยว่เดินทางต่อโดยไม่หยุดพัก ไม่นานนางก็เข้าไปถึงเขตกลางได้ และมุ่งหน้าไปที่สมาคมนักวางค่ายกล หลังจากนั้นไม่นานนางก็ไปถึงที่หมาย
“ ยอดฝีมือระดับสูงสุดเยอะจริงๆ” ตอนที่มาถึงสมาคมนักวางค่ายกล อ้าวเยว่ก็รับรู้ได้ถึงพลังของยอดฝีมือระดับสูงสุดหลายคน
ในเวลาเดียวกัน นางก็แผ่การรับรู้ออกไปและรับรู้ได้ถึงตําแหน่งของเฉินกได้ “เฉินกูก็อยู่ที่นี้ด้วย”
ตอนที่นางแผ่การรับรู้ออกไป เฉินกูก็รับรู้ถึงการมาของนางได้เช่นกัน เขาเบิกตากว้างและใช้เคลื่อนย้ายพริบตาไปที่สมาคมนักวางค่ายกลทันที “ อาจารย์อ้าวเยว่ ”
อ้าวเยว่พบว่าพลังของเฉินกูอ่อนแอลงเล็กน้อย นางคิ้วขมวดและถามขึ้นมา “ เจ้าบาดเจ็บรึ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินกูก็ยิ้มออกมาอย่างขมขึ้น “ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรู้เร็วแบบนี้ ใช่ ข้าบาดเจ็บมา ไม่นานมานี้ผู้กลายพันธุ์ปรากฏตัวขึ้นทางใต้ ทางใต้มีคนนับร้อยล้านคนที่ต้องตายรวมไปถึงสัตว์อสูรด้วย ข้าต้องการไปสืบข่าวของพันธมิตรกลายพันธุ์ และได้เข้าไปเจอกับพวกผู้กลายพัน ธุ์ สุดท้ายข้าก็หนีมาแต่ก็อยู่ในสภาพที่เจ้าเห็นตอนนี้”
“ พันธมิตรกลายพันธุ์” อ้าวเยว่แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา นางถามขึ้น “ ด้วยความ แข็งแกร่งของเจ้าแล้ว เจ้าเอาชนะพวกมันไม่ได้ ? มันมียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดในพันธ มิตรกลายพันธุ์รี ? ”
ยอดฝีมือระดับสูงสุดแปลกใจ เขาไม่คิดว่าอ้าวเยว่จะรู้เกี่ยวกับพันธมิตรกลายพันธุ์และเหมีอนจะรู้มาเยอะด้วย
เขาส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ ข้าไม่ได้เจอกับยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด แต่ข้าเจอกับกลุ่มยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง, กลางและต่ําเกือบ 30 คน…พวกอื่นๆก็ยังมีอีกเยอะ แม้แต่ข้าก็ไม่กล้าที่จะสู้กับพวกนั้นโดยตรง แน่นอนข้าเฉินกูไม่ได้กลัวกับการต่อสู้นี้ แม้ว่าข้าจะบาดเจ็บมา แต่ข้าก็ฆ่ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นต่ําไปได้หลายคน…”
ต่อหน้าอ้าวเยว่ เฉินกูไม่อาจจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้
“ เจ้ามั่นใจหรือว่ามีแค่กลุ่มยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูง, กลางและต่ําเท่านั้น ไม่มียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด ? ” อ้าวเยว่เหมือนจะไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของเฉินกู แต่กลับถามเรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแทน
เฉินกูชะงักและพยักหน้าตอบรับ “ ใช่ ข้ามั่นใจเรื่องนี้”
ตอนนั้นหากเขาไม่ได้สนใจความปลอดภัยของตัวเอง และฝืนจัดการกับอ้าวอู่ซู อ้าวอู่ซูคงไม่อาจจะหนีได้
หากพันธมิตรกลายพันธุ์มียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด เขาไม่คิดว่าอ้าวอู่ซูจะปกปิดยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดเอาไว้ และเผชิญหน้ากับเขา
เฉินกูเงียบไปเหมือนจะคิดบางอย่างและพูดต่อ “ แน่นอนที่ข้าพูดถึงนี้คือไม่กี่วันก่อน สําหรับตอนนี้นั้น…” น้ําเสียงของเขาดูไม่มั่นใจ “ ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วนี้น่าทึ่งมาก ข้ารับรองไม่ได้ว่าพวกเขาจะไม่มียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด…”
ความเร็วในการเติบโตของพันธมิตรกลายพันธุ์ทําให้เฉินกหวั่นใจ
ตอนนั้นลั่วซูหยางที่อยู่ในห้องโถงก็รับรู้ถึงการมาของผู้บุกรุกจากค่ายกลที่ตั้งเอาไว้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและตะโกนออกมาทันที “ ใครกัน !”
ต่อมาร่างของลั่วซูหยางก็หายไปจากห้องโถงโผล่มาที่ท้องฟ้า
ยอดฝีมือระดับสูงสุดหลายคนในห้องโถง พากันกังวลและรีบตามลั่วซ่หยางไปทันที
“ กลับเป็น อาจารย์อ้าวเยว่นเอง” ลั่วซ่หยางเห็นการมาถึงของอ้าวเยว่ ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ อาจารย์อ้าวเยว่ ข้าเชื่อว่าท่านคงสบายดีตั้งแต่ที่พบกันครั้งที่แล้ว !”
คนที่เหลือต่างก็มองอ้าวเยว่ด้วยความแปลกใจ ระดับการบ่มเพาะและพลังของอีกฝ่ายนั้นพวกเขาไม่อาจจะมองออกได้
ท่าทีของถั่วซ่หยางนั้นดูเหมือนจะ…ทั้งเคารพและประจบอีกฝ่าย
อ้าวเยว่มองไปที่ลั่วซูหยาง แต่ไม่ได้ทักทายอะไรกลับ นางมองไปที่เฉินกูแล้วพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ ไปที่เขตใต้กับข้า ! ”
“ นี่” เฉินกูลังเล ไปเจอกับพันธมิตรกลายพันธุ์รี ? มันเป็นเรื่องแย่ เขาไม่ต้องการจะเสี่ยง
“ ฮัม ! “อ้าวเยว่แสดงท่าที่ไม่พอใจออกมา
“ ข้าปฏิเสธแล้วหรือไง ? ทําไมเจ้าต้องแสดงท่าทีแบบนี้ออกมาด้วย ? ” เฉินกูคิ้วขมวดเขา รู้จักนิสัยอ้าวเยว่อยู่แล้ว เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้แต่น้อย เขาแค่รู้สึกอึดอัดและกระอักกระอ่วน การถูกดูหมิ่นแบบนี้โดยเฉพาะจากผู้หญิง ใครกันจะใจเย็นอยู่ได้ ?
ถั่วพู่หยางได้แต่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆไม่ได้สนใจการที่ถูกมองข้ามเลย
ต่อหน้ายอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดสองคน เขาที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางไม่ได้มีค่าอะไรเลย
ฉินอู่ตี้และยอดฝีมือระดับสูงสุดคนอื่นๆต่างก็ตะลึง ผู้หญิงคนนี้กล้าด่าราชาสัตว์อสูรราวกับเป็นมดปลวก ที่พวกเขาอึ้งกว่านั้นก็คือ เฉินกูกลับไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย มันน่าเหลือเชื่อ
“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปกับข้า ” อ้าวเยว่พูดขึ้นมา “ เจ้าจะได้พิสูจน์ว่าเจ้าไม่ได้ขี้ขลาด !”
หากเขาไม่ไป เขาก็ถือว่าเป็นคนขี้ขลาด นางคิดแบบนั้น
เฉินกูเงียบก่อนจะถอนหายใจออกมา “ เมื่ออาจารย์อ้าวเยว่เชิญข้าไปด้วย ข้าก็จะไปด้วย” ภายนอกเขาเหมือนจะถูกบังคับ แต่อันที่จริงแล้วเขาวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็นอยู่ ในอนาคตแม้ว่าอ้าวเยว่จะไม่พูดเรื่องนี้ออกมา แต่เขาก็จะชวนอ้าวเยว่ไปที่เขตใต้อยู่ดี
ความแข็งแกร่งของพันธมิตรกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เขาไม่รู้อะไรเลย การได้แต่รอ” องกันนี้ไม่เข้ากับนิสัยของเขา
อ้าวเยว่เต็มใจที่จะไปที่นั่นโดยที่เขาไม่ได้ร้องขอด้วย
ตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขากับอ้าวเยว่แล้ว แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับพันธมิตรกลายพันธุ์ แต่มันก็เพียงพอที่จะลดทอนกองกําลังของพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ !
“ หากเจ้าไม่ต้องการให้มันสายเกินไป ก็ไปกันได้แล้ว” เฉินกูราวกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เมื่อเขาตัดสินใจแล้วเขาก็ไม่คิดจะรีรอ
ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสองไม่ได้สนใจคนอื่นๆโดยรอบเลย
แต่ทุกคนไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย พวกเขากลับตื่นเต้นขึ้นมาแทน
หากพวกเขาไม่รู้ระดับของอ้าวเยว่ พวกเขาจะไม่ถือว่าเป็นคนโง่หรือไง ?
ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดสองคน ร่วมมือกันจัดการกับพันธมิตรกลายพันธุ์ แน่ นอนว่าเป็นข่าวดีที่สุดที่พวกเขาได้รับมา !
ด้วยการที่มียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดสองคนนี้ พันธมิตรกลายพันธุ์ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอีกต่อไป ความกดดันที่พวกเขาได้รับมาเหมือนจะหายไป มันทําให้พวกเขาได้พักหายใจกันอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็ตื่นเต่ําราวกับได้เห็นความหวัง ในการอยู่รอดของมนุษย์และสัตว์อสูร !
นอกจากลั่วซูหยางแล้ว ก็ยังมีชายแก่คนหนึ่ง แม้เขาจะดูตื่นเต้นจนตัวสั่น แต่ความตื่นเต้นของเขานั้นต่างจากคนอื่นๆ
ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฝางมู่ !
“ ผู้อาวุโสฝางมู่ ท่านเป็นอะไรไป ? ” หยางเพ้ยอันที่มักจะสังเกตคนรอบตัว เมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของฝางมู่จึงถามขึ้นมา
เสียงของหยางเพ้ยอันนั้นเบา หากไม่ตั้งใจฟังคงยากที่จะได้ยินได้ มีแค่รั่วซูหยางและฝางมู่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเท่านั้นที่จะได้ยิน
เมื่อได้ยินคําถามนั้น ถั่วซูหยางก็มองไปที่ฝางมู่ด้วยสีหน้าสงสัย “ ผู้อาวุโสฝางมู่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ? ”
พวกเขาต่างก็คิดว่าเสียงของพวกเขาเบาแล้ว คนนอกไม่อาจจะได้ยินได้ แต่อันที่จริงอ้าวเยว่และเฉินกูได้ยินมันอย่างชัดเจน โดยที่ฉินอู่ตีและคนอื่นๆไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“ ฝางมูรี ? ” อ้าวเยว่ยักคิ้วและมองไปที่สั่วซูหยาง เมื่อมองไปทางนั้น นางก็พบชายแก่ที่ยืนอยู่ด้านหลังล้่วซู่หยาง
ทันใดนั้นร่างกายของนางก็แข็งที่อไป เฉินกูที่อยู่ข้างๆเห็นท่าที่ผิดปกติของนาง หลังจากที่ได้พบกับอ้าวเยว่มานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่านางไม่อาจะควบคุมตัวเองได้ มันไม่เหมือนกับผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกรที่เขารู้จัก เขาแปลกใจอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าอ้าวเยว่จะมีท่าทีแบบนี้ด้วย เขายิ่งสงสัยมากกว่าเดิมว่าฝางมู่กับอ้าวเยว่เกี่ยวข้องกันยังไง ถึงทําให้อ้าวเยว่ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ ?
ฝางมู่มองไปที่อ้าวเยว่ด้วยความตื่นเต้น และพูดขึ้นมาด้วยความเคารพ “ ศิษย์ฝางมู่ ขอคํานับอาจารย์หญิง !”
“ เสี่ยวมู่ ” อ้าวเยว่เงียบอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นมา “ เจ้าสบายดีหรือไม่ ? ”
น้ําเสียงของนางอ่อนโยน สายตาที่นางมองไปที่ฝางมู่ ต่างจากสายตาเย็นชาที่มองคนอื่นๆ มันราวกับมองดูลูกหลานของตัวเอง ภาพลักษณ์นี้ตัดกันกับภาพลักษณ์ปกติของนางอย่างมาก
สิ่งที่แปลกที่สุดคือฝางมู่นั้นแก่กว่านาง แต่นางกลับเรียกฝางมู่เหมือนกับเด็กน้อย แต่มันไม่เหมือนการดูหมินอีกฝ่ายเลย
ฝางมู่เงียบอยู่นานพร้อมกับความทรงจําในอดีตที่พรั่งพรูออกมา เขาตาแดงก่ําราวกับเด็กน้อยและพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงเศร้าๆ “ ศิษย์สบายดี ไม่ต้องกังวลข้าแค่คิดถึงท่านกับอาจารย์ ” ฝางมู่เงียบไปชั่วครู่และถามต่อ “ ใช่สิ ศิษย์น้องข้าล่ะ ? เขาสบายดีหรือไม่ ? ทําไมเขาถึงไม่มากับท่านด้วย ? ”
อ้าวเยว่ใจสั่น สายตาของนางแสดงความเศร้าออกมา นางอดกลั้นความโศกเศร้าของตัวเองไว้และทําท่าใจเย็น “ ศิษย์น้องของเจ้า เขาตายแล้ว ตายไปเมื่อหลายพันปีก่อน”
สีหน้าของฝางมู่เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาแดงก่ํายิ่งกว่าเดิม “ ใคร ใครกันที่ฆ่าศิษย์น้อง ! ศิษย์คนนี้จะไปฆ่ามันเพื่อแก้แค้นให้กับศิษย์น้องเอง !”
ศิษย์น้องของเขาคือลูกชายเพียงคนเดียวของอาจารย์และอาจารย์หญิง มันคือสายเลือดสุดท้ายที่อาจารย์เขาทิ้งไว้ในโลกนี้ ใครกันที่กล้าถึงกับฆ่าศิษย์น้องของเขา ?
“ ไม่มีใครฆ่าเขา เขาฆ่าตัวตาย” อ้าวเยว่พูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน แต่นางสะกดความเศร้าและความเจ็บปวดเอาไว้ และแสดงท่าที่ใจเย็นออกมา
“ ไม่เป็นไปไม่ได้ ศิษย์น้องจะฆ่าตัวตายได้ยังไง ? อาจารย์ ท่านโกหกข้าสินะ ?” ฝางมู่ไม่อาจจะรับความจริงเรื่องนี้ได้ เขาไม่อาจจะเชื่อได้ ศิษย์น้องที่มากความสามารถและมีพรสวรรค์จะ ฆ่าตัวตายได้ยังไง
เขาไม่กล้าจะคิดว่า เมื่อไม่มีอาจารย์, ไม่มีศิษย์น้อง แล้วอ้าวเยว่จะเศร้าเสียใจมากแค่ไหน ?
อ้าวเยว่จะใช้เวลาตลอดมานี้ยังไง ?
ความเจ็บปวดแบบนี้ แค่คิดก็ราวกับมีดที่มแทงหัวใจแล้ว
ฝางมู่เงยหน้าขึ้น และหลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดขึ้นมา “ อาจารย์ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน ? ทําไมศิษย์น้องถึงได้ฆ่าตัวตาย ? เผ่ามังกร ทําไมถึงได้ขับไล่ข้าตอนที่เห็นข้า ? ตลอดหลายสิบปีมานี้ ข้าไปที่เกาะมังกรมาหลายสิบครั้ง แต่ขากลับ ถูกไล่ออกมาแม้แต่ท่าน ข้าก็ยังไม่มีโอกาสได้พบ..ทําไมกัน ? ”
หากไม่ใช่เพราะถูกเผ่ามังกรไล่ออกมา บวกกับการที่ไม่ได้พบกับอ้าวเยว่ เขาคงไม่ยอมทิ้งโลกและเลือกเก็บตัวในการบ่มเพาะแทน
ความคิดของเขาในตอนนั้นคิดแค่ว่าอ้าวเยว่ผิดหวังในตัวเขาที่บ่มเพาะมาหลายปี แต่กลับขึ้นไปถึงแค่ขอบเขตตุ้นซวนและทําให้นางอับอาย ดังนั้นนางจึงให้เผ่ามังกรขับไล่เขาออกมา และไม่อยากจะเจอเขา หรือให้ศิษย์น้องได้พบเขาอีก
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ทุกอย่างเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้
อ้าวเยว่ตาแดงขึ้นมานิดๆ ใบหน้าของนางแสดงความเจ็บปวดและโศกเศร้าออกมา
ไม่ใช่แค่นางไม่ตอบคําถามของฝางมู่ทันที นางยังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ นางมองไปรอบๆและพบว่าสายตาของทุกคนจับต้องมาที่นาง นางพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงเย็นชา “ มองกันพอหรือยัง ? ”
“ อีก…งั้นพวกเจ้าคุยกันต่อเถอะ ” เฉินกูยิ้มออกมา “ ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว “
หลังจากนั้นเฉินกูก็ใช้เคลื่อนย้ายออกจากที่นั่นไป
ลั่วหยาง,หยางเพ้ยอัน, ชุยเจียนและคนอื่นๆต่างก็อึ้งกับแรงกดดันนี้ พวกเขา พากันรีบออกจากที่นั่นกันทันที
แต่ทุกคนต่างก็ตะลึงกับคําพูดที่ได้ยินมา “อ้าวเยว่กลับเป็นภรรยาของท่านเบี้ยหลง !”
นี่คือข่าวใหญ่ที่เพียงพอทําให้ทั้งทวีปปาสั่นคลอนได้ !
ข่าวนี้น่าตกใจยิ่งกว่าข่าวที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับพันธมิตรกลายพันธุ์ในตอนแรกด้วยซ้ํา !