ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 232 สืบสาวเท้าความ
บทที่ 232
สืบสาวเท้าความ
หลังจากที่สองสามีภรรยาสกุลหลิวพูดคุยกับลู่จุ้นอยู่พักนึง ก่อนที่ลู่จุ้นจะขอตัวลากลับ ทั้งสองก็ได้ขอบคุณลู่จุ้นอีกครั้งด้วยความปีติยินดี
“ท่านลู่จุ้นรักษาตัวด้วย” จ้าวสกุลหลิวกล่าวขึ้น พร้อมส่งจอมยุทธ์ผู้มีคุณถึงหน้าประตูด้วยตัวเอง
เมื่อลู่จุ้นกลับมาถึงหอการค้าหยูเย่ ลู่จุ้นก็ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เย่เย่ฟัง และทำหน้าที่ของตนตามปกติ
การมาเยือนของทัณฑ์สวรรค์ทำให้เย่เย่หวั่นใจไม่น้อย เขาทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝน ตราบใดที่ตงหมิงหยูยังอยู่ในหวางตู้ เขาก็ไม่อาจวางได้แม้แต่เสี้ยววินาที
ในขณะเดียวกัน ปรมาจารย์ทัณฑ์สวรรค์ตงหมิงหยูก็ได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิเหิงและพระมเหสีเจียงเหยียนที่พระราชวัง
“ข้าได้ข่าวว่าท่านได้ประลองกับเย่เย่มาแล้วสินะ นึกไม่ถึงนอกจากที่มันจะสังหารผู้อาวุโสของข้าไปถึงสาม มิหนำซ้ำยังบังอาจลงไม้ลงมือกับท่านตงอีกงั้นรึ!?” มเหสีเจียงทุบโต๊ะลุกขึ้นพูดด้วยความเจ็บแค้น
“เย่เย่ผู้นี้มีความบาดหมางกับสกุลเจียงด้วยงั้นรึ?” ตงหมิงหยูถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
เมื่อตงหมิงหยูถามขึ้น มเหสีเจียงจึงสบโอกาสชักนำทัณฑ์สวรรค์ให้ทำลายศัตรูคู่อาฆาตของนาง
“ใช่แล้ว! หยามเกียรติสกุลเจียงเท่ากับหยามพระเกียรติองค์จักรพรรดิ คนเยี่ยงนี้ไม่สมควรปล่อยไว้!”
แม้พระมเหสีเจียงจะปรักปรำเย่เย่สักแค่ไหน ตงหมิงหยูก็รอบคอบเกินกว่าที่จะคล้อยตามได้ง่ายๆ
“ถ้าข้าบอกว่าที่หอการค้าหยูเย่ขายสินค้า โอสถและศาสตราวุธโบราณที่แม้แต่คนของหอเทพศาสตราของข้ายังไม่มีปัญญาหามาได้ ท่านตงไม่คิดว่าน่าแปลกบ้างรึ?” มเหสีเจียงพูดแทรกขึ้น
ทันทีที่ได้ยินไม่เพียงแต่ตงหมิงหยูที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จักรพรรดิเหิงเองก็เลิกคิ้วขึ้นพลางชายตามองมาที่ชายาของตนด้วยความประหลาดใจ
แม้ความบาดหมางระหว่างหอการค้าหยูเย่และสกุลเจียงจะเป็นที่รู้กันทั่ว แต่องค์จักรพรรดิเพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับสินค้าของหอการค้าหยูเย่เป็นครั้งแรก
สาเหตุที่นางเก็บข้อมูลนี้เป็นความลับ เพราะนางตั้งใจจะฮุบหอการค้าหยูเย่ไว้เป็นของสกุลเจียง และไม่คิดจะแบ่งผลประโยชน์ให้ราชสำนัก
จักรพรรดิเหิงที่คาดเดาจุดประสงค์แอบแฝงของนางได้ก็กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักและสกุลเจียงนั้นเป็นแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า อีกทั้งอยู่ต่อหน้าทัณฑ์สวรรค์ เขาจึงทำอะไรไม่ได้มากนัก
“หากจริงอย่างท่านว่า เหตุใดเขาจึงขายสมบัติโบราณเป็นว่าเล่นราวกับเป็นสินค้าทั่วไปกันล่ะ?”
“ท่านตงคงไม่ทราบ หอการค้าหยูเย่ก่อร่างสร้างฐานในหวางตู้ได้ไม่นานก็เป็นที่นิยม และทำกำไรมากกว่าหอเทพศาสตราที่เปิดกิจการมาหลายรุ่น หากไม่ใช่เพราะเย่เย่รู้แหล่งของสินค้าเหล่านั้น ท่านจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?” มเหสีเจียงเสริม
“พอได้แล้ว เรื่องนี้มีมูลหรือไม่ให้ท่านตงตัดสินด้วยตัวเอง!” จักรพรรดิเหิงตะคอกเสียงดังเพื่อให้พระมเหสีสงบปากสงบคำลง
“เป็นที่ร่ำลือกันว่าในหวางตู้มีสำนักข่าวพิราบฟ้าที่หูตากว้างไกลเป็นหนึ่งในยุทธภพ ไม่ทราบว่าท่านพอจะเรียกจ้าวสำนักมาเข้าเฝ้าได้หรือไม่”
“สมกับเป็นท่านตงหมิงหยูแห่งทัณฑ์สวรรค์ ช่างหลักแหลมยิ่งนัก! ย่อมได้ ข้าจะทำตามคำขอของท่าน”
หลังจากหารือกันเสร็จสรรพ จักรพรรดิเหิงก็ส่งสาส์นเชิญเซี่ยงเฟ่ยหลินให้เข้าเฝ้าในทันที
“ข้า เซี่ยงเฟ่ยหลินจ้าวสำนักข่าวพิราบฟ้า ถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนานหมื่นปี หมื่นๆปี” เซี่ยงเฟ่ยหลินคุกเข่าถวายบังคมด้วยท่าทีอ่อนน้อม
เมื่อเซี่ยงเฟ่ยหลินเหลือบไปเห็นพระมเหสีเจียง เขาก็คาดเดาได้คร่าวๆว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับเย่เย่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“ลุกขึ้นเถอะ! เซี่ยงเฟ่ยหลิน ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าจากท่านตงมาบ้างแล้ว ดังนั้นข้าถามเจ้าตามตรง เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเย่เย่ และหอการค้าหยูเย่บ้างหรือไม่?” จักรพรรดิเหิงไม่รอช้า ตัดเข้าประเด็นในทันที
“เรื่องของหอการค้าหยูเย่ ข้าพอจะทราบอยู่บ้าง” แม้ว่าเซี่ยงเฟ่ยหลินไม่อยากขายความลับของเย่เย่ตามที่เคยสัญญากันเอาไว้ แต่หากไม่พูดอะไรออกไปบ้างอาจทำให้ดูมีพิรุธ
“ดี! บอกเรื่องที่เจ้ารู้เกี่ยวกับมันมาให้หมด”
“เดิมทีเย่เย่เป็นบุตรของสกุลเย่ในเฟิงเจิ้น เมืองเล็กๆในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ ก่อนที่จะมาสร้างหอการค้าหยูเย่ใน หลิงเฉิง ด้วยวิทยายุทธ์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้เขาขึ้นเป็นเจ้าเมืองก่อนที่จะรวบรวมภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ได้สำเร็จในระยะเวลาอันสั้น” เซี่ยงเฟ่ยหลินนั้นรู้ดีว่าจักรพรรดิเหิงต้องการอะไร แต่เขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อไม่ให้ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับ เย่เย่…