ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 238 คฤหาสน์ชิงลั่ว
บทที่ 238
คฤหาสน์ชิงลั่ว
เมื่อเย่เย่เห็นดังนั้น เขาก็ถอยออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาจะไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้
“พวกเจ้าข้องใจงั้นรึ? เช่นนั้นส่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเจ้าสามคนมาดวลกับข้า ข้าจะใช้มือขวาเพียงข้างเดียว หากพวกเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะไม่กลับมาให้พวกเจ้าเห็นหน้าอีก!” เหยียนลี่หยางพูดพร้อมไพล่มือซ้ายไว้ด้านหลัง และกวักมือขวาท้าทายต่อหน้าเหล่าสมาชิกกองกำลังปีกแห่งแสงที่เหม็นหน้าเขาเต็มทน
พอได้ฟังดังนั้น สามพี่น้องสกุลตงก็พยักหน้าให้กันคราหนึ่ง และตบเท้าออกมาเผชิญหน้ากับเหยียนลี่หยางตามคำเชื้อเชิญ
“ท่านผู้สืบทอด ล่วงเกินท่านแล้ว!” สิ้นเสียงตงซาน ทั้งสามพี่น้องก็เริ่มเปิดฉากโจมตีใส่เหยียนลี่หยางในทันที
สามพี่น้องสกุลตงนั้นล้วนแล้วแต่มีวรยุทธ์สูงส่ง ไม่เพียงแต่ตงซานที่มีวรยุทธ์ระดับจิตพิสุทธิ์ขั้นสูง ตงหยูและ ตงซิงเองก็อยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกัน
เย่เย่ยืนกอดอกคอยดูการต่อสู้ของพวกเขาอยู่อย่างเงียบๆ พลางใช้สายตาประเมินระดับวรยุทธ์ของเหยียนลี่หยาง
“รับมือ!” เหยียนลี่หยางตะเบ็งเสียงพร้อมปลดปล่อยพลังปราณในระดับก้าวสวรรค์ออกมาโดยรอบ ทำให้สามพี่น้องที่พุ่งเข้าหาเขาต้องชะงักฝีเท้าลงด้วยความกลัวไปชั่วขณะ ก่อนที่จะตวัดมือขวาขึ้นส่งคลื่นพลังปราณแกร่งกล้าออกไป
ซู่มมมมมมมมม
“อั่กกกก!”
แม้ฝ่ามือของเหยียนลี่หยางยังไม่ถูกร่างของสามพี่น้อง แต่ทั้งสามก็กระเด็นออกไปราวกับถูกคลื่นอากาศอัดกระแทก สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่าสมาชิกกองกำลังที่สงสัยในพลังของผู้สืบทอด
“อะไรกัน โดนแค่นี้ก็หมดท่าซะแล้วหรอ?” เหยียนลี่หยางที่เห็นไฟในดวงตาของทั้งสามยังไม่มอด ก็พูดยั่วยุขึ้นเพื่อให้พวกเขาลุกขึ้นสู้ต่อ
สามพี่น้องยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ พวกเขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และกระจายตัวออกไปโจมตีเหยียนลี่หยางจากรอบทิศ
ตงซานเงื้อขาเตะลงมาจากฟากฟ้า แต่เหยียนลี่หยางก็คว้าข้อเท้าเอาไว้ได้ทัน และเหวี่ยงร่างของเขาใส่ตงหยูและตงซิงที่ลอบโจมตีจากซ้ายขวา จนร่างของพวกเขากระเด็นไปกองรวมกัน
โครมมมมม!
แม้ว่าสามพี่น้องจะเป็นความภาคภูมิใจของกองกำลังปีกแห่งแสง แต่พวกเขาก็ไม่อาจต่อกเหยียนลี่หยางได้เลยแม้แต่น้อย
ผั่บ ผั่บ
“สู้ได้ดี!” เหยียนลี่หยางปัดฝุ่นที่มือ เดินไปหาพวกเขาทั้งสามที่ยังคงนอนอย่างหมดรูป ก่อนเอ่ยปากชมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“พวกข้าสามพี่น้องขอยอมแพ้จากใจจริง ท่านมีวรยุทธ์สูงส่งเช่นนี้เหตุใดจึงไม่รับคำขอของพวกข้ากัน!?” ตงซานลุกขึ้นคุกเข่าคำนับต่อหน้าเหยียนลี่หยาง ก่อนถามขึ้นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
“ได้โปรดรับตำแหน่งผู้นำกองกำลังปีกแห่งแสงไว้ด้วยเถอะ!” ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สามพี่น้อง ผู้คนทั้งกองกำลังต่างเลื่อมใสศรัทธาในตัวเหยียนลี่หยาง และเอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงคาดหวัง
“เฮ้อออ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าคงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ” สุดท้ายแล้วเหยียนลี่หยางก็ต้องตอบรับคำขอของพวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คารวะท่านผู้นำ!” สมาชิกกองกำลังปีกแห่งแสงทั้งหมดเปล่งเสียงสรรเสริญผู้นำคนใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้แม้แต่เย่เย่ยังรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา
หลังจากนั้นเย่เย่ก็ได้อธิบายแผนการที่เขาวางไว้กับเหยียนลี่หยางให้คนอื่นๆฟัง และได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่และเวลาที่ตงหมิงหยูและมเหสีเจียงจะปรากฏตัวขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมการลอบสังหารได้อย่างแยบยล
“น้อมรับบัญชาท่านประมุข” เมื่อได้ฟังแผนการทั้งหมด ตงซานก็พยักหน้าเห็นด้วยกับแผนการนี้
เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน เย่เย่ก็ได้ให้สมาชิกกองกำลังทั้งหมดเข้าไปในอารามวิถีสวรรค์ และพาพวกเขาไปซุ่มอยู่บริเวณใกล้ๆกับคฤหาสน์ชิงลั่ว ก่อนที่เย่เย่จะกลับหอการค้าดำเนินชีวิตตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สามวันถัดมา เย่เย่ก็เดินทางไปยังคฤหาสน์ชิงลั่วตามคำเชื้อเชิญของพระมเหสีเจียงเหยียน เมื่อเดินทางมาถึงทางเข้า เจียงคุนก็นำทางเขาไปยังชั้นบนสุดของคฤหาสน์ ระหว่างทาง เย่เย่หัน ซ้ายมองขวาสำรวจดูรอบๆ แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ หน้าประตูห้องมีเพียงเจียงอู๋ยืนคุ้มกันอยู่เท่านั้น
เมื่อเย่เย่ผลักประตูเข้าไป ก็พบว่ามเหสีเจียงมานั่งรอเขาก่อนเวลานัดได้พักหนึ่งแล้ว พอนางเหลือบเห็นแขกคนสำคัญมาถึง ก็รีบลุกขึ้นทักทายพอเป็นมารยาท
“ในที่สุดท่านก็มา ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ เชิญ” มเหสีเจียงเหยียนผายมือเชิญเย่เย่ให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่จัดเตรียมเอาไว้ คำพูดและน้ำเสียงของนางไม่ได้เผยข้อพิรุธใดๆออกมา จึงทำให้เย่เย่วางใจที่จะนั่งลง
เย่เย่กวาดสายตาไปรอบๆก็พบว่าไม่มีใครซ่อนตัวอยู่ในห้อง หรือแม้กระทั่งทหารคุ้มกันคนอื่นๆ มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
เนื่องจากแผนการในครั้งนี้เป็นการตกลงกันอย่างลับๆระหว่างตงหมิงหยู และมเหสีเจียง ราชสำนักและสกุลเจียงคนอื่นๆจึงไม่รู้เห็นเกี่ยวกับแผนการนี้
“ข้าเกรงว่าที่พระมเหสีเรียกข้าเข้าพบในครั้งนี้ คงไม่ใช่แค่เพื่อพบปะสังสรรค์เป็นแน่ ไม่ทราบว่าท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? หรือว่าอยากทวงป้ายจตุลักษณ์คืน?” เย่เย่แสร้งทำเป็นไม่รู้แผนของมเหสีเจียง เพื่อหลอกให้นางตายใจ ระหว่างที่พูดอยู่เย่เย่ก็เพ่งสมาธิส่วนหนึ่งไปหาตำแหน่งของตงหมิงหยู
“ท่านเย่เข้าใจข้าผิดแล้ว ตระกูลเจียงของข้าปล่อยวางความแค้นที่มีต่อท่านในอดีตไปหมดแล้ว ที่ข้าเรียกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อหารือความเป็นไปได้ในการร่วมมือของหอเทพศาสตรา และหอการค้าหยูเย่ในอนาคต” เจียงเหยียนลุกขึ้นเดินมารินเหล้าให้เย่เย่อย่างช้าๆด้วยรอยยิ้ม
ทว่าด้วยเล่ห์เหลี่ยมของนางในอดีต ก็ไม่ได้ทำให้เย่เย่ ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย นอกจากกลอุบายของนางแล้ว เย่เย่ยังต้องคอยเฝ้าระวังการโจมตีของตงหมิงหยูอีกด้วย
“การร่วมมืองั้นรึ? การร่วมมือแบบไหนกัน?” ขณะที่เย่เย่ทุ่มสมาธิส่วนใหญ่ไปกับการป้องกัน เขาก็หลอกถามข้อมูลจากนางไปด้วย
“เงื่อนไขนั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่ท่านบอกแหล่งที่มาของสินค้าเหล่านั้นมา ข้าสัญญาว่าท่านจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าที่ท่านทำได้เสียอีก” ลึกๆแล้วเจียงเหยียนยังคาดหวังให้เย่เย่ ยอมตกลงร่วมมือกับนาง ที่สำคัญเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ตระกูลเจียงต้องการคนแข็งแกร่งเยี่ยงเขามาเป็นเขี้ยวเล็บให้ แม้แผนครั้งนี้นางจะทำโดยพลการแต่ถ้าโน้มน้าวเย่เย่สำเร็จมันก็คุ้มค่า
กระนั้นเย่เย่ก็หัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “ฮ่ะ ฮ่ะ ข้อเสนออะไรของท่านเนี่ย? แบบนี้มีแต่ท่านที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่รึไง!? วาทศิลป์ของท่านไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลยจริงๆ”
ทันทีที่เย่เย่พูดจบ เขาก็รู้สึกถึงพลังมหาศาลที่โพยพุ่งออกมาห่อหุ้มทั้งห้องไว้อย่างรวดเร็ว เมื่อหันกลับไป ก็เห็นชายในชุดขาวสว่างดูคุ้นตาปรากฏตัวขึ้นจากทางประตู
“มาเป็นผู้ติดตามของข้าซะ ข้อเสนอนี้พอจะทำให้เจ้าสนใจบ้างหรือไม่?” ตงหมิงหยูเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมเพ่งพลังกดดันเย่เย่
แรงกดดันจากพลังปราณในระดับก้าวสวรรค์ทำให้เย่เย่ที่ไม่ได้สวมเกราะทมิฬถึงกับเหงื่อแตกออกมา
พลังที่ตงหมิงหยูปล่อยออกมาในครั้งนี้ทำให้เย่เย่รู้ว่าการประมือในครั้งก่อนตงหมิงหยูยังไม่ได้ใช้พลังถึงครึ่งหนึ่งเลยด้วยซ้ำ หากเขาปฏิเสธข้อเสนอของพระมเหสี เขาจะต้องถูกฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ท่านเย่ ช่างเป็นเกียรติของท่านจริงๆที่ท่านตงเมตตา จะมัวลังเลอะไรอยู่เล่า มาทำงานให้ข้าเถอะ!” เจียงเหยียนย้ำข้อเสนอของนางเป็นครั้งสุดท้าย…