ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 103 พละกำลังอันน่าสะพรึง
บทที่ 103 พละกำลังอันน่าสะพรึง
บทที่ 103 พละกำลังอันน่าสะพรึง
ความต้องการของลูกค้า ทางสมาคมย่อมยินดีทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ตรงตามความต้องการ ใช้เวลาไม่นาน ก็มีคนนำคันธนูจำนวนหนึ่งมาส่งมอบ
อู๋ฝานวางคันธนูเดิมลง ก่อนจะก้าวเดินออกไปลองหยิบคันธนูใหม่สำรวจทีละคัน
“คันธนูที่ถืออยู่ เป็นธนู 28 ปอนด์ครับ ตามปกติแล้ว คันธนูที่น้ำหนักมากกว่า 20 ปอนด์นั้นไม่ค่อยเหมาะให้มือใหม่ใช้ฝึกฝน เพราะเวลาผ่านไป มันจะทำให้การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงจนผิดรูปแบบ” โค้ชมองอู๋ฝานที่หยิบคันธนูขึ้นมา พร้อมกับอธิบายรายละเอียด
อู๋ฝานส่ายศีรษะ ก่อนจะวางคันธนูลง โค้ชจึงคิดว่าอู๋ฝานจะยอมฟังคำแนะนำของตนเอง โดยใช้คันธนูที่น้ำหนักน้อยกว่า 20 ปอนด์ แต่ไม่คิดว่ายามอู๋ฝานวางคันธนูลงแล้ว เขาจะเอ่ยปากออกมาด้วยเสียงเบาว่า “ยังไม่พอ”
โค้ชถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ตอนนี้เอง ที่อู๋ฝานเข้าไปคว้าหยิบคันธนู 48 ปอนด์ขึ้นมา อันเป็นที่ทราบกันดีว่า สมาชิกทีมนักธนูหญิงมืออาชีพมักจะใช้ธนูประเภทนี้ เพียงแต่ว่า เมื่อมันอยู่ในมือของอู๋ฝาน เขาก็ยังคงพูดขึ้นมาว่า “ยังไม่พอ”
โค้ชถึงกับหยุดคำที่คิดพูด แต่ยืนเฉยและรับชมอู๋ฝานทดสอบไปทีละคัน จนอู๋ฝานพยักหน้าตอนทดลองคันธนู 150 ปอนด์แม้ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไร และก็เป็นตอนนี้เอง ที่โค้ชไม่ทราบว่าควรพูดตอบสนองอย่างไร
คันธนู 150 ปอนด์ เป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่ยากจะโน้มสายได้ กับการยิงลูกธนูออกไปยิ่งไม่ควรกล่าวถึง แม้ว่ายิงออกไปได้จริง อัตราการยิงก็ไม่ใช่อะไรที่จะสามารถคาดหวังได้
เพียงแต่โค้ชได้เป็นประจักษ์พยานด้วยตาตนเองแล้ว ว่าอู๋ฝานสามารถโน้มสายคันธนูได้ด้วยท่าทีผ่อนคลายด้วยซ้ำ ราวกับมันไม่ต่างอะไรจากคันธนูที่เขาเคยใช้ก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าน่าทึ่งอย่างชวนสะพรึง
อู๋ฝานมีพละกำลังแข็งแรงระดับใด?
โค้ชถึงกับรู้สึกว่าตนเองยากจินตนาการถึง เพราะมันเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขาได้เห็น ว่ามีใครสักคนที่มีเรี่ยวแรงถึงขนาดนี้ได้
“อันนี้ได้อยู่ครับ” อู๋ฝานดึงสายไปมาอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงตอบรับแม้ยังไม่คล้ายพอใจสักเท่าไร
มันไม่ใช่ขีดจำกัดที่อู๋ฝานรู้สึกว่าน่าพอใจ แต่เป็นเพราะสมาคมแห่งนี้มีคันธนูเพียงเท่านี้ ไม่ว่ามันจะดูใหญ่เพียงใด เขาก็มีแต่ต้องใช้งานมัน
เพียงแต่ อู๋ฝานไม่ทราบถึงสิ่งที่แฝงไปกับคำพูดเมื่อครู่ สีหน้า และท่าทางการเคลื่อนไหวอันเรียบง่ายที่ราวกับไม่ได้ออกแรง มันส่งผลกระทบทางจิตใจกับโค้ชที่อยู่ข้างกายไม่น้อย
ขณะการฝึกฝนยังคงดำเนินไป โค้ชก็ได้ตระหนักว่าอู๋ฝานใช้งานคันธนูใหม่ได้ไม่ต่างจากของเดิม แขนยังไม่มีอาการสั่น สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ราวกับใช้คันธนูที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 20 ปอนด์ก็ไม่ปาน
อีกทั้ง อู๋ฝานไม่เพียงโน้มสายโดยง่ายดาย แต่การเปลี่ยนคันธนูยังไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการยิง ภายหลังฝึกฝนไปอีกชั่วระยะ อัตราการยิงของอู๋ฝานจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นการเปิดมุมมองใหม่ของวงการยิงธนูให้กับโค้ช
“หากว่าไม่ได้พบเห็นกับตาตัวเองตั้งแต่แรกเริ่ม ผมคงไม่เชื่อ ว่าคุณเพิ่งฝึกฝนการยิงธนูเป็นวันแรก” โค้ชถอนหายใจพลางบอกกับอู๋ฝาน
อู๋ฝานเพียงยิ้มรับ ความคืบหน้าตอนนี้ทำเขาพึงพอใจได้ระดับหนึ่ง
อู๋ฝานทราบดีว่าตนเองสามารถก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้หลายเท่า หรืออาจจะหลายสิบเท่าของคนอื่น เพราะค่าสติปัญญาของเขาก้าวล้ำนำผู้คนส่วนใหญ่ และยังสวมใส่จี้หยกกระเรียนขาวเอาไว้กับร่างกาย
ค่าสถานะของจี้หยกกระเรียนขาวคือ อัตราการเติบโตความชำนาญของทักษะ+20%
อู๋ฝานในปัจจุบันไม่ใช่เพียงคนธรรมดา แต่เป็นผู้เล่น หลากหลายสิ่งในตัวเขาได้แสดงค่าออกมาเป็นข้อมูล ตอนที่ฝึกฝนการยิงธนู มันก็ถูกนับว่าเป็นการฝึกฝนทักษะ ดังนั้นแล้ว ค่าสถานะของจี้หยกกระเรียนขาวจึงส่งผลทำงาน รวมเข้ากับระดับสติปัญญาของตัวเขาที่สูงกว่าผู้อื่น ยามเมื่อเริ่มการฝึกฝนยิงธนู ระดับความก้าวหน้าจึงพุ่งขึ้นรวดเร็วกว่าผู้อื่นมากนัก
อู๋ฝานฝึกฝนอยู่ในสมาคมตลอดจนถึงช่วงกลางวัน สุดท้ายจึงเดินทางกลับ ค่าธรรมเนียมสองร้อยหยวนต่อชั่วโมง สำหรับอู๋ฝานไม่ใช่จำนวนน้อย หากไม่แล้ว ตัวเขาก็ยินดีที่จะฝึกฝนต่อให้ยาวนานกว่านี้
ภายหลังออกจากสมาคมยิงธนู ตามปกติอู๋ฝานจะต้องไปยังตลาดเพื่อซื้อวัตถุดิบ ไม่นานมานี้กิจการบาร์บีคิวของเขาดีขึ้นมาก ดังนั้นจึงยิ่งต้องซื้อวัตถุดิบให้มากขึ้น หากว่าไม่ได้หลิวอี้เตาช่วยเหลือ เขาจะยุ่งจนแทบไม่เหลือเวลา
“อาจารย์ คงไม่ได้คิดขายบาร์บีคิวไปตลอดหรอกใช่ไหม?” ขณะเสียบไม้บาร์บีคิว หลิวอี้เตาเอ่ยถามอู๋ฝาน “คุณมีฝีมือการทำอาหารที่ดี เอาแต่ทำบาร์บีคิวขายออกจะดูสูญเปล่าเกินไป หากว่าขาดเงิน เช่นนั้นผมให้หยิบยืมก่อนได้ แล้วนับผมเป็นหุ้นส่วนหรืออะไรทำนองนั้น”
แม้กล่าวว่ากิจการบาร์บีคิวทำกำไรได้มากขึ้นแล้ว แต่มันย่อมไม่อาจเทียบเปรียบกับภัตตาคารระดับกลางถึงระดับสูง มันไม่มีทางที่จะแสดงฝีมือการทำอาหารอย่างเต็มที่โดยการทำเพียงแค่บาร์บีคิว ในความเห็นของหลิวอี้เตา มันถือเป็นการปล่อยให้ฝีมือเสียเปล่า เขามองว่าฝีมือการทำอาหารของอู๋ฝานไม่ควรถูกฝังเอาไว้แค่ตรงนี้
“ก็ต้องไม่อยู่แล้วครับ” อู๋ฝานตอบรับ “หลังผ่านไปสักระยะ ผมจะเปิดภัตตาคารขึ้นมา ส่วนเรื่องปัญหาทางการเงิน ผมจะจัดการเองครับ”
อู๋ฝานเชื่อว่าศิษย์ของตนเองไม่ได้ขาดเงินแต่อย่างใด เพราะการได้เป็นเชฟของคัลเลอร์แมน เงินเดือนย่อมไม่ใช่ต่ำเตี้ย เป็นปกติหากจะมีเงินออมเก็บเอาไว้ เพียงแต่อู๋ฝานไม่คิดเรื่องนำเงินศิษย์ของตนเองมาใช้งาน แต่กำลังเตรียมการและรอคอย เจ้าหย้าหนานจะเป็นคนมอบเงินจำนวนนั้นให้ และอู๋ฝานก็ยังไม่พบร้านที่เหมาะสมตามต้องการ ต่อให้ตอนนี้มีเงิน ก็ยังไม่อาจใช้ได้อยู่ดี
เมื่อนึกถึงปัญหาเรื่องหน้าร้านขึ้นมา อู๋ฝานจึงบอกให้หลิวอี้เตาทราบ “ผมยังหาหน้าร้านที่เหมาะสมไม่ได้เลย ถ้าหากว่าพอจะช่วยเรื่องนี้ได้ก็ฝากด้วยครับ”
หากเทียบเปรียบกับอู๋ฝาน เส้นสายในแวดวงของหลิวอี้เตาย่อมกว้างขวางกว่า เขาจะต้องรู้จักคนมากมาย การขอให้อีกฝ่ายช่วยหาทำเลที่ตั้งร้านอาจได้รับการช่วยเหลืออย่างเกินคาดคิดก็เป็นไปได้
“ได้เลย ไว้ผมหาทางจัดการเรื่องนี้ให้เอง” ทราบว่าอู๋ฝานมีความตั้งใจเปิดภัตตาคาร หลิวอี้เตาจึงตื่นเต้นยินดี แม้บอกว่าตัวเขาสามารถเรียนรู้จากการทำบาร์บีคิวกับอู๋ฝาน แต่อย่างไรแล้ว มันก็ไม่ดีเท่าการเรียนรู้ในครัวจริง หากว่าอู๋ฝานเปิดภัตตาคาร เขาจะได้เรียนรู้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ผ่านช่วงเวลาหลายวันที่ได้ช่วยงาน อู๋ฝานมีความละเอียดในการสอน หลิวอี้เตาได้พบว่าอู๋ฝานไม่เพียงเหนือกว่าในด้านการทำอาหาร แต่ยังรวมถึงทฤษฎีการทำอาหารด้วย ความรู้ความเข้าใจต่อการทำอาหารและวัตถุดิบของอู๋ฝาน มันเหนือกว่าเขาอย่างไม่อาจเทียบ
ดังนั้นแล้ว หลิวอี้เตาจึงแทบไม่อาจรอคอยได้เรียนรู้หลากหลายด้านจากอู๋ฝาน การได้มีภัตตาคาร ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าจะเป็นส่วนช่วยให้ตัวเขาเกิดการเรียนรู้อย่างก้าวกระโดดได้อย่างแน่นอน
หลิวอี้เตาจึงให้ความสนใจกับการช่วยอู๋ฝานเปิดร้านอย่างจริงจัง
ในช่วงเย็น คนทั้งสองกำลังนำของมุ่งหน้าไปยังถนนตรงหน้ามหาวิทยาลัยเจียงโจว ใกล้เคียงมีหลายคนมารออยู่ก่อนแล้ว ร้านแผงลอยบาร์บีคิวของอู๋ฝานในปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นร้านแผงลอยที่มีชื่อเสียงที่สุดในถนนเส้นนี้ก็ไม่ผิด
หนึ่งเพราะเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว อีกหนึ่งเพราะมีเชฟจากคัลเลอร์แมน รวมคนทั้งสองเข้าด้วยกันย่อมเป็นที่สะดุดตาอย่างไม่ต้องสงสัย รวมกับความสามารถในการทำอาหารของอู๋ฝานที่น่าทึ่ง หลายคนจึงแวะเวียนมายังถนนเส้นนี้ ไม่ว่าจะอยากกินบาร์บีคิวหรือไม่ก็ต้องแวะเวียนมารับชมร้านแผงลอยแห่งนี้ ร้านแผงลอยบาร์บีคิวของอู๋ฝานจึงกลายเป็นที่รู้จักของบรรดาผู้คนที่มายังถนนเส้นนี้ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวไปโดยปริยาย