ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 104 เทพเซียนรวมตัว
บทที่ 104 เทพเซียนรวมตัว
บทที่ 104 เทพเซียนรวมตัว
ในช่วงเย็น ตลาดกลางคืนบนถนนคนเดินหน้ามหาวิทยาลัยเจียงโจว เรียกได้ว่าค่อนข้างคึกคัก
นอกจากส่วนผสมที่น่าเหลือเชื่อเช่นอู๋ฝานและหลิวอี้เตา ยังมีสองดอกไม้ทองคำแห่งมหาวิทยาลัยเจียงโจวมาเยือน รวมถึงอีกคนหนึ่งที่ควรค่าแก่ฉายาดังกล่าวก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
เทพเซียนโฉมงามเช่นพวกเธอมาเยือน ย่อมดึงดูดความสนใจของบรรดานักศึกษาได้เป็นอย่างดี
“เถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวนี้ ถึงกับดึงดูดพวกเธอทั้งสามมากันได้!” นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียงโจวกล่าวคำอย่างนึกทึ่ง สายตากำลังจับจ้องไปยังโฉมงามทั้งสามตรงหน้าร้านแผงลอยบาร์บีคิว
“เถ้าแก่อะไร? เรียกว่าอาจารย์สิ ไม่รู้หรือ? เขาเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยพวกเรานะ!”
“อาจารย์อู๋ทั้งแข็งแกร่งและมีเสน่ห์ขนาดนี้ ไม่แปลกหากว่าลูกค้าส่วนใหญ่ทั้งถนนสายนี้จะแวะเวียนมา”
“ตลอดชั่วชีวิตฉัน ได้พบเห็นโฉมงามทั้งสามโดยพร้อมกันเช่นนี้ถือว่าโชคดีมากแล้ว ชีวิตนี้ไม่น่าเสียดายอะไรอีก”
ปัจจุบัน หลายคนกำลังปิดล้อมร้านแผงลอยของอู๋ฝาน แต่ว่าโฉมงามทั้งสามที่กล่าวถึงย่อมไม่พ้นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ถังอวี่เฟย และเยี่ยเฟยเฟย ลูกค้าส่วนใหญ่ที่แวะเวียนมาต่างก็จับจ้องพวกเธอ ความงามอันดึงดูดของคนทั้งสามที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป จึงเป็นการส่องให้ตลาดแห่งนี้ยิ่งสว่างกระจ่างแจ้ง แน่นอนว่าจุดรวมตัวของแสงทั้งสามคือร้านแผงลอยของอู๋ฝาน
อู๋ฝานไม่คาดคิด วันค่ำคืนวันนี้ คนทั้งสามจะมากันในเวลาไล่เลี่ยง ทั้งยังยืนกันสามมุมสามทิศทางตรงหน้าร้าน แม้ว่าไม่ได้เกิดบทสนทนาพูดคุยอะไรต่อกัน แต่อู๋ฝานรู้สึกได้ชัดเจน ว่าบรรยากาศท่ามกลางคนทั้งสาม ออกจะดูผิดปกติไปอยู่บ้าง
แน่นอนว่าเป็นเพราะลูกค้าจำนวนมาก กิจการของอู๋ฝานจึงยิ่งยุ่ง ทำให้ตัวเขาแทบไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของคนทั้งสามมากนัก
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์รับชมอู๋ฝานทำงานอย่างเฉยชา ราวกับไม่พบเห็นอีกสองคนแต่อย่างใด ขณะที่ทางถังอวี่เฟย เธอเผยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน ดวงตาสลับมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และเยี่ยเฟยเฟย บางครั้งก็มองยังอู๋ฝาน สุดท้ายเผยใบหน้ายิ้มแย้มกว้าง ราวกับเธอพบเห็นเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจเข้าก็ไม่ปาน
ส่วนทางด้านเยี่ยเฟยเฟย สีหน้าของเธอค่อนข้างกระอักกระอ่วน เธอไม่คิดอยากมาแต่ถูกรูมเมททั้งสองคนลากตัวมา ภายหลังได้เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟยอยู่ที่นี่ สายตาของเธอจึงมองคนทั้งสอง เธอไม่ได้มีความนึกคิดอันซับซ้อนอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ที่ภายในมหาวิทยาลัย บ่อยครั้งเธอจะได้ยินชื่อของคนทั้งสอง ขณะนี้ได้พบเห็นโฉมงามอันน่าทึ่งอยู่ตรงหน้า จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองคนทั้งสอง
คนทั้งสามไม่ได้พูดคุยหรือสนทนาอะไรต่อกัน เพียงแต่ภายหลังภาพถ่ายและวิดีโอของคนทั้งสามที่อยู่ในฉากเดียวกันถูกเผยแพร่ออกไป จึงเกิดเป็นความฮือฮาครั้งใหญ่ในบริเวณรอบมหาวิทยาลัย มันจึงทำร้านแผงลอยของอู๋ฝานยิ่งคึกคักเกินกว่าที่เคยเป็น ความนิยมในหมู่นักเรียนนักศึกษาในพื้นที่ใกล้เคียง จึงยิ่งพุ่งสูงมากขึ้น
เยี่ยเฟยเฟยอพยพหลบหนีเป็นคนแรก เธอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศของที่นี่ผิดแปลกจนเกินไป ส่วนว่าแปลกอย่างไร เธอไม่อาจอธิบาย เพียงแต่รู้สึกว่าขณะนี้กำลังกระอักกระอ่วน จนสุดท้ายต้องเป็นฝ่ายเลือกถอยกลับ
เพียงไม่นานหลังเยี่ยเฟยเฟยกลับไป หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงหันกลับและจากไป ทางด้านถังอวี่เฟยยังคงจ้องมองอู๋ฝาน ถัดจากนั้นจึงก้าวฝีเท้ารวดเร็วไล่ตามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไป
เพียงชั่วพริบตา สามโฉมงามตรงหน้าร้านแผงลอยของอู๋ฝานก็จากไป โดยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องราวไม่มีการพูดคุยใดกับอู๋ฝานทั้งสิ้น ราวกับพวกเธอก็เหมือนคนอื่นที่นี่ เพียงแวะเวียนผ่านมาเพื่อหาอะไรทานก็เท่านั้น
ถังอวี่เฟยไล่ตามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทัน คนทั้งสองจึงเดินเคียงข้างกัน ทว่ามีแต่ความเงียบงันราวกับไม่รู้จักกันก็ไม่ปาน
“เขาไม่เลวเลยนะ” ท้ายที่สุดแล้ว ถังอวี่เฟยก็เป็นผู้ทำลายความเงียบ
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังคงเงียบ ขณะเดินมุ่งหน้าต่อไปยังมหาวิทยาลัยโดยไม่คิดเสียเวลา
“บอกตามตรง ฉันค่อนข้างสนใจน่ะ” ถังอวี่เฟยไม่คิดใส่ใจ ริมฝีปากยังคงเอื้อนเอ่ย “ถ้าเธอไม่มีความคิดเห็นอะไร ฉันขอลงมือนะ”
ในที่สุดหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็หยุดเท้าและหันศีรษะกลับมองถังอวี่เฟย ดวงตาของเธอค่อนข้างที่จะเฉยชา
ถังอวี่เฟยไม่ตื่นตกใจใด สีหน้ายังคงสงบเหมือนเช่นที่เคยเป็น คือรอยยิ้มอันเย้ายวน “เป็นอะไรไป? ร้อนใจ?”
“น่าเบื่อ” เสียงอันเย็นชาของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดังตอบ
“ใช่ ช่วงนี้น่าเบื่อเกินไป” ถังอวี่เฟยยังคงยิ้มพราวเสน่ห์ตอบรับผ่านใบหน้า นับเป็นโชคดีที่ตรงหน้าเธอคือหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ หากว่าเป็นเพศตรงข้าม เช่นนั้นคงลุ่มหลงไปกับรอยยิ้มพิมพ์ใจของเธอเรียบร้อยแล้ว
“เพราะน่าเบื่อเกินไปนี่แหละนะ ตอนนี้บังเอิญได้พบของน่าสนใจเข้า คิดว่าฉันจะยอมปล่อยไปไหม?”
“ตามแต่เธอ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบกลับ
“เธอก็รู้ ขอแค่ฉันลงมือ ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนหนีรอดสักคน” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “เขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น”
สีหน้าของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ยังไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน เธอเริ่มก้าวเดินต่อไปราวกับไม่ได้ยินคำของถังอวี่เฟยแต่อย่างใด หรือไม่ก็ไม่คิดใส่ใจคำของถังอวี่เฟย
ครั้งนี้ถังอวี่เฟยไม่ไล่ตามหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไปต่อ แต่เลือกที่จะยืนนิ่ง พร้อมกับใบหน้าที่เผยรอยยิ้มอันกระจ่าง
“ลมหายใจของเธอเปลี่ยนไปนะ หมายความถึงเธอให้ความสนใจจริง เพียงแต่เธอกลับไม่ยินดีจะยอมรับมันออกมา ฉันละอยากเห็นว่าตอนที่ฉันจีบเขา เธอจะมีสีหน้ายังไงน้า~ แค่คิดก็น่าสนใจจนเกินไปแล้ว” ถังอวี่เฟยยืนพึมพำกับตัวเองอยู่ที่เดิม
พวกหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทั้งสามคนแยกย้าย หน้าร้านของอู๋ฝานก็มีคนลดน้อยลง เพียงแต่ก็ยังมีลูกค้าอยู่จำนวนไม่น้อย สถานการณ์เช่นตอนนี้จึงทำเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวรอบข้างนึกอิจฉา แม้กระทั่งร้านที่มีหน้าร้านเป็นกิจจะลักษณะ กิจการของอู๋ฝานเบ่งบาน หลายคนขณะนี้ยืนต่อแถวตรงนั้นและยืนทาน แทนที่จะไปหาร้านนั่งลงเพื่อทานด้วยซ้ำ
“เจ้าเด็กนี่น่ารังเกียจเสียจริง ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราได้เก็บของกลับบ้านกันแน่”
“เจ้าพวกเมื่อวันก่อนก็เศษเดนเสียเหลือเกิน มีคนมาตั้งมากมาย สุดท้ายจัดการคนแค่คนเดียวไม่ได้”
“พวกเราไปหาคนอื่นมาแทนดีหรือไม่? หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป กิจการของพวกเราคงไม่อาจไปต่อได้”
“จริงด้วย เห็นด้วยว่าควรต้องติดต่อหาคนอื่นมาแทนแล้ว พวกเราจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ต้องหาทางขับไล่มันออกไป!”
ร้านแผงลอยบาร์บีคิวทั้งหลายข้างเคียงอู๋ฝาน ขณะนี้ซบเซาว่างเปล่า นับตั้งแต่กิจการของอู๋ฝานดีขึ้น กิจการของพวกเขานับวันก็แย่ลง ขณะนี้ไปถึงจุดที่ว่าแทบจะไม่มีใครยินดีแวะเวียนเข้ามา ขณะที่ร้านซึ่งมีหน้าร้าน แม้ว่าฝีมือทำอาหารของพวกเขาจะไม่ได้ดีเท่าอู๋ฝาน แต่อย่างน้อยก็มีสภาพแวดล้อมอันดีเหมาะสมต้อนรับลูกค้า
แล้วร้านแผงลอยบาร์บีคิวข้างเคียงอู๋ฝานเล่า? ฝีมือของพวกเขาไม่ดีเท่าอู๋ฝาน ไม่อาจหยิบยื่นนำเสนอบรรยากาศที่ดีได้ สุดท้ายจึงทำได้เพียงรับชมลูกค้าถูกแย่งไปด้วยความอับจน
ที่ทำพวกเขายิ่งโกรธเคือง คือการที่กลุ่มคนซึ่งจ้างมาเล่นงานอู๋ฝานเมื่อวันก่อนทำพลาด ไม่อาจจัดการอู๋ฝานได้ตามที่คาดหวัง จึงยิ่งทำพวกเขาหงุดหงิดร้อนใจ ดังทราบว่าคนกลุ่มนั้นเดิมรับปากว่าจะจัดการเรื่องราวให้อย่างไร้ซึ่งปัญหา พวกเขาจึงจ่ายค่ามัดจำไปก่อนเริ่มงานด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย เรื่องราวไม่อาจทำสำเร็จ ทั้งสถานการณ์ยังพลิกกลับ กลายเป็นทำให้ร้านของอู๋ฝานยิ่งมีชื่อเสียงและกิจการคึกคักยิ่งขึ้น
เรื่องราวเช่นนี้ บรรดาเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวจะเต็มใจยอมรับและปล่อยไปได้อย่างไร!