ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 122 มีคนขวางทาง
บทที่ 122 มีคนขวางทาง
บทที่ 122 มีคนขวางทาง
“คุณสวยกว่าอยู่แล้ว” เผชิญหน้ากับคำถามของถังอวี่เฟย อู๋ฝานจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบ
มันไม่ใช่ว่าอู๋ฝานคิดหลอกลวงอะไรถังอวี่เฟยเพื่อเอาอกเอาใจเธอ แต่ถังอวี่เฟยสวยกว่าเจ้าเสวี่ยอี๋อย่างไม่มีข้อกังขา ทั้งยังพราวเสน่ห์ยิ่งกว่า
“ก็พูดได้นี่คะ” ถังอวี่เฟยยิ้มรับพึงพอใจกับคำตอบของอู๋ฝาน “เพียงแต่ หุ่นคุณดีขนาดนี้ รูปลักษณ์ก็ไม่ได้แย่อะไร ทำไมเพื่อนร่วมชั้นของคุณถึงเหยียดคุณขนาดนั้น?”
นับตั้งแต่ที่สามารถเทเลพอร์ตได้ รูปลักษณ์และการวางตัวของอู๋ฝานก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป กระบวนการที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเชื่องช้า ระดับที่เห็นในชีวิตประจำวันไม่ได้มากมาย ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงไม่อาจได้เห็นว่าอู๋ฝานเปลี่ยนไปเช่นไร แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ “ศัลยกรรมพลาสติก” แต่มันเป็นการทำให้ใบหน้าของอู๋ฝานดูมีมิติและมีการวางตัวที่ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
เพียงแต่ มันก็ผ่านการขัดเกลามาเป็นอย่างดี จนเสริมภาพลักษณ์และการวางตัวให้แก่อู๋ฝานจนดีเยี่ยม
อู๋ฝานทราบดีแก่ใจ ดังนั้นจึงตอบกลับ “ตอนผมยังเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างตอนนี้ครับ”
“เพียงแค่หนึ่งปี จะเปลี่ยนไปได้ขนาดไหนกันคะ?” ถังอวี่เฟยค่อนข้างที่จะไม่เชื่อ
อู๋ฝานไม่อาจอธิบายอะไรอีกได้
“ให้ฉันเป็นแฟนคุณจะว่ายังไงคะ?” ถังอวี่เฟยเสนอตัว “เพื่อนร่วมชั้นของคุณไร้สายตาสิ้นดี ฉันไม่ค่อยชอบเธอค่ะ”
“กลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว” อู๋ฝานไม่ทราบว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะตอบดี “หยุดล้อผมเล่นเถอะนะครับ”
“ใครล้อกันเล่นคะ ฉันจริงจังนะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
“โอ้ นักเรียนทางด้านนั้นดูว่ายน้ำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมคงต้องไปชี้แนะแล้วล่ะครับ” สิ้นคำของอู๋ฝาน เขาจึงเฉไฉคำถามของถังอวี่เฟย มุ่งดิ่งตรงไปยังสระน้ำ ก่อนจะกระโดดลงน้ำไป
ถังอวี่เฟยมองตามแผ่นหลังของอู๋ฝานอย่างขบขัน พร้อมกับเกิดรู้สึกว่าน่าสนใจ
ภายหลังคาบเรียนพละศึกษา อู๋ฝานไม่ได้ตรงกลับออฟฟิศ แต่ออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมุ่งหน้าไปสมาคมยิงธนูซิงเยวี่ย
เมื่อคืนที่เพิ่งได้เรียนรู้ทักษะ อู๋ฝานจึงเกิดรู้สึกคันมือ คิดอยากฝึกฝนให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้
ปึก!
อู๋ฝานปล่อยลูกธนูบินทะยาน มันพุ่งตรงเข้าปะทะกับกลางเป้ายิงอย่างแม่นยำ
ปึก!
ลูกธนูอีกหนึ่งบินทะยานออกไป พุ่งเข้าปะทะกับใจกลางเป้ายิงอีกครั้ง
ภายหลังจากนั้น ลูกธนูที่สาม ที่สี่ ทั้งหมดล้วนตรงเข้ากลางเป้าทั้งสิ้น จนกระทั่งลูกธนูที่ห้าพลาดจากกลางเป้าไปเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
โค้ชที่ยืนข้างอู๋ฝานถึงกับมองด้วยอาการตื่นตะลึง “ก้าวหน้าขึ้นมากเลยนะครับ”
เมื่อวานอู๋ฝานยังไม่อาจทำถึงระดับนี้ได้ แม้ว่ายิงเข้าเป้า และสถานการณ์ที่จะยิงเข้ากลางเป้านั้นอาจเกิดเป็นครั้งคราวได้ แต่ตอนนี้เขากำลังยิงเข้ากลางเป้าต่อเนื่องอย่างง่ายดาย
เพียงแค่หนึ่งคืน เพราะอะไรเขาถึงก้าวหน้าขนาดนี้ได้?
“เพราะคุณสอนผมได้ดีครับ” อู๋ฝานยิ้มรับพลางโน้มสายคันธนู พร้อมกับยิงลูกธนูออกไป
“ปึก!”
ลูกธนูอีกดอกหนึ่งเข้าปะทะกลางเป้ายิงอย่างแม่นยำ
“ถ้าหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ผมก็คงคิดว่าคุณเป็นคนมีประสบการณ์ฝึกมาแล้วสักหลายเดือน” โค้ชตอบรับอย่างรำพึงรำพัน
อู๋ฝานมาที่นี่ครั้งแรกมีระดับเป็นเช่นไรตัวเขาทราบดี แต่แล้วผ่านพ้นเพียงแค่หนึ่งวันกลับสามารถก้าวมาถึงระดับนี้ได้ หากว่าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองชัดขนาดนี้ เขาก็คงไม่มีทางเชื่อ
อู๋ฝานยิ้มตอบรับ คนที่ผ่านการฝึกมาหลายเดือน? ตัวเขายังเป็นเพียงนักธนูระดับต้น เกรงว่ากว่าจะเทียบกับผู้ที่ฝึกฝนมาแล้วหลายปี ก็คงต้องเป็นตอนที่วิชาธนูของตัวเขาเลื่อนเป็นระดับกลาง
“โค้ช เปลี่ยนไปเป้าที่ไกลกว่านี้ดีกว่าครับ” ภายหลังยิงเข้ากลางเป้าอีกครั้ง อู๋ฝานจึงเอ่ยคำกับโค้ช
โค้ชมองยังเป้าธนูที่ห่างออกไปสิบเมตร กลางเป้าเต็มไปด้วยลูกธนูปักเอาไว้ เขาย่อมเข้าใจ ว่าอู๋ฝานไม่จำเป็นต้องฝึกกับระยะสิบเมตรอีก ดังนั้นจึงพยักหน้ารับ “ตกลงครับ”
คนทั้งสองเปลี่ยนสถานที่ มายังทางธนูระยะสิบแปดเมตร เพื่อเริ่มการฝึกครั้งใหม่
ระยะห่างของเป้าเพิ่มขึ้น ความยากในการยิงธนูก็เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าอู๋ฝานจะยังยิงเข้ากลางเป้า แต่โอกาสที่จะยิงเข้าเป้านั้นลดต่ำลงจากก่อนหน้า
อู๋ฝานเล่นอยู่ที่สมาคมราวสามชั่วโมง สุดท้ายจึงเดินทางกลับ
ในช่วงเย็น กิจการของอู๋ฝานยังคงคึกคักเหมือนเช่นเคย ภายหลังบรรดาเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวข้างเคียงหนีหาย ก็ไม่มีใครกล้ามาเปิดร้านขายบาร์บีคิวใกล้กับอู๋ฝานอีก กระทั่งกิจการหน้าร้านบาร์บีคิวใกล้เคียง พวกเขายังถูกอู๋ฝานแย่งลูกค้า
เพียงแต่ บรรดาเถ้าแก่เหล่านั้นไม่ได้มีความคิดสร้างปัญหาแก่อู๋ฝาน อย่างไรแล้ว พวกเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ตอนที่อู๋ฝานจัดการกับพวกพี่หนิว ดังนั้น พวกเขาย่อมไม่คิดอยากประสบพบเจอเหตุการณ์ดังเช่นบรรดาเถ้าแก่ร้านแผงลอยบาร์บีคิว ที่ต้องถูกบีบบังคับขับไล่ออกไป จนสุดท้ายไม่อาจทำกิจการในที่นี้ได้อีก
ด้วยเหตุดังกล่าว ร้านแผงลอยบาร์บีคิวของอู๋ฝาน จึงยิ่งเป็นร้านแผงลอยบาร์บีคิวที่ร้อนแรงที่สุดในถนนสายนี้
เพียงแต่อู๋ฝานก็ไม่ได้พึงพอใจกับสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ หากว่าก่อนหน้านี้กิจการดีเหมือนเช่นตอนนี้ เขาคงตื่นทุกเช้าด้วยรอยยิ้มอันเบิกบานและฝันแสนหวาน เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่ ด้วยทรัพยากรมากมาย หากเขาพึงพอใจกับแค่การตั้งร้านแผงลอยริมถนน ก็คงถือว่าสิ่งที่ได้มาทั้งหมดกลายเป็นไร้ค่าไป
นอกจากนี้ การค้าขายบาร์บีคิวยังมีเรื่องฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ภายหลังฤดูร้อนไม่ว่าฝีมือการทำอาหารของอู๋ฝานจะดีเช่นไร หากคิดทำให้กิจการกลับมาคึกคักได้เช่นเดิม เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก
ดังนั้น เขาจึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง ดังเช่นเปิดร้านอาหารอย่างที่เคยคิดมาโดยตลอด
“ไม่ทราบเลยว่าเจ้าหย้าหนานจะจ่ายหนี้คืนได้ทันเวลาหรือไม่” ภายหลังบอกลาหลิวอี้เตา อู๋ฝานเดินกลับบ้านเพียงลำพัง พลางครุ่นคิดถึงเรื่องเงิน “ต่อให้ได้รับการชำระหนี้คืนมา ก็ยังอีกตั้งสองเดือนให้หลัง และเราไม่อาจรอนานขนาดนั้น มีแต่ต้องคิดหาทางอื่นจากอีกโลกหนึ่งแล้ว”
ที่อีกโลกหนึ่ง อู๋ฝานยังต้องอยู่ภายในค่ายทหาร ภายหน้าจะต้องออกเดินทางขนส่งเสบียงและหญ้า และมันคงไม่ง่ายที่จะคิดหาโอกาสการทำเงิน
ขณะอู๋ฝานกำลังครุ่นคิดเรื่องเงิน ทันใดนั้นเองที่พบเห็นว่ามีคนอยู่ตรงหน้า อีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น เป็นการขวางเส้นทางไม่ให้เขาเดินไปต่อ
“ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับ” อู๋ฝานเอ่ยปาก
อู๋ฝานยังคงแบกอุปกรณ์ทำบาร์บีคิวอยู่ในมือ ดังนั้นจึงไม่ค่อยสะดวกจะเคลื่อนหลบ
“นายคืออู๋ฝาน?” อีกฝ่ายไม่ก้าวถอยหลบ แต่เอ่ยคำถามใส่อู๋ฝาน
“ผมเอง คุณเป็นใคร?” อู๋ฝานถามกลับ ตอนนี้เองที่เขารู้สึก ว่าเหมือนจะมีปัญหามาเยือน
“ก็แล้วแต่นายจะคิด” อีกฝ่ายตอบกลับมา “ฉันต้องการแขนกับขานายอย่างละข้าง อยากจะทำเอง หรือว่าให้ฉันทำ?”
อู๋ฝานขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง?”
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่หักแขนและขานายก็เท่านั้นเอง!” อีกฝ่ายตอบกลับมา
“เหอะ!” อู๋ฝานสบถคำตอบกลับ
“เหมือนว่านายจะเลือกให้ฉันลงมืองั้นสินะ” อีกฝ่ายตอบคำกลับมา น้ำเสียงเริ่มหมองหม่นเย็นเยือกลง “ถ้าหากให้ฉันทำ ก็อาจจะต้องเจ็บกันสักหน่อย”
อู๋ฝานลอบระวังตัว เพราะอีกฝ่ายไม่คล้ายว่าจะใช่คนคลุ้มคลั่ง รวมถึงไม่ใช่การล้อเล่นแม้แต่น้อย
เวลานี้ อีกฝ่ายขยับเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เมื่อครู่เขายังอยู่ห่างจากอู๋ฝานราวสามถึงสี่เมตร แต่เพียงพริบตา กลับมาหยุดตรงหน้าอู๋ฝาน พร้อมผลักฝ่ามือเข้าใส่
อู๋ฝานตื่นตกใจจึงคิดหลบเลี่ยง ทว่าก็พบว่าสายเกินไป ฝ่ามือของอีกฝ่ายเข้าปะทะกับตัวเขาอย่างหนักแน่นและรุนแรง