ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 132 งานประมูล
บทที่ 132 งานประมูล
บทที่ 132 งานประมูล
หลังจากทานอาหาร หวังจื่อหมิงจึงพาอู๋ฝานขึ้นรถไป เวลาครึ่งชั่วโมงผ่านพ้นจนทั้งสองมาถึงสถานที่จุดหมายปลายทาง
“โรงประมูลดอกไม้งาม?”
อู๋ฝานมองป้ายแขวนขนาดใหญ่บนประตูอาคารตรงหน้า แล้วเกิดมึนงงขึ้นมา
อู๋ฝานเคยเห็นโรงประมูลมาก่อน แต่ก็เพียงแค่ผ่านสื่อโทรทัศน์เท่านั้น สำหรับในความเป็นจริง มันเป็นสถานที่ที่ตัวเขาไม่เคยมาเกี่ยวข้อง
“เคยมาที่นี่มาก่อนไหม?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถาม ขณะนำทางอู๋ฝานเข้าไปด้านใน
อู๋ฝานส่ายศีรษะตอบคำกลับ “ไม่เคยมา”
“บังเอิญว่าวันนี้มีงานประมูลขนาดเล็กพอดี ถือว่าผมพาชมก็แล้วกัน” หวังจื่อหมิงตอบกลับ
“นายน้อยหวัง มาแล้วหรือครับ? เรียนเชิญด้านในทางนี้ครับ” คนทั้งสองเข้ามาได้เพียงไม่นาน ชายวัยกลางคนในชุดสูทรองเท้าหนังจึงเดินเข้ามาทักทาย
หวังจื่อหมิงพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะชี้อู๋ฝานที่อยู่ข้างกายและบอกออกไป “คนนี้คืออู๋ฝาน เป็นเพื่อนของผมเอง วันนี้พามาดูอะไรที่น่าสนใจหน่อยน่ะ อู๋ฝาน คนนี้คือผู้จัดการเฉา เฉาอวิ๋น”
“นายน้อยอู๋ ยินดีที่ได้พบครับ ขอต้อนรับสู่โรงประมูลดอกไม้งาม หวังว่าจะได้รับค่ำคืนที่ดีนะครับ” เฉาอวิ๋นกล่าวบอกด้วยความสุภาพ
การได้เป็นเพื่อนของหวังจื่อหมิง หมายความถึงสถานะของอู๋ฝานจะต้องไม่ใช่ธรรมดา ธุรกิจการค้าของเฉาอวิ๋นเกี่ยวข้องกับคนร่ำรวยและผู้มีอิทธิพล ดังนั้นย่อมต้องสุภาพเข้าไว้ก่อน
“สวัสดีครับ” อู๋ฝานจับมืออีกฝ่ายเป็นการทักทาย
แน่นอนว่าแวดวงถือว่ามีความสำคัญ
หากว่าอู๋ฝานมาเพียงลำพัง อีกฝ่ายคงไม่สุภาพด้วยถึงขนาดนี้ บางทีอาจไม่เห็นหัวเลยด้วยซ้ำไป
“ทั้งสองท่านเชิญทางนี้ครับ” ผู้จัดการเฉาบอกกับหวังจื่อหมิงและอู๋ฝาน
ค่ำคืนนี้มีงานประมูลขนาดเล็ก ดังนั้นจึงมีคนร่ำรวยเหมือนดังหวังจื่อหมิงมากันไม่ใช่น้อย ครั้งนี้เฉาอวิ๋นจึงมาที่นี่เพื่อต้อนรับแขกด้วยตนเอง
หวังจื่อหมิงนำอู๋ฝานเข้าสู่ภายใน ตัวเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ดี เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก
“หลังจากนี้หากพบเจออะไรที่สนใจ ผมจัดการให้เอง ถือว่าเป็นของขวัญมอบให้ก็แล้วกัน” หวังจื่อหมิงบอกกับอู๋ฝาน
แม้ว่าอู๋ฝานตอนนี้จะยังดูธรรมดาอย่างถึงที่สุดอยู่ หวังจื่อหมิงก็ได้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของอู๋ฝานแล้ว เขาจึงเกิดรู้สึกว่าในอนาคตอู๋ฝานย่อมประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยแน่ ดังนั้นเวลานี้การผูกมิตรกับอู๋ฝานเอาไว้ถือเป็นการลงทุนที่มีโอกาสสำเร็จสูง
มันยังเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังจื่อหมิงมีชื่อเสียงในแวดวงนายน้อยเศรษฐีในเจียงโจว เพราะเขาทราบวิธีการวางตัวและมีทัศนวิสัย
“วันนี้ผมเพียงมาเปิดโลกกับนายน้อยหวังก็เกินพอแล้วครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
“ถ้าหากว่าเกิดสนใจ ภายหน้าก็แวะเวียนมาที่นี่ได้ เฉาอวิ๋นจะให้การต้อนรับคุณอย่างดีเอง” หวังจื่อหมิงตอบกลับ มันเป็นอีกสาเหตุที่เขาแนะนำอู๋ฝานให้กับเฉาอวิ๋นอย่างจริงจัง
“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ
แท้จริงแล้ว อู๋ฝานไม่ค่อยคิดสนใจอะไรในสถานที่เช่นนี้ สาเหตุที่มาวันนี้ ก็เพียงเพราะหวังจื่อหมิงเชิญมา รวมกับความอยากรู้ในใจเขาก็เท่านั้น
เพียงไม่ช้า คนทั้งสองจึงมาถึงห้องโถงแห่งหนึ่ง ภายในโถงแห่งนี้ มันมีเวทีอยู่ตรงหน้า และแนวเก้าอี้ไล่เรียงออกมาอยู่ด้านล่าง เรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากห้องเรียนรวมแห่งหนึ่ง
เวลานี้ มีคนบางส่วนจับจองที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเหล่านั้นพูดคุยสนทนาต่อกันในวงสองถึงสามคน ทั้งยังสุภาพมีมารยาทต่อกัน จากชุดและการวางตัวของพวกเขา อู๋ฝานเพียงเห็นก็ทราบได้ว่าเป็นผู้มั่งมี
บางที ในที่แห่งนี้ตัวเขาอาจจนที่สุดแล้ว
หวังจื่อหมิงนำอู๋ฝานไปหาที่นั่ง ระหว่างทาง ยังมีคนเป็นฝ่ายเข้าหาทักทายหวังจื่อหมิง เห็นได้ชัดว่าหวังจื่อหมิงมีชื่อเสียงในกลุ่มคนเหล่านี้ แต่สำหรับอู๋ฝานที่อยู่ข้างกายหวังจื่อหมิง ทุกคนไม่มีความคิดเข้าทักทายแต่อย่างใด หลายคนกระทั่งคิดด้วยซ้ำ ว่าอู๋ฝานเป็นผู้ติดตามของหวังจื่อหมิง
อู๋ฝานไม่คิดใส่ใจแต่อยางใด เพราะเขาก็เพียงมารับชมเรื่องน่าสนใจ
ขณะเวลาผ่านไป จำนวนผู้คนภายในโถงก็มีมากขึ้น จนกระทั่งจำนวนคนรวมแล้วราวห้าสิบถึงหกสิบคน ประตูโถงจึงปิดลง และพิธีกรก็ขึ้นไปยืนบนกลางเวทีเป็นที่เรียบร้อย
“ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่โรงประมูลดอกไม้งามในค่ำคืนนี้ ผมหวังว่านายน้อยและเถ้าแก่ทั้งหลายในที่นี้จะได้ซื้อในสิ่งที่ถูกใจกลับไปนะครับ” ภายหลังเอ่ยคำทักทายด้วยความสุภาพ คนดำเนินงานประมูลจึงมุ่งตรงเข้าประเด็น “ทุกท่านคงทราบกันแล้ว ว่าค่ำคืนนี้เป็นงานประมูลขนาดเล็ก แม้ว่าไม่ใช่ขนาดที่ใหญ่โต แต่ก็มีสิ่งของมากมายมาเข้าร่วม ทุกท่านสามารถซื้อหาได้หากว่าชอบพอ หากถูกผู้อื่นชิงตัดหน้า ก็ไม่มีชิ้นที่สองแล้วนะครับ”
กลุ่มคนด้านล่างเพียงยิ้ม พวกเขาไม่ใช่หน้าใหม่ในงานประมูล จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเข้าร่วม ดังนั้นย่อมทราบความหมายของพิธีกร
“ผมเชื่อว่าทุกท่านคงไม่อาจอดใจรอคอยแล้ว ผมจะหยุดคำแนะนำอันไร้สาระของตัวเองเอาไว้เท่านี้ เช่นนั้นผมขอประกาศเริ่มงานประมูลค่ำคืนนี้อย่างเป็นทางการครับ” พิธีกรเผยเสียงอันดัง “ขอต้อนรับสินค้าประมูลชิ้นแรก”
อู๋ฝานรับชมด้วยความสงสัย สำหรับเขาที่เพิ่งเข้าร่วมงานประมูลเป็นครั้งแรก ทุกสิ่งอย่างจึงแทบไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่อยู่ในนิยาย
เพียงไม่ช้า หญิงสาวผู้มีรูปลักษณ์เลอโฉมและเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ จึงก้าวเดินอย่างเฉิดฉายเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับกล่องไม้ใบหนึ่ง
ภายหลังวางกล่องไม้ลง พิธีกรจึงนำเอาสิ่งของภายในออกมาด้วยความระมัดระวัง วางเอาไว้บนแท่นวาง และบอกกล่าวกับทุกคน “สินค้าประมูลชิ้นแรกของวันนี้ คือหินหมึกที่หลี่หยวนฟา ป๋างเหยี่ยน* จากราชกาลหงอู่แห่งราชวงศ์หมิงเคยใช้งาน ตามตำนานเล่าขาน น้ำหมึกที่หลี่หยวนฟาเคยใช้งานนี้ เป็นช่วงสิบปีที่เขาคร่ำเคร่งร่ำตำราอย่างหนักหนา ภายหลังได้รับลำดับที่สองในการสอบจอหงวน หินหมึกนี้ก็อยู่ข้างกายตัวเขามาโดยตลอด กระทั่งภายหลังได้เลื่อนตำแหน่งสามขั้น หินหมึกนี้ก็ไม่ได้ห่างกายไปไหน ดังนั้นมันจึงเป็นของสะสมอันมีค่า สำหรับสินค้าแรกที่ประมูลในวันนี้ เปิดราคาที่หนึ่งแสน การเสนอราคาจะเพิ่มขึ้นครั้งละหนึ่งหมื่นครับ”
หินหมึกผุพังมีค่าหนึ่งแสนหยวน ทั้งยังเป็นเพียงราคาเปิดการประมูล?
อู๋ฝานมองพิธีกรผู้ซึ่งนำเสนอหินหมึกในมือเป็นสินค้าประมูลในค่ำคืนนี้ เขาถึงกับพูดไม่ออก เป็นเขาไม่อาจยอมรับราคาระดับนี้ได้
สำหรับเขา ไปซื้อหินหมึกสิบหยวนก็ไม่ต่าง อาจจะสักหนึ่งร้อยหยวน ก็ถือได้ว่าเป็นราคาที่สูงแล้ว
เพียงแต่ กลุ่มคนในโรงประมูลไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน ภายหลังพิธีกรเปิดการประมูลพูดจบ จึงมีคนเสนอราคาคนแรก คนอื่นจึงเริ่มเสนอตามมา จนราคาม้วนตัวพุ่งสูง ไม่ช้าจึงแตะสามแสนหยวน
คลุ้มคลั่ง คลุ้มคลั่งกันไปหมดแล้ว
อู๋ฝานมองยังผู้คนรอบด้าน พร้อมกับเกิดรู้สึกว่าตนเองยากเข้าใจความคิดของผู้คนเหล่านี้ หากว่าเป็นตัวเขา จะไม่มีทางเสนอราคาเพื่อซื้อหาอย่างแน่นอน
“เป็นยังไงบ้าง? น่าสนใจไหม?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถามเสียงเบากับอู๋ฝาน
“ไม่เลย” อู๋ฝานส่ายศีรษะ “ก็แค่หินหมึกก้อนหนึ่ง ไม่ได้มีค่าขนาดนั้น”
“หินหมึกก้อนหนึ่ง?” หวังจื่อหมิงชะงักงันไปชั่วครู่ ถัดจากนั้นจึงหัวเราะเสียงเบา “วัตถุโบราณก็เป็นเช่นนี้ ในสายตาของผู้ที่ชื่นชอบ มันอาจถึงขั้นไม่สามารถระบุราคาได้ แต่ในสายตาของผู้ที่ไม่ได้ชอบอะไร สิบหยวนยังว่าแพงเกินไป”
อู๋ฝานมองยังชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลห่างเท่าใดนัก เขาคือผู้ประมูลซื้อหินหมึกไปด้วยมูลค่าสามแสนสองหมื่นหยวน ถัดจากนั้นจึงต้องพูดเสียงเบาอย่างรำพึง “วงการสะสมของเก่า ช่างคลุ้มคลั่งจนน่าทึ่ง”
ในสายตาของอู๋ฝานมันดูไม่ถูกต้อง หินหมึกที่อย่างมากก็ราคาสักสิบหยวน สุดท้ายถูกประมูลไปด้วยราคาสามแสนสองหมื่น ผู้ซื้อยังเผยท่าทียินดีแสดงออกมา ราวกับได้รับของรางวัลอันยิ่งใหญ่ อู๋ฝานจึงเกิดรู้สึกว่ายากจะเข้าถึงอารมณ์ของเศรษฐีเหล่านี้ และได้ตระหนักถึงความคลุ้มคลั่งในแวดวงสะสมของโบราณ
*ป๋างเหยี่ยน เป็นตำแหน่งที่สองในการสอบจอหงวน โดยอันดับที่หนึ่งมีชื่อตำแหน่งว่าจอหงวน