ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 151 การเปลี่ยนอาชีพ
บทที่ 151 การเปลี่ยนอาชีพ
บทที่ 151 การเปลี่ยนอาชีพ
“อา ของรักของฉัน!”
ภายหลังเถ้าแก่ล้มลง เขาไม่คิดสนใจอาการเจ็บปวดตามร่างกาย แต่เร่งร้อนลุกขึ้น เปิดกล่องพัสดุ พร้อมได้เห็นของที่ตนเองเพิ่งตกกระแทกจนทำมันพัง
อู๋ฝานคาดเดาไว้ถูกต้อง กล่องพัสดุดังกล่าวเต็มไปด้วยของที่ขายในร้านแผงลอยก่อนหน้านี้ ในบรรดาของเหล่านั้น มีจานลายครามที่เกือบจะหลอกผู้เฒ่าฟางได้สำเร็จ รวมถึงพัดของจริงที่อู๋ฝานได้พบด้วย
ผลลัพธ์ที่ได้ ของทั้งหมดถูกตัวเขาบดขยี้แหลกเละ เครื่องเคลือบลายครามแตกออกเป็นเสี่ยง พัดพับถูกทับเสียหาย จานแตกออกเป็นชิ้น ของอื่นก็แตกพังไม่มีชิ้นดี เรียกได้ว่ากระจัดกระจายเต็มไปหมด
“จานของฉัน! พัดของฉัน! ลูกประคำของฉัน! อา!!” เถ้าแก่ร่ำร้องคร่ำครวญดังออกมา
แม้ว่าเกือบทั้งหมดจะเป็นของปลอม แต่ก็มีชิ้นหรือสองชิ้นที่เป็นของจริง มันสามารถขายได้เป็นเงินจำนวนมาก อีกทั้งของปลอมเหล่านั้นยังเกือบจะขายเป็นเงินได้จำนวนมากมาย ในตอนที่เกือบต้มผู้เฒ่าฟางได้สำเร็จ
ผลลัพธ์ที่ได้ ตอนนี้สูญสิ้นทุกอย่างไปหมดแล้ว
อู๋ฝานรับชมด้วยความเฉยชา เมื่อครู่ตัวเขากระทำอย่างจงใจด้วยซ้ำ เพื่อเป็นการสั่งสอนบทเรียนแก่เถ้าแก่คนนี้ นอกจากนั้นยังทำเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีของปลอมไปหลอกคนอื่นในภายหน้าได้อีก
“ทั้งหมดเป็นเพราะแก!” เถ้าแก่ชี้หน้าอู๋ฝานด้วยชิ้นจานที่แตกหัก ถ้อยคำเอ่ยออกมาด้วยโทสะกราดเกรี้ยว “ทั้งหมดเป็นเพราะแก แกต้องจ่ายชดใช้ทั้งหมด!”
“ทำไมผมต้องจ่ายด้วยล่ะ?” อู๋ฝานถามกลับ “พวกคุณบุกเข้ามาก่อน ผมก็เพียงต่อสู้ป้องกันตัวเอง นอกจากนี้แล้ว คุณทำของของตัวเองแตกพังเสียหายเอง มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมกัน? แล้วของปลอมพวกนั้น ยังมีหน้ามาขอให้คนอื่นชดใช้อีกงั้นเหรอ?”
“มันมีของจริง!” เถ้าแก่ตะโกนตอบ
“แล้วไง ใครเชื่อ?” อู๋ฝานตอบกลับ
“ไม่สนโว้ย! แกต้องจ่ายค่าเสียหายมา ไม่งั้นอย่าคิดว่าจะไปที่ไหนได้” เถ้าแก่ยังคงตะโกน
“ถ้าผมคิดไป จะเข้ามาหยุดผมงั้นสิ?” อู๋ฝานถามกลับ
“อย่าคิดว่าจะไปไหนได้” เถ้าแก่ที่โกรธจัดจนลืมเลือนไปว่าฝีมือของอู๋ฝานนั้นมีเท่าไหร่ ขณะนี้จึงพุ่งตัวเข้าหาชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง
อู๋ฝานก็ไม่คิดมากมารยาท หมุนตัวพร้อมส่งลูกเตะอัดใส่อีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะใช้สายตาเย็นเยียบมองอีกฝ่ายพลางตอบ “คุณอยากจะหักขาผม ผมไม่หักขาคุณตอบโต้ ก็ถือว่าใจดีมากพอแล้ว หากยังกล้าดีอีกครั้ง ก็อย่าต่อว่าที่ผมไร้มารยาท”
เถ้าแก่พบเห็นท่าทีเสมือนจะฆ่าฟันกันของอู๋ฝาน เขาถึงกับเผลอถอยตัวไถพื้นไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเย็นเยียบสะท้านทั่วทั้งร่าง ขณะนี้เองที่เขาได้ตระหนักว่าอีกฝ่ายไม่ได้ข่มขู่ตน แต่สามารถกระทำได้จริง
อย่างไรแล้วชายหนุ่มก็เคยสังหารคนในโลกแห่งเกมมาก่อน จิตสังหารอ่อนจางจึงปรากฏจากตัวเขา สำหรับผู้อื่นในช่วงเวลาปกติคงไม่ทราบ แต่ตอนที่เขากำลังโกรธจัด จิตสังหารจึงหลุดรั่วออกมา
อู๋ฝานพบเห็นอีกฝ่ายหวาดกลัว จึงเก็บซ่อนเจตนาฆ่าฟันของตนกลับคืน หันหลังกลับและเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองอีกฝ่าย
เถ้าแก่ยังคงนั่งนิ่งกับพื้น สายตามองแผ่นหลังนั้นพร้อมอ้าปากค้าง ทว่าไม่มีคำใดเอื้อนเอ่ยออกมา
เขากำลังหวาดกลัวท่าทีข่มขวัญของอู๋ฝานจนพูดไม่ออก
อู๋ฝานไม่คิดเก็บเรื่องราวนี้มาใส่ใจ แม้ว่าเถ้าแก่คนนั้นสูญเสียทรัพย์สินไปบ้าง แต่ก็เพราะอีกฝ่ายเป็นคนใจทรามก่อนเอง การสั่งสอนบทเรียนอีกฝ่าย หาใช่เรื่องที่ต้องเก็บมาคิดเป็นภาระทางจิตใจไม่
ภายหลังกลับจากถนนวั่งหยวน อู๋ฝานจึงตรงไปยังสมาคมยิงธนูซิงเยวี่ย เพื่อทำการฝึกฝนต่อไป
อู๋ฝานไม่เคยหยุดการฝึกฝนการยิงธนู ไม่ว่าจะในความเป็นจริงหรือในเกม ตนก็ไม่เคยหยุดการฝึกฝนทั้งสิ้น เพราะเหตุนั้นศักยภาพการยิงธนูของตัวเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เลื่อนขึ้นไปสู่ระดับกลาง ปัจจุบันกำลังก้าวหน้าไปสู่ระดับสูง
แน่นอนว่า เพราะจี้หยกกระเรียนขาว ทำให้ฝีมือการยิงธนูแท้จริงของอู๋ฝานในตอนนี้ถือเป็นระดับสูง ฝีมือการยิงของเขาในปัจจุบันได้ก้าวข้ามโจวซานและโค้ชของสมาคมยิงธนูไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ตนเกรงว่าหลังเปิดเผยความแข็งแกร่งแท้จริงออกไป มันอาจทำผู้อื่นเกิดหวาดกลัว ดังนั้นจึงคิดเก็บซ่อนเอาไว้
แม้แบบนั้น โจวซานและโค้ชที่ฝึกสอน คนทั้งสองยังต้องประหลาดใจกับความก้าวหน้าทางการยิงธนูของอู๋ฝาน พวกเขาไม่เคยนึกคิดว่าชายหนุ่มจะก้าวหน้ารวดเร็วถึงเพียงนี้ ที่ภายในสมาคมยิงธนู การฝึกซ้อมยิงธนูของอีกฝ่ายได้เปลี่ยนจากระยะสิบเมตรเป็นสิบแปดเมตร และแม้เป็นระยะสิบแปดเมตร ความแม่นยำของอู๋ฝานคือเข้าเป้าทุกการยิง ต่อให้เขาไม่อยาก มันก็ยังยิงเข้าตรงกลางเป้าอยู่ดี
ดังนั้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา การฝึกซ้อมยิงธนูของอู๋ฝานจึงเริ่มเพิ่มระยะที่มากขึ้น
โค้ชของสมาคมซิงเยวี่ยมองอู๋ฝาน ผู้ซึ่งกำลังฝึกระยะยิงธนูห้าสิบเมตร ในใจกำลังรำพึงรำพัน
เขาเป็นคนชี้แนะการฝึกฝนของอู๋ฝานตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นตนจึงตระหนักได้ดี ถึงอัตราการเติบโตอันน่าสะพรึงของอู๋ฝาน จากแรกเริ่มระยะห้าเมตรที่ไม่เคยยิงเข้ากลางเป้า ขณะนี้สามารถยิงระยะห้าสิบเมตรได้อย่างง่ายดาย อู๋ฝานทำความคุ้นชินโดยใช้เวลาเพียงแค่สัปดาห์กว่า หากว่าไม่ใช่เห็นด้วยตาตัวเอง คงไม่คิดเชื่อว่าฝีมือการยิงธนูของคนคนหนึ่งจะก้าวหน้ารวดเร็วถึงขนาดนี้ได้
มันเป็นความก้าวหน้าที่ชวนสะพรึงจนเกินไป
โค้ชคนดังกล่าวแทบไม่ได้สอนอะไรให้อู๋ฝานมานานแล้ว ตัวเขาทำได้เพียงรับชม และคิดอยากจะเห็นว่าชายหนุ่มจะประสบความสำเร็จไปจนถึงระดับใด
อู๋ฝานหาได้ตระหนักถึงห้วงอารมณ์และความตื่นตกใจของโค้ชไม่ เขาค่อนข้างพอใจกับอัตราการเติบโตในฝีมือการยิงธนูของตนเองเสียด้วยซ้ำ
เงินที่ใช้จ่ายไปไม่ใช่สูญเปล่า
ภายหลังฝึกฝนเสร็จสิ้น อู๋ฝานจึงไปซื้อหาวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำบาร์บีคิวในช่วงเย็นค่ำ
เพราะภาพคัดลายมือ [ส่งแขกกลับ] อู๋ฝานจึงพอประเมินได้ว่าอาชีพขายบาร์บีคิวของตนเองใกล้จบลงแล้ว ปัจจุบันเขายังเกิดความลังเลอยู่เล็กน้อย อย่างไรแล้วมันก็เป็นอาชีพที่หาเลี้ยงตัวมายาวนานพอสมควร และตอนที่ยังปิ้งบาร์บีคิวขายอยู่นั้นเอง กลับได้รับแหวนประหลาดที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิต ขณะนี้ได้ทราบว่าตนเองกำลังจะเปลี่ยนแปลงอาชีพ จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจ
ในช่วงเย็น กิจการของอู๋ฝานยังคงครึกครื้นเช่นเคย บรรดานักเรียนนักศึกษาจากสถาบันรอบด้าน รวมถึงนักท่องเที่ยวและคนสัญจร พวกเขาต่างมาเป็นลูกค้าร้านแผงลอยของเขา ทำให้ทั้งตนและหลิวอี้เตาแทบไม่มีเวลาพักจนถึงช่วงเก็บร้าน กระทั่งว่าร่างกายพร้อมสมบูรณ์ดี ก็ยังต้องรู้สึกว่าแขนอ่อนล้า ส่วนทางด้านหลิวอี้เตา สภาพย่ำแย่ยิ่งกว่า สีหน้าถึงขั้นซีดเผือดจนแทบหมดเรี่ยวแรง
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ปัญหาเรื่องเงินทุนซื้อร้านจะคลี่คลายไปได้ในอีกไม่กี่วัน” ระหว่างทางกลับ อู๋ฝานบอกเล่าเรื่องราวให้หลิวอี้เตาฟังส่วนหนึ่ง “อาชีพขายบาร์บีคิวของพวกเราคงใกล้ถึงจุดสิ้นสุดกันแล้ว”
“จริงเหรอเนี่ย? ยอดเยี่ยมที่สุด!” หลิวอี้เตารับคำด้วยความประหลาดใจ กระทั่งเกิดรู้สึกว่าทั้งกายเกิดมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงอ่อนล้าก่อนหน้านี้ถึงกับเลือนหาย
“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “อีกเพียงไม่นาน ขอแค่ไม่กี่วัน ถึงเวลานั้น คุณคงได้กลับเข้าครัวอีกครั้งแล้ว”
กล่าวตามตรงว่าการขอให้เชฟมือดีอย่างหลิวอี้เตาทำแต่บาร์บีคิวถือเป็นการเสียเปล่า สมรภูมิของเขาสมควรเป็นในครัว ไม่ใช่ข้างถนน