ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 162 เลิกล้มอย่างกะทันหัน
บทที่ 162 เลิกล้มอย่างกะทันหัน
บทที่ 162 เลิกล้มอย่างกะทันหัน
“พี่หวัง ภาพวาดนี้น่ะ” อู๋ฝานเอ่ยกระซิบบอกหวังจื่อหมิง
“ฉันรู้ดีว่ามันไม่ใช่ราคาที่เหมาะสม แต่แค่เพิ่มเงินอีกนิดหน่อย ก็หาซื้อมาได้แล้วล่ะ” หวังจื่อหมิงขัดคำของอู๋ฝาน ถัดจากนั้นจึงตะโกนเสียงดัง “สี่สิบหกล้าน!”
การเสนอราคายังคงดำเนินต่อไป เห็นได้ชัดว่าหวังจื่อหมิงค่อนข้างถูกกระตุ้นจนอารมณ์ร้อน เขากำลังเสนอราคาออกไป โดยที่ทราบว่ามันเกินตัวมูลค่าของวัตถุไปแล้ว
อีกเพียงแค่อึดใจเดียว!
“ห้าสิบล้าน!” เจียงอวี่ตะโกนเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ พร้อมปรายสายตามองหวังจื่อหมิง
ตอนนั้นเองที่เริ่มมีเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวตรงหน้านี้ดังขึ้น เนื่องจากราคาประมูลของภาพวาดเกินกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น และนายน้อยทั้งสองคนยังแข่งขันราคากันไม่เลิกรา
แม้ว่าจะมีกำลังต่อสู้ แต่อย่างไรก็ต้องมีขีดจำกัด เพราะไม่มีใครสามารถเสกเงินออกมาจากสายลม โดยเฉพาะกับหวังจื่อหมิงและเจียงอวี่ คนทั้งสองเป็นเพียงทายาทของตระกูล ดังนั้นการเงินที่สามารถใช้ได้ย่อมมีอย่างจำกัด
ทุกคนต่างคาดเดากันว่าขีดจำกัดทางการเงินของคนทั้งสองจะอยู่ที่ตรงไหน และสุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันราคาครั้งนี้
“ห้าสิบเอ็ดล้าน!”
“ห้าสิบห้าล้าน!”
การเสนอราคาระหว่างคนทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป ทว่าจากสีหน้าท่าทีของคนทั้งสอง ประเมินได้ว่าการต่อสู้นี้คงจะดำเนินต่อได้อีกไม่นาน อำนาจการแข่งขันทางการเงินสมควรใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
“พี่หวัง ภาพวาดนั่น มันมีอะไรแปลก ๆ!” อู๋ฝานเร่งร้อนบอกหวังจื่อหมิงเสียงเบา เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยขัดคำขึ้นอีกครั้ง
“มีปัญหางั้นเหรอ ปัญหาอะไร?” หวังจื่อหมิงหันกลับไปมอง ทว่ายังคงขานราคาออกไป “ห้าสิบหกล้าน!”
“มันเป็นของปลอม ของปลอม!” อู๋ฝานเร่งร้อนตอบกลับ เพราะกลัวว่าหวังจื่อหมิงจะต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อของปลอม เขาพยายามบอกแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้คืออีกฝ่ายหน้ามืดไม่ยอมฟัง และขัดจนไม่มีโอกาสได้พูด
“ว่าอะไรนะ? ของปลอม?!” หวังจื่อหมิงตื่นตระหนก กระทั่งเกือบชักสีหน้าเหยเก
ปกติแล้วหวังจื่อหมิงเคยได้เจอของปลอมมาไม่น้อย แต่ต่างกันแค่ครั้งนี้ที่เขากำลังเข้าร่วมประมูลแข่งขัน และเสนอราคาไปเกินกว่าห้าสิบล้านหยวนแล้ว ด้วยเงินจำนวนมากขนาดนั้น หากว่าซื้อของแท้ไปได้ ยังพอบอกกล่าวกับคนอื่นได้ว่ากระทำไปเพราะต้องการครอบครอง เพียงแค่จ่ายเงินเพิ่มไปบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
แต่หากต้องจ่ายเงินเกินกว่าห้าสิบล้านเพื่อซื้อของปลอมมา เรื่องราวจะเปลี่ยนไปในทันที เขาจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น เป็นที่ขบขันในวงการไปอีกนานเท่านาน กระทั่งว่ามีใครมาพบเขา แม้จะไม่พูดออกมา แต่ก็ต้องนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความจริงที่ว่าเขาจ่ายไปห้าสิบกว่าล้านหยวนเพื่อซื้อหาของปลอมมานั้น จะกลายเป็นตราบาปติดตัวไปนานเท่านาน
นับว่าเป็นเรื่องน่าขายหน้าอย่างยิ่ง!
“นายมั่นใจใช่ไหม? ของปลอมงั้นเหรอ?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถาม ในใจขณะนี้ยังเกิดความรู้สึกไม่เชื่อถืออยู่บ้าง “โรงประมูลจะนำสินค้าออกมาขายได้ก็ต้องผ่านการตรวจสอบมาแล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ อีกอย่างยังมีหลายคนขึ้นไปบนเวทีเพื่อตรวจสอบด้วย ผ่านสายตามากมายขนาดนั้น กลับไม่มีใครเห็นปัญหา ที่นี่มีแต่นักสะสมวัตถุโบราณมากฝีมือ เป็นคนที่คลุกคลีกับวงการนี้มาอย่างยาวนาน ประสบการณ์สูงล้ำ ทว่ากลับไม่มีใครพบเจอปัญหาแม้สักคนเลยนะ”
ไม่แปลกที่หวังจื่อหมิงจะสงสัยในคำพูดของอู๋ฝาน หลายคนที่เข้าร่วมงานประมูลในค่ำคืนนี้ ต่างก็เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการวัตถุโบราณมาอย่างยาวนาน ประสบการณ์และสายตาของพวกเขาย่อมเฉียบคม แต่แล้วจนถึงตอนนี้ กลับไม่มีใครพบเห็นปัญหาดังกล่าวจากตัวภาพวาด ทว่าชายหนุ่มกลับเอ่ยขึ้นมาว่ามันมีปัญหาอยู่เพียงแค่คนเดียว
“พี่หวัง ภาพวาดนั่นผิดปกติ มันเป็นของปลอม เพียงแต่คนที่ทำของปลอมนี้ขึ้นมามีฝีมือสูงล้ำมากเท่านั้น” อู๋ฝานตอบกลับ “ถ้าเชื่อผม ก็อย่าซื้อมันเลยนะครับ”
เขาสมควรเชื่ออีกฝ่ายหรือไม่?
หวังจื่อหมิงเกิดลังเลขึ้นมา ตอนนี้มีเพียงแค่อู๋ฝานคนเดียวที่บอกว่าภาพวาดนั้นเป็นของปลอม ในขณะเดียวกันไม่มีใครอื่นพบเจอปัญหาอีก เรื่องราวนี้จึงทำให้คำของอีกฝ่ายไม่ค่อยน่าเชื่อถืออยู่บ้าง
แต่เมื่อหวังจื่อหมิงนึกถึงภาพคัดลายมือ [ส่งแขกกลับ] ที่กำลังจะนำขึ้นประมูลในค่ำคืนนี้ ตอนนั้นเองก็ไม่มีใครพบว่ามันผิดแปลกตรงไหน มีเพียงอู๋ฝานเท่านั้นที่เห็นต่าง ดังนั้นอีกฝ่ายจึงต้องการมันไม่ใช่งั้นเหรอ?
คิดได้ดังนั้น หวังจื่อหมิงจึงเริ่มเชื่อในตัวอู๋ฝานขึ้นมา
“หกสิบล้าน!” เจียงอวี่ไม่ทราบว่าทางด้านนี้เกิดการสนทนาใดขึ้น ดังนั้นจึงยังคงขานราคา “นายน้อยหวังเป็นอะไรไปแล้ว เงินหมดงั้นเหรอ? ผมให้ยืมก่อนดีไหม?”
หวังจื่อหมิงเมินเฉยต่อคำพูดของเจียงอวี่ สายตายังคงมองอู๋ฝาน เอ่ยเสียงเบาขณะถาม “มั่นใจนะ?”
“มั่นใจครับ มั่นใจมาก!” อู๋ฝานตอบรับอย่างจริงจัง
เรื่องแบบนี้หรือจะล้อกันเล่น มันคือผลลัพธ์ของวิชาตรวจสอบ จะเกิดความผิดพลาดได้ด้วยเหรอ?
หากจะกล่าวให้ถูกต้อง วิชาตรวจสอบไม่เคยผิดพลาด โดยเฉพาะกับการประเมินผลงาน [ส่งแขกกลับ] เมื่อครั้งก่อน มันเป็นเรื่องจริงที่ไม่เคยมีใครเคยพบเห็น!
หวังจื่อหมิงสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาหลายครั้ง สุดท้ายจึงตอบรับ “ได้ ฉันเชื่อนาย!”
การที่หวังจื่อหมิงจะตัดสินใจได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตนเองยังมีหน้าตาที่ต้องรักษา เจียงอวี่หาเรื่องเขาหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้ยังเสนอราคาแข่งกัน หากเกิดวางมืออย่างกะทันหัน คนอื่นจะนึกไปว่าเขาเกรงกลัวอีกฝ่าย สุดท้ายจะเกิดเป็นข่าวฉาวอันน่าอับอายในแวดวงขึ้นมา
แต่หวังจื่อหมิงเลือกจะเชื่อมั่นในตัวอู๋ฝาน ตนเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก หากไม่มั่นใจจริง ๆ คงไม่บอกเขาเช่นนั้น
หลังตัดสินใจได้แล้ว หวังจื่อหมิงจึงไม่มีความลังเลอีก สายตาหันไปมองทางเจียงอวี่พร้อมเอ่ยขึ้น “ในเมื่อต้องการภาพวาดมากถึงขนาดนั้น ก็ถือซะว่าฉันยกให้ก็แล้วกัน หวังว่าจะไม่นึกเสียใจทีหลังนะ!”
หวังจื่อหมิงยอมแพ้แล้ว?!
ผู้คนภายในสถานที่แห่งนี้รวมทั้งตัวเจียงอวี่ เกิดความรู้สึกสับสนงงงวย แม้หวังจื่อหมิงจะเสนอราคาขึ้นเพียงครั้งละหนึ่งล้าน แต่ตัวเขามีความมั่นใจ ทุกครั้งที่ขานราคาไม่มีความลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ขณะนี้แสดงท่าทีว่าต้องการปล่อยมือแล้ว เหตุใดจึงยอมอย่างง่ายดายเช่นนั้น พูดขึ้นตอนนี้ไม่กะทันหันเกินไปหน่อยเหรอ?
เจียงอวี่อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกสงสัย
แท้จริงแล้วเจียงอวี่เองก็ทราบดีว่าราคาปัจจุบันสูงเกินไปมาก เขายังคิดอยู่ในใจเสียด้วยซ้ำว่าจะเสนอราคาแข่งกับหวังจื่อหมิงอีกเพียงไม่กี่ครั้ง ท้ายที่สุดจะอาสาเป็นฝ่ายยอมถอยเอง เพื่อมอบภาพวาดดังกล่าวให้อีกฝ่าย แม้ว่าการประมูลครั้งนี้เสียเงินเกินไปบ้าง แต่สุดท้ายชายคนนั้นก็จะถูกเรียกว่าเป็นผู้ชนะการประมูล หลังผู้คนทราบเรื่องราว พวกเขาย่อมเลือกที่จะเอ่ยคำชม ไม่ใช่กล่าวว่าเสียเงินมากมายเพื่อซื้อภาพวาดที่ไม่คุ้มค่าเงิน
แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เพราะอะไรหวังจื่อหมิงถึงยอมปล่อยมืออย่างกะทันหัน? เรื่องนี้ถึงกับทำเจียงอวี่เกิดรับไม่ได้ขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ เพราะในความเห็นของตน อีกฝ่ายจะต้องแข่งขันจนถึงที่สุด แม้ปกติจะค่อนข้างมีท่าทีเป็นมิตร แต่หากถูกกระตุ้นอารมณ์จนหน้ามืดตามัวขึ้นมา ฝ่ายนั้นก็จะตามตื๊อไม่เลิกไม่รา อีกทั้งเรื่องที่บิดาของเขาชื่นชอบผลงานของหลี่เยี่ยนจื่อนั้นไม่ใช่ความลับอะไร เหตุผลในการแข่งขันแย่งชิงมีชัดเจนเสียยิ่งกว่าเจียงอวี่
สาเหตุที่เจียงอวี่เสนอราคาภาพวาดดังกล่าว ไม่ใช่เพราะตัวเขาหรือบิดา แต่เพราะมีจุดประสงค์ที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งเช่นการสร้างความยากลำบากให้แก่หวังจื่อหมิง ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียทรัพย์จนกลายเป็นที่ขบขันของแวดวง
ดังนั้นเจียงอวี่จึงไม่เคยคิดซื้อภาพวาดนี้มาตั้งแต่ต้นเสียด้วยซ้ำ
มันจึงทำให้เขาไม่คาดคิดว่าหวังจื่อหมิงจะหยุดเล่นด้วยอย่างกะทันหัน ทั้งยังยอมปล่อยวางโดยไม่สนอะไรถึงขนาดนี้ได้
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!?
เจียงอวี่คำรามอยู่ในใจ