ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 167 เผ่นหนีอย่างอับอาย
บทที่ 167 เผ่นหนีอย่างอับอาย
บทที่ 167 เผ่นหนีอย่างอับอาย
“เหล่าหวังเชี่ยวชาญในด้านนี้ ถ้าเขาพูดแบบนั้นออกมา ก็คงจะเป็นเรื่องจริงแล้ว”
“ไม่นึกเลยว่าจะมองพลาดตรงข้อบกพร่องที่มากขนาดนี้ไปได้ พวกเราไม่เห็นมาก่อนจริง ๆ”
“ชายหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน สายตาแหลมคมเกินไปแล้ว ลึกล้ำยิ่งกว่าฉันที่ศึกษาเรื่องภาพวาดน้ำหมึกมานานหลายปีด้วยซ้ำ อนาคตของคนหนุ่มรุ่นนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง ๆ”
คำพูดของผู้อาวุโสเป็นเหตุให้เกิดหัวข้อสนทนามากมายในกลุ่มคนรอบด้าน คำของอู๋ฝานรวมกับเหล่าผู้อาวุโส เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนที่รายล้อม ขณะนี้ได้ยืนยันกันจนแน่ชัดแก่ใจแล้ว
ผลงานภาพวาดวิหคลอยล่องในขุนเขาใบไม้ผลิของเจียงอวี่เป็นของปลอม!
ตัวเจียงอวี่เองก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์นี้เช่นกัน สีหน้ายามนี้จึงดำคล้ำยิ่งกว่าก้อนถ่าน ภาพวาดน้ำหมึกที่เขากำลังถือในมือ มันกลายเป็นประหนึ่งเผือกร้อน ที่ตัวเขาจะโยนทิ้งก็ไม่ได้ เก็บไว้ก็ไม่ดี
เจียงอวี่รับรู้ได้ถึงสายตาของผู้คนรอบด้านที่มองมาเปลี่ยนแปลงไป จากเป็นมิตรกลายเป็นเย้ยหยัน เขารู้สึกได้ว่าทุกคนในที่นี้กำลังเยาะเย้ยตนเองอยู่
เพราะเขาเพิ่งจ่ายหกสิบล้านซื้อของปลอมมา!
อีกทั้ง ยังถูกเปิดโปงต่อหน้าผู้คนมากมายในแวดวงด้วย!
หากว่าเจียงอวี่เป็นหนึ่งในผู้รับชมเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาก็คงหัวเราะเยาะคนที่จ่ายหนักซื้อของปลอมเช่นเดียวกัน หากอีกฝ่ายเป็นหวังจื่อหมิง เขาจะยิ่งไม่มีทางคิดปิดบัง กระทั่งเยาะเย้ยอย่างออกนอกหน้าเสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่! ขณะนี้ตัวเขาไม่ใช่ผู้รับชม แต่เป็นคนที่ประสบกับเรื่องโดยตรง!
เขาคือคนที่ซื้อของปลอมมา! จึงไม่ใช่เวลามามัวหัวเราะเยาะคนอื่น ตอนนี้แทบอยากขุดรูแทรกตัวหนีไปเสียให้พ้น โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นหวังจื่อหมิงเผยสีหน้าเย้ยหยัน เจียงอวี่ที่เดิมรู้สึกว่าวันนี้คือวันของตนเอง กลับกลายเป็นวันอันมืดมนที่สุดในช่วงชีวิตเสียแล้ว
“นายน้อยเจียง เป็นอะไรไปแล้ว พวกเราไม่ได้โกหกอะไรเลย ที่พูดไปก่อนหน้านี้ว่าซื้อขยะมานั้นคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น” หวังจื่อหมิงไม่คิดปล่อยโอกาสขว้างปาก้อนหินใส่เจียงอวี่ “เพียงแต่ ทางนี้ก็ต้องขอบคุณนายน้อยเจียงเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยเจียง ก็คงเป็นฉันที่ซื้อหาขยะชิ้นนี้มาแล้ว นายน้อยเจียงช่วยไม่ให้ฉันถูกหลอกลวงซื้อของปลอมมา ทั้งยังเสนอราคาให้ถึงหกสิบล้านเพื่อแย่งซื้อของปลอมไป นับได้ว่าเป็นบุคคลเสียสละที่น่ายกย่องสืบต่อไปอีกหลายรุ่น หวังจื่อหมิงคนนี้รู้สึกซาบซึ้งใจจริง ๆ”
เจียงอวี่เผยสีหน้าดำยิ่งกว่าน้ำหมึก ทุกถอยคำของหวังจื่อหมิงคือการตบหน้าเขา เป็นเหตุให้เขาแทบถูกตบจนสลบเหมือดแล้ว
เจียงอวี่เชื่อว่าภายหลังค่ำคืนนี้ เรื่องราวที่เขาจ่ายหกสิบล้านซื้อหาของปลอม มันจะกลายเป็นข่าวดังอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ถึงเวลานั้นเขาจะกลายเป็นตัวตลกของแวดวง
คิดได้ดังนั้น เจียงอวี่แทบจะสิ้นสติลงกับที่
น่าอับอายขายหน้า!
ใบหน้าเจียงอวี่เผยอาการประดักประเดิดและโกรธแค้น เขาเก็บภาพวาดนั้น แล้วจึงเอ่ยกับอู๋ฝานที่เป็นคนวิจารณ์ข้อเท็จจริงออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? บอกว่าของปลอมก็คือของปลอมงั้นเหรอ? ไร้สาระสิ้นดี!”
พูดจบคำ เจียงอวี่ถลึงตามองอู๋ฝานอย่างดุร้าย สุดท้ายก็หันกลับและจากไป
เขาไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อ เพราะหากยังอยู่ ก็คงกลายเป็นที่หัวเราะขบขันของทุกคน
ในใจของเจียงอวี่ที่นอกจากเกลียดชังหวังจื่อหมิง เขายังเกลียดชังอู๋ฝาน กระทั่งเกลียดอีกฝ่ายมากเสียยิ่งกว่าที่เกลียดชังหวังจื่อหมิงด้วยซ้ำ
อีกฝ่ายเป็นคนที่โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ จู่ ๆ ก็มาเปิดโปงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาซื้อของปลอมออกมาต่อหน้าผู้คน ทั้งที่คนอีกมากมายไม่ทันได้รู้เลยด้วยซ้ำ ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวเขาถูกแฉซึ่งหน้า กลับกลายเป็นที่ขบขันของคนอื่น เป็นตัวตลกในแวดวงสังคม ทั้งหมดก็เพราะอีกฝ่าย!
เจียงอวี่เชื่อว่าหากไม่มีคนเช่นอู๋ฝานอยู่ คนอื่นก็คงไม่ทราบเรื่องที่เขาซื้อของปลอม และก็คงไม่ถูกคนอื่นเย้ยหยัน กระทั่งว่าสามารถใช้โอกาสที่สร้างขึ้นมานี้ เหยียบหวังจื่อหมิงและเย้ยหยันไปได้อีกนาน
ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ตอนนี้ ทุกสิ่งอย่างแปรเปลี่ยนพลิกกลับอย่างกะทันหันโดยคนเพียงคนเดียว แทนที่เขาจะได้ตบหน้าหวังจื่อหมิง กลับต้องเป็นตัวตลกเสียเอง
“นายน้อยเจียงจะกลับแล้วเหรอครับ? ผมยังพูดไม่ครบเลย” อู๋ฝานตะโกนดังไล่หลัง แน่นอนว่าตนย่อมทราบถึงสายตาของเจียงอวี่ เพียงแต่ไม่คิดใส่ใจ เพราะตอนที่เอ่ยคำนั้น ตัวเขาก็ถูกอีกฝ่ายเกลียดชังแน่นอนอยู่แล้ว ถ้ากลัว เขาคงไม่เสนอตัวออกมาแฉเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เจียงอวี่ยังคงเดินต่อไป และคล้ายว่าจะเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
“นายน้อยเจียง เก็บของให้ดีด้วยล่ะ ยังไงก็จ่ายหกสิบล้านซื้อของปลอมไปแล้ว นับได้ว่าเป็นของสะสมในอีกแง่มุมหนึ่งเลยทีเดียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” หวังจื่อหมิงเผยยิ้มเยาะเย้ยไล่หลัง
เจียงอวี่เท้าลื่นแทบล้มลง เพียงแต่ไม่ล้ม หลังประคองตัวเองได้ จึงเผยสีหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น ทว่าเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้นจึงต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
เขาไม่อาจแบกหน้าอยู่ต่อไหวแล้ว
เมื่อเจียงอวี่กลับไป หลายคนที่ล้อมวงรับชมเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นก็เริ่มแยกย้าย เพียงแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นย่อมไม่ใช่ประเด็นที่จะสลายแยกย้ายเช่นกลุ่มคน หลังจากนั้นพวกเขาแยกตัวไปพูดคุยในกลุ่มของตนเอง หัวข้อที่พูดถึงยังคงเป็นเรื่องของภาพวาดปลอม
อย่างไรแล้วมันก็เป็นของปลอมมูลค่าหกสิบล้าน จ่ายเงินไปมากมายขนาดนั้น แต่ของที่ได้รับมากลับกลายเป็นซื้อของปลอมไปเสียได้ นับว่าเป็นประสบการณ์อันหาได้ยากยิ่ง
แน่นอนว่า อู๋ฝานที่แสดงฝีมือการวิเคราะห์ตรวจสอบ ย่อมกลายเป็นที่จับตาของคนหลายคนขึ้นมา
ผู้คนภายในโถงจัดเลี้ยง ไม่มากก็น้อยต้องชื่นชอบและสะสมโบราณวัตถุ บางคนกระทั่งคลุกคลีในวงการนี้มายาวนานหลายสิบปี ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขากลับยังไม่พบเห็นจุดผิดปกติใด ทว่าอีกด้านหนึ่งนั้น คนหนุ่มเช่นอู๋ฝานกลับชี้แนะข้อด้อยของผลงานออกมาเสียง่ายดาย ทั้งยังชี้ไล่เรียงจุดอย่างชัดเจน
ฝีมือการประเมินดังกล่าว มันเกินกว่าทุกคนในที่นี้จะมีได้
“สหายน้อยอู๋ฝาน ฉันดูคนไม่ผิดจริง ๆ ความสามารถวิเคราะห์ประเมินของเธอยอดเยี่ยมมาก” ผู้เฒ่าฟางกล่าวบอกอู๋ฝานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แม้ว่าเขายังสงสัยว่าฝีมือการประเมินของอู๋ฝานนี้ได้รับมาจากที่ใด เพราะทั้งเมื่อวานและวันนี้ ผู้เฒ่าฟางไร้ข้อกังขาในความสามารถประเมินวัตถุโบราณของอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันไม่ใช่ความสามารถระดับที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถครอบครองได้
กระทั่งตัวเขาเอง ก็ยังมีฝีมือไม่เท่าอู๋ฝาน
“ปู่ฟางชมเกินไปแล้วครับ ผมก็เพียงแค่ได้อ่านตำรามาบ้างเท่านั้น” อู๋ฝานยิ้มกลบเกลื่อนตอบรับ
“คนที่อ่านตำราเรื่องของโบราณมีมากมาย แต่น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จระดับเธอได้” ผู้เฒ่าฟางมองอู๋ฝานอย่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “บอกตามตรง เธอเป็นคนแรกที่ฉันเห็นว่ามาได้ไกลถึงขนาดนี้”
“ครับ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเกียรติของผมแล้วครับ” อู๋ฝานตอบรับ
อู๋ฝานยังไม่มีหนทางอธิบายที่มาที่ไปของความสามารถวิเคราะห์ประเมิน ทำได้เพียงแค่คิดหาข้อแก้ตัวไปเรื่อย ถ้าไม่ใช่เพราะไม่อยากเห็นหวังจื่อหมิงเสียทรัพย์ซื้อของปลอม เขาก็คงไม่เอ่ยปากพูดออกมา
นับเป็นโชคดีที่ผู้เฒ่าฟางไม่ได้ซักไซ้อะไรมากมายนัก เขาจึงเร่งเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เช่นเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในแวดวงโบราณวัตถุ
ช่วงเวลาดังกล่าว อู๋ฝานทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี เพราะแท้จริงแล้วเขาแทบไม่ทราบเรื่องราวของวัตถุโบราณแต่อย่างใด หากมีวัตถุอ้างอิง ตนยังสามารถใช้วิชาตรวจสอบเพื่อดูข้อมูลและโกงได้ แต่หากต้องพูดคุยปากเปล่าในหัวข้อนี้ ชายหนุ่มแทบไม่มีเรื่องราวอะไรให้พูดคุย