ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 179 รถ
บทที่ 179 รถ
บทที่ 179 รถ
ภายหลังกลับสู่โลกความเป็นจริง อู๋ฝานแตะที่บริเวณหน้าอกของตนเองเพื่อยืนยันว่าบาดแผลนั้นได้เลือนหายไปโดยสมบูรณ์แล้ว
“ความสามารถในการรักษาที่มาพร้อมกับแหวนนี่ แข็งแกร่งจนน่าทึ่งเลยจริง ๆ” อู๋ฝานถอนหายใจพลางพึมพำ
อาการบาดเจ็บในโลกแห่งเกม ขอเพียงกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงครั้งหนึ่ง ก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันเป็นความเร็วในการรักษาและฟื้นฟูชนิดที่ว่าไม่มียาวิเศษใดจะสามารถเทียบได้
ไม่กี่วันถัดจากนี้ อู๋ฝานต้องยุ่งอยู่กับเรื่องร้านอาหารในโลกความเป็นจริง ฝ่ายงานประดับตกแต่งร้านใหม่ราบรื่นไปด้วยดี รวมถึงใกล้สำเร็จเสร็จสิ้น เฉินปิงเหยาและคนอื่นที่อู๋ฝานรับสมัครมาก่อนหน้านี้ต่างก็มารายงานตัวเพื่อทำหน้าที่ ภายในร้านที่ยังไม่ได้เริ่มเปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการ อู๋ฝานให้เฉินปิงเหยาดูแลกลุ่มคนโดยการฝึกซ้อมอย่างเรียบง่าย ก่อนหน้านี้หญิงสาวเคยเป็นผู้จัดการมาก่อน เรื่องการฝึกซ้อมพนักงาน จึงถือเป็นขอบเขตที่รู้และกระทำได้
ส่วนเรื่องงานครัว เชฟหลักย่อมเป็นหลิวอี้เตา ส่วนเชฟธรรมดาคนอื่น พวกเขาถูกหลิวอี้เตาเชิญชวนมา พวกเขาทั้งหมดจะเป็นคนรับผิดชอบงานครัว ส่วนเงินเดือนที่อู๋ฝานจ่ายให้นั้นไม่ใช่อัตราต่ำเตี้ย รวมกับคำเชิญชวนของหลิวอี้เตา จึงมีเชฟน้อยคนที่เลือกจะปฏิเสธ
ในโลกแห่งเกม อู๋ฝานค่อนข้างเร่งรีบ ตอนอพยพออกจากทุ่งราบรกร้าง โจวซานได้บอกให้กลุ่มคนเดินทางกลับเทศมณฑลชิงหยวน คนของค่ายวิหคต่างก็เป็นชาวไร่ชาวนาชนบทใกล้เคียงเทศมณฑลชิงหยวน ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องเดินทางกลับเทศมณฑลชิงหยวน
ระหว่างทาง อู๋ฝานและคณะเดินทางค่อนข้างราบรื่น อาจพบเจอมอนสเตอร์บ้างไม่กี่ครั้ง แต่ทั้งหมดก็ถูกชายหนุ่มสังหาร ส่วนคนของโลกอสูร เขาและพรรคพวกไม่เคยได้พบเจออีก ส่วนว่าที่ทุ่งราบรกร้างเกิดเรื่องราวใดขึ้นต่อ พวกเขาไม่ทราบ แน่นอนว่าพวกอู๋ฝานเองไม่คิดกังวลอะไร อย่างไรพวกเขาก็เป็นเพียงทหารปลายแถว เรื่องราวที่ทุ่งราบรกร้าง ย่อมเป็นหน้าที่ของราชสำนักและขุนพลแห่งกองทัพพิจารณาจัดการ
…
“อาจารย์อู๋ คืนนี้มีงานปาร์ตี้วันเกิดของฉันนะคะ คงไม่ลืมหรอกใช่ไหม?” หลังอู๋ฝานหลับมาและออกกำลังกายเสร็จเรียบร้อย ถังอวี่เฟยก็เป็นฝ่ายเข้าหาเชิญชวน ส่วนทางด้านหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เธอเพียงแค่มองถังอวี่เฟยเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“ไม่ลืมครับ ก็เล่นย้ำกันทุกวันเลยนี่นา ผมแทบจะจำได้ถึงแก่นสมองแล้ว” อู๋ฝานตอบรับอย่างจนใจ
หลายวันมานี้ ทุกเช้าหลังออกกำลังกายเสร็จ ถังอวี่เฟยจะคอยเข้ามาย้ำเตือนอู๋ฝานถึงเรื่องปาร์ตี้วันเกิด ดังนั้นทุกครั้งที่ชายหนุ่มพบถังอวี่เฟย ความคิดเรื่องปาร์ตี้วันเกิดจึงผุดขึ้นมาโดยไม่จำเป็นต้องนึก
“ฉันกลัวว่าคุณจะหาข้อแก้ตัว อย่างบอกว่าลืมอะไรทำนองนั้น” ถังอวี่เฟยมองทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เพิ่งออกไป ถัดจากนั้นจึงหันมายิ้มแย้ม
“ทำไมผมต้องหาข้อแก้ตัวด้วยล่ะครับ?” อู๋ฝานถามกลับ
ในเมื่อรับปากถังอวี่เฟยเอาไว้แล้ว อู๋ฝานย่อมไม่ผิดคำตกลง
“แน่นอนค่ะ เพราะมีคนไม่เห็นด้วยยังไงล่ะคะ”
“ใครครับ?” อู๋ฝานนึกสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ถังอวี่เฟยหันกลับและจากไป ปล่อยให้อู๋ฝานยืนงงอย่างเดียวดาย
หลังอู๋ฝานกลับจากมหาวิทยาลัย จึงโทรหาหวังจื่อหมิง
“อู๋ฝาน? ทำไมวันนี้เป็นฝ่ายโทรหาฉันก่อนกันล่ะเนี่ย?” หวังจื่อหมิงพูด พลางหัวเราะเสียงดังตอบจากโทรศัพท์
“พี่หวัง ผมมีเรื่องขอให้ช่วยครับ” อู๋ฝานเอ่ยคำออกไปอย่างนึกกระดากใจ
“เอาสิ” หวังจื่อหมิงตอบรับโดยไม่ถามด้วยซ้ำว่าอู๋ฝานจะขอให้ตนเองทำอะไร
อู๋ฝานเริ่มเอ่ยคำต่อ “เรื่องมีอยู่ว่า ผมมีรถคันหนึ่ง ได้รับมาด้วยวิธีที่ค่อนข้างพิเศษ ไม่มีเอกสารอะไรอย่างเป็นทางการ ผมเลยอยากจะถามพี่หวังว่าพอจะช่วยทำให้มันมีป้ายทะเบียนได้ไหม?”
อู๋ฝานเคยมีความคิดซื้อรถคันหนึ่ง แต่หลังได้รับป้ายพาหนะ เขาจึงไม่คิดเสียเงินกับการซื้อหา เพราะมันนับเป็นการใช้เงินโดยเปล่าประโยชน์ ที่สำคัญกว่านั้น การจ่ายเงินเพื่อซื้อรถ มันจะดีกว่ารถที่เสกเรียกจากป้ายพาหนะที่ตรงไหน? อย่างไรแล้วป้ายพาหนะก็สามารถเปลี่ยนเป็นพาหนะอะไรก็ได้ หากอยากเปลี่ยนอารมณ์ แค่คิดก็สามารถเปลี่ยนได้แล้ว
“วิธีพิเศษ?” หวังจื่อหมิงชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ไม่มีปัญหา เอารถคันนั้นมา ฉันจะหาคนมาช่วยจัดการต่อให้”
อู๋ฝานทราบดีว่าหวังจื่อหมิงเกิดเข้าใจผิดไปแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากจะอธิบายต่อ เพราะไม่ทราบว่าควรต้องอธิบายอย่างไร
“ขอบคุณครับ” อู๋ฝานกล่าวคำขอบคุณ เพราะด้วยความสามารถของตัวเขาตอนนี้ ถ้าคิดจะคลี่คลายปัญหาเรื่องป้ายทะเบียนยังไม่สามารถทำได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ขอให้หวังจื่อหมิงช่วยเหลือ
“ยังจะมากมารยาททำไมอีก” หวังจื่อหมิงตอบกลับ
หลังวางสายจากหวังจื่อหมิง อู๋ฝานจึงเริ่มครุ่นคิดว่าตนเองควรเลือกรถแบบไหนดี
แม้ว่าป้ายพาหนะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ตามใจชอบ แต่หากไม่มีสถานการณ์ที่พิเศษ อู๋ฝานก็จะเลือกขับรถเพียงชนิดเดียว เขาไม่คิดขอให้หวังจื่อหมิงคอยช่วยเรื่องป้ายทะเบียนหลายครั้งหลายครา ดังนั้นจึงต้องเลือกว่าจะใช้รูปลักษณ์ใดบ่อยที่สุด
รถตู้? หรือว่ารถส่วนตัวธรรมดา? หรือว่ารถหรู?
เดิมอู๋ฝานคิดเลือกรถส่วนตัวธรรมดา แต่หลังครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ละทิ้งความคิดดังกล่าวไป และเลือกรถหรูขึ้นมาแทน ตัวเขาในปัจจุบันเป็นคนมีเงินหลักสิบล้าน บางครั้งก็ต้องแสดงถึงความมั่งมี ในเมื่อสามารถไขว่คว้าหามาได้ เหตุใดยังต้องทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอีก? เขาไม่ใช่คนชอบถูกดูหมิ่นอะไรแบบนั้น
ดังนั้น อู๋ฝานจึงเลือกรถซูเปอร์คาร์
ภายหลังกำหนดรูปแบบได้แล้ว อู๋ฝานจึงหาสไตล์ที่ชอบผ่านอินเทอร์เน็ต ถัดจากนั้นจึงไปหาสถานที่ไกลห่างผู้คน นำป้ายพาหนะออกมา หลับตาลง และเริ่มวาดจินตนาการภาพของรถหรูที่ต้องการขึ้นในใจ
เพียงไม่นานรถสปอร์ตที่มีสีดำเงาเมทัลลิคเป็นประกาย จึงเริ่มก่อตัวปรากฏขึ้นตรงหน้าตามที่อู๋ฝานต้องการ
อู๋ฝานแตะสัมผัสตัวรถ สายตามองอย่างนึกหลงรัก พื้นผิวโลหะสีดำสนิท มันเปรียบดังหลุมดำที่ง่ายจะดึงดูดความสนใจของผู้คน
ตำแหน่งด้านหน้ารถที่เป็นตำแหน่งโลโก้ปรากฏแหวนวงหนึ่ง มันเป็นแนวคิดของอู๋ฝานเอง โลโก้ดังกล่าวอู๋ฝานเลือกใช้กับรถก็เพื่อให้มันดูเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น
ศักยภาพของตัวรถย่อมไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึง มันถูกกำหนดตามที่อู๋ฝานต้องการ ทุกอย่างเป็นระดับแนวหน้า ขนาดที่บางส่วนในความเป็นจริง เทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ แต่เพราะความสามารถของป้ายพาหนะ ชายหนุ่มจึงทำมันออกมาได้อย่างง่ายดาย ระดับการออกแบบของรถคันนี้ มันได้เกินกว่าปรมาจารย์นักออกแบบรถในโลกคนใดจะคาดถึง ก็ใครใช้ให้เขามีป้ายพาหนะที่ปรับเปลี่ยนอะไรก็ได้ตามใจนึกกัน จะมีความคิดอะไรแปลกไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
มันคือผลประโยชน์จากการไม่เลือกซื้อรถ แต่ใช้ป้ายพาหนะ
ขณะอู๋ฝานขับรถคันนี้ไปตามท้องถนน มันก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบด้านได้อย่างชะงัก ผู้ชายนึกอิจฉาริษยา ผู้หญิงดวงตาเปล่งประกายขณะจับจ้อง ราวกับไม่อาจอดใจไหวที่จะไปนั่งที่นั่งผู้โดยสารของรถคันดังกล่าว กระทั่งว่าหากจะมีราคาที่ต้องจ่ายพิเศษไปบ้าง พวกเธอก็ยินดี
“นี่รถนาย?” หวังจื่อหมิงเห็นรถของอู๋ฝาน ความรู้สึกนึกทึ่งปรากฏผ่านสายตา “นายไปซื้อรถแบบนี้มาจากไหน ฉันก็อยากได้บ้างสักคัน!”
ในโรงจอดรถของหวังจื่อหมิง มันมีรถชั้นดีจำนวนไม่น้อย แต่ในตอนนี้ เขาได้ตระหนักแล้วว่ารถเหล่านั้นที่มองว่าดีในสายตาของตนเอง นับว่าธรรมดาเมื่อเปรียบเทียบกับรถของอู๋ฝาน รถของชายหนุ่มราวกับมีมนต์วิเศษที่สามารถดึงดูดความสนใจและสายตาของผู้คนให้มองมาได้