ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 207 ไฟที่ลุกโหม
บทที่ 207 ไฟที่ลุกโหม
บทที่ 207 ไฟที่ลุกโหม
ภายใต้การสอบถามของอู๋ฝาน เจ้าหย้าหนานจึงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมา
นับตั้งแต่ซื้อไม้ชิงชันจากอู๋ฝาน เจ้าหย้าหนานก็เริ่มใช้เวลากับการผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามที่คำสั่งซื้อ เพื่อให้เสร็จก่อนกำหนด จะได้สามารถคลี่คลายปัญหาได้
ตอนแรกนั้นเรื่องราวดำเนินไปได้ด้วยดี ทว่าตอนที่เจ้าหย้าหนานใกล้ผลิตเฟอร์นิเจอร์เสร็จนั้นเอง ในคืนหนึ่งโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของเธอก็เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ขึ้นมา ไม้แห้งที่ถือเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี ย่อมถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น สุดท้ายจึงไม่เหลือเฟอร์นิเจอร์แม้สักชิ้นเดียว
หลังเจ้าหย้าหนานได้ทราบเรื่องราว ตอนนั้นก็แทบเป็นลมล้มพับไป
อัคคีเพลิงดังกล่าวไม่ได้เผาไหม้เพียงแค่สิ่งปลูกสร้างและเฟอร์นิเจอร์ แต่ยังเผาความหวังในอนาคตของเธอจนหมดสิ้น
เพื่อทำรายการคำสั่งซื้อให้เสร็จ เจ้าหย้าหนานทุ่มเทกำลังทรัพย์ทั้งหมดไปกับการซื้อหาวัสดุ กระทั่งว่าติดค้างอู๋ฝานอยู่ราวสิบล้านหยวน ทว่าตอนนี้ทุกสิ่งอย่างเลือนหาย เธอไม่เพียงแค่ต้องจ่ายเงินสิบล้านให้แก่ชายหนุ่ม แต่ยังรวมถึงต้องจ่ายอีกหลายสิบล้านเป็นการชดใช้ต่อความเสียหายที่ทำผิดสัญญาการค้า
เจ้าหย้าหนานไม่มีหนทางหาเงินมาจ่าย ตอนนี้จึงทำได้เพียงขายโรงงานเฟอร์นิเจอร์และโรงไม้ อันที่จริงแล้วต่อให้ขายจนหมด จำนวนเงินก็อาจจะไม่พอจ่ายหนี้และค่าเสียหายด้วยซ้ำ
“เรื่องเป็นมาแบบนี้นี่เอง” อู๋ฝานตอบรับ “ตอนนั้นโรงงานเฟอร์นิเจอร์เกิดเพลิงไหม้ได้ยังไงครับ?”
“ไม่ทราบเลยค่ะ” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ “ไฟไหม้ถือเป็นเรื่องต้องห้ามในโรงไม้และโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์จากไม้ด้วยซ้ำ ปกติฉันระวังเป็นอย่างดีค่ะ ตอนนั้นเพราะอะไรก็ไม่รู้ มันก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างกะทันหัน กระทั่งระบบตรวจจับยังถูกเผาไปด้วย ทำให้ไม่สามารถหาต้นเพลิงได้เลยค่ะ”
เรื่องนี้ฟังอย่างไรก็แปลก
อู๋ฝานรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะต้องไม่ใช่อุบัติเหตุ ทว่าเจ้าหย้าหนานเองก็ไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด ทำให้เขาเองก็อับจน
“ตอนนี้ผมมีเวลาพอดี เดี๋ยวไปคุยกับทางนั้นเลยก็แล้วกันครับ” อู๋ฝานตอบรับ
“ค่ะ ฉันจะรอที่ร้านนะคะ” เสียงเจ้าหย้าหนานตอบหดหู่ เธอรู้สึกว่าพออู๋ฝานทราบว่าเธอกำลังจะโอนขายร้านให้ อีกฝ่ายก็อดใจรอที่จะได้รับไม่ไหว
ทว่าเจ้าหย้าหนานไม่อาจต่อว่าอู๋ฝาน เพราะชายหนุ่มเองก็แสดงน้ำใจช่วยเหลือเธอตั้งแต่ต้น ถ้าเธอคิดโทษอะไรแล้วล่ะก็ คงต้องเป็นตัวเธอเองที่ขาดความระมัดระวัง
ไม่นานอู๋ฝานก็มาถึงหน้าร้านของเจ้าหย้าหนาน
ครั้งนี้หน้าร้านดูเงียบเหงา ยกเว้นเจ้าหย้าหนาน ก็มีเพียงคนที่อู๋ฝานเคยได้พบตอนมาร้านครั้งแรก ส่วนคนอื่นนอกเหนือจากนั้น เขาไม่เห็นแล้ว
“มาแล้วเหรอคะ?” พบเห็นอู๋ฝานมาถึง เจ้าหย้าหนานก็เอ่ยทักทายเสียงเบา เรียกได้ว่าแตกต่างจากความกระตือรือร้นตอนที่คนทั้งสองได้พบกันครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด
อู๋ฝานพอเข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่ว่ากล่าวอะไรกับท่าทีนั้น
“คนในร้านล่ะครับ? ทำไมไม่เห็นคนอื่นเลย?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ฉันให้ออกไปกันแล้วค่ะ” เจ้าหย้าหนานตอบกลับ
เห็นได้ชัดว่าพอเจ้าหย้าหนานวางแผนจะขายร้านนี้ เธอก็เริ่มจัดการเรื่องราวไปก่อนแล้ว
สถานการณ์ที่เธอเผชิญในตอนนี้ มันราวกับว่าไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วนอกจากต้องขายร้าน
“ไม่คิดเหรอครับว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้มันดูแปลกจนเกินไป?” อู๋ฝานเอ่ยขึ้น “แน่นอนว่าผมไม่มีหลักฐาน ทำได้เพียงแค่คาดเดา เพราะผมรู้สึกว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้ดูบังเอิญมากจนเกินไป นับตั้งแต่ที่คุณบอกว่าตามปกติระมัดระวังเป็นอย่างดีแล้ว ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ของอะไรที่สามารถติดไฟได้ก็ไม่น่ามีอยู่เลยนะครับ”
“ฉันเองก็คิดว่าจะต้องมีคนเจตนาวางเพลิงค่ะ” เจ้าหย้าหนานตอบรับ “เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในคืนนั้นก็หลับ ระบบตรวจจับของโรงงานก็เสีย ทำให้ไม่มีทางทราบได้เลยว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เจ้าหย้าหนานไม่ใช่คนโง่ เพลิงไหม้เกิดอย่างถูกเวลาราวกับวางแผนเอาไว้ เธอย่อมสงสัยว่าจะมีใครบางคนตั้งใจวางเพลิง เพียงแต่ไร้ซึ่งหลักฐาน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงต้องยอมรับต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
สิ้นคำพูดกล่าวของเจ้าหย้าหนาน อู๋ฝานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา “คิดจะขายร้านนี้จริงเหรอครับ?”
อู๋ฝานย่อมต้องคิดอยากได้หน้าร้าน ทว่าชายหนุ่มไม่ได้ต้องการแย่งชิงของรักของคนอื่น อีกทั้งเขาตอนนี้ก็มีเงินแล้ว ดังนั้นจึงสามารถเริ่มกิจการใหม่ด้วยตนเองได้ ไม่มีความจำเป็นต้องแย่งร้านรักของคนอื่นมา เพราะได้เห็นความรู้สึกที่เจ้าหย้าหนานมีต่อสถานที่แห่งนี้ จึงต้องการให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจ
“มีตัวเลือกอื่นอีกอย่างนั้นเหรอคะ?” เจ้าหย้าหนานเอ่ยถาม “แล้วก็ก่อนหน้านี้พวกเราก็ตกลงกันเอาไว้แบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ?”
เจ้าหย้าหนานมองอู๋ฝานด้วยสายตาที่ค่อนข้างเฉยชา
อู๋ฝานชะงักงันเล็กน้อย ถัดจากนั้นจึงพูดขึ้นมา “คงไม่ใช่ว่า.. คุณกำลังสงสัยว่าผมจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับการวางเพลิง เพื่อชิงหน้าร้านจากคุณหรอกนะครับ?”
เจ้าหย้าหนานมองอู๋ฝาน แต่ไม่ได้ตอบคำใดกลับ
เห็นได้ชัดว่าในใจของเธอมีความสงสัยเช่นที่ว่าอยู่จริง
ก็ใครใช้ให้อู๋ฝานก่อนหน้านี้ออกปากว่าหากไม่สามารถจ่ายค่าสินค้า ก็ใช้ร้านจ่ายหนี้แทนได้กัน
อู๋ฝานเผยยิ้มขื่นขม ขณะตอบกลับ “ผมขอสาบานว่าเรื่องราวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมทั้งสิ้น แม้ว่าผมจะอยากได้กิจการโรงไม้กับโรงงานเฟอร์นิเจอร์ก็ตาม แต่ผมไม่ใช่วิธีการสกปรกอย่างแน่นอน ผมไม่ได้ต้องการร้านนี้จนต้องทำแบบนั้น เพราะหลังคุณผลิตรายการสั่งซื้อเรียบร้อย ผมที่ได้เงินแล้ว ก็แค่นำเงินนั้นไปซื้อหาโรงไม้และโรงงานอื่นก็ได้ไม่ใช่เหรอครับ? ต่อให้หน้าร้านนี้ใช้จ่ายแทนหนี้ได้ แต่สำหรับผมมันก็มีค่าเพียงแค่เงินทอง ไม่ได้มีข้อเปรียบในเรื่องอื่นเลย เพราะงั้นทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะครับ?”
พออู๋ฝานเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ออกมา เจ้าหย้าหนานก็พบว่าสมเหตุสมผล
อู๋ฝานไม่ใช่เถ้าแก่หลิวที่อยู่ร้านข้างเคียง ชายหนุ่มไม่มีความจำเป็นต้องได้ร้านแห่งนี้ เขาสามารถไปซื้อโรงไม้แห่งอื่นด้วยเงินที่ได้รับมาได้ ดังนั้นการทำรายการสั่งซื้อให้เสร็จ สำหรับตนแล้วก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน
คิดได้ดังนั้น เจ้าหย้าหนานก็เริ่มแสดงอาการเสียใจทางสีหน้าท่าทีออกมา “ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ควรสงสัยในตัวคุณเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” อู๋ฝานตอบรับ
โรงงานของเธอถูกเพลิงไหม้แทบหมดสิ้น ทำให้ไม่อาจทำรายการสั่งซื้อได้ทันกำหนด เจ้าหย้าหนานและครอบครัวแทบจะล้มละลายเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่แปลกหากเธอจะสงสัยหวาดระแวงต่อทุกคน
“ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าไม่มีทางจ่ายเงินให้คุณได้ทันแน่ ดังนั้นทางคุณอู๋สามารถหาคนมาประเมินราคาสถานที่ได้เลยค่ะ ถ้าสนใจโรงงานเฟอร์นิเจอร์ด้วย ฉันก็พร้อมที่จะขายให้ค่ะ แม้ว่าบางส่วนจะถูกเพลิงไหม้ แต่ก็ยังมีส่วนที่ใช้งานได้อยู่” เจ้าหย้าหนานบอกให้อู๋ฝานทราบ
ขณะอู๋ฝานกำลังจะเอ่ย เถ้าแก่หลิวที่อยู่ร้านข้างเคียงก็เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ
“แม่หนู ได้ยินว่าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของเธอเกิดไฟไหม้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของโรงงานถูกเผาวอดวาย เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ทำไมถึงไม่ระวังขนาดนี้? โรงงานเฟอร์นิเจอร์คือไม้แห้งทั้งนั้น เป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเลยทีเดียวนะ!” เถ้าแก่หลิวเผยท่าทีห่วงใย ขณะมองเจ้าหย้าหนาน
ทว่าเจ้าหย้าหนานรังเกียจสีหน้าเช่นนี้ “เรื่องของฉันค่ะ เถ้าแก่หลิวไม่ต้องห่วง ตอนนี้ขอเชิญออกไปค่ะ!”
“แม่หนูน้อย ฉันใจกว้างมาแสดงความเห็นใจ ทำไมถึงไล่กันแบบนี้?” เถ้าแก่หลิวตอบกลับ ราวกับลืมเลือนไปแล้วว่าครั้งก่อนตนเองถูกเจ้าหย้าหนานแหกหน้าเอาที่นี่ ตอนนี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งประหนึ่งผู้อาวุโสที่มีความห่วงใยจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เฟอร์นิเจอร์พวกนั้นถูกเผาวอดวายไปแล้ว รายการสั่งซื้อที่ได้รับก็คงเสร็จไม่ทัน เอาแบบนี้เป็นยังไง ขายร้านนี้ให้ฉัน ถึงแม้จะไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดได้ แต่ก็คงพอถมอะไรได้บ้าง” เถ้าแก่หลิวยังคงจ้อไม่หยุด “แน่นอนว่า เรื่องราคานั้น คงต้องต่ำกว่าที่เคยเสนอให้ครั้งก่อนล่ะนะ”