ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 215 หนึ่งคนทำทั้งหมด
บทที่ 215 หนึ่งคนทำทั้งหมด
บทที่ 215 หนึ่งคนทำทั้งหมด
“ทำไมถึงเลือกตั้งชื่อร้านแปลกแบบนี้ล่ะคะ?” ภายในร้าน ถังอวี่เฟยถามอู๋ฝานด้วยความสงสัย กระทั่งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองก็ยังต้องมองด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
“แปลกเหรอครับ? ผมว่าดีออก” อู๋ฝานมองมือขวาของตนเองด้วยความรู้สึกลึกล้ำ มีเพียงตัวเขาที่ทราบว่ามือขวามีแหวนสวมใส่อยู่วงหนึ่ง
พูดให้ถูกต้องคือเพราะแหวนวงนี้ที่คนอื่นไม่อาจเห็น ทำให้ชีวิตของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงมาจนถึงจุดนี้ได้ เขาจึงตั้งชื่อร้านว่า ‘โลกในแหวน’ เพื่อเป็นนามเชิงสัญลักษณ์แทนโลกอีกใบหนึ่งที่อยู่ในแหวนซึ่งตัวเขาครอบครอง
“ยังไงก็เถอะ ฉันว่ามันแปลกค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “แต่ว่าชื่อที่แปลกก็สร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้คนได้ค่ะ”
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ร่วมพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของถังอวี่เฟยอย่างหาพบได้ยาก
“จะว่าไปแล้ว วันนี้มีคนมาไม่น้อย แล้วก็ยังเป็นวันเปิดร้านวันแรกด้วย ไม่ทราบว่ามีเตรียมการไว้ขนาดไหนกันคะ? อย่างที่คุณรู้ คนพวกนี้ต่างก็เป็นพวกที่มีวงสังคมกว้างขวาง ร้านระดับสูงไม่ว่าจะร้านไหนก็ล้วนเคยไปกิน ถ้าอาหารของที่นี่รสชาติไม่ถูกปากขึ้นมา พวกเขาอาจทานเข้าไปได้ แต่ผลที่ได้จะไม่ดีสักเท่าไหร่นะคะ” ถังอวี่เฟยเอ่ยบอก
ถังอวี่เฟยรู้ดีว่าถ้าอู๋ฝานนำเสนออาหารรสชาติแย่ขึ้นมา ในอนาคตผู้คนในที่แห่งนี้ก็ยังอาจจะแวะเวียนมาบ้าง ทว่าที่พวกเขามานั้นก็เพราะอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะมาทานอาหาร
เพียงแต่ถ้าอาหารรสชาติเป็นที่ยอมรับได้ พวกเขาย่อมยินดีแวะเวียนมาบ่อยครั้ง
“ไม่ต้องกังวลเรื่องรสชาติอาหารเลยครับ คุณคงไม่ลืมว่าอดีตเชฟใหญ่ของร้านคัลเลอร์แมนในตอนนี้เป็นลูกศิษย์ของผม และตอนนี้เขาก็เป็นเชฟของร้านนี้ด้วยเช่นกัน เพราะงั้นแล้วรสชาติจะแย่ได้ยังไงล่ะครับ?” อู๋ฝานตอบรับ
เรื่องที่หลิวอี้เตาเคยเป็นเชฟใหญ่ของร้านคัลเลอร์แมนนั้นเป็นความจริง อีกทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างก็เคยไปที่ร้านแผงลอยบาร์บีคิวของอู๋ฝาน ที่ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่คนจำนวนมากรู้เรื่องตัวตนของหลิวอี้เตาขึ้นมา
“จะว่าไปแล้ว ฉันก็ลืมไปเสียสนิทเลยค่ะ” ถังอวี่เฟยยิ้มตอบรับ “พูดถึงร้านคัลเลอร์แมน เหมือนฉันจะเห็นผู้จัดการร้านของพวกเขายืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าร้านด้วยนะคะ ท่าท่างดูเหี่ยวเฉาสิ้นหวังชอบกล เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนี้คงหนักหนาไม่ใช่น้อย”
อู๋ฝานเพียงยิ้มตอบรับ เขาพอจะเดาได้ว่าหวงถิงเฟิงในเวลานี้รู้สึกยังไง เห็นได้ชัดว่าหวงถิงเฟิงมาเพื่อเหยียดหยามร้านคนอื่นถึงที่ แต่สุดท้ายยังไม่ทันได้เหยียดหยาม กลับต้องเป็นฝ่ายได้เห็นภาพชวนใจสลายแทน
เรียกได้ว่าร้านของเขาในวันนี้เริ่มต้นได้ด้วยดี เพียงแต่จะสามารถรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าอาหารในวันนี้จะถูกปากพวกเขาหรือไม่ ดังนั้นมื้ออาหารในวันนี้จะต้องทำอย่างเต็มที่
คิดได้ดังนั้น อู๋ฝานจึงบอกกับถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ว่า “ขอเชิญที่ห้องส่วนตัวก่อนนะครับ ผมขอไปที่ครัวสักครู่”
“จะทำอาหารเองเหรอคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เงียบมาตลอด ตอนนี้เอ่ยคำถามขึ้นมา
“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “วันนี้ค่อนข้างสำคัญ ผมคงต้องเข้าครัวด้วยตัวเองแล้ว”
“เยี่ยมค่ะ! ฉันรู้ดีว่าคุณทำอาหารได้ยอดขนาดไหน แต่นอกจากบาร์บีคิวแล้ว ฉันก็ไม่เคยได้ทานเมนูอื่นอีกเลย วันนี้คงได้โอกาสลองแล้ว” ถังอวี่เฟยตอบรับ
“แขกเยอะขนาดนี้ คงยุ่งไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม
“ไม่มีปัญหาครับ!” อู๋ฝานตอบรับด้วยความมั่นใจ
อย่างที่รู้กันว่าอู๋ฝานครอบครองจี้หยกกระเรียนขาว ทำให้วิชาทำอาหารของเขาก้าวหน้าเป็นระดับมาสเตอร์ เรียกได้ว่าห่างไกลจากหลิวอี้เตามากนัก และวิชาทำอาหารระดับมาสเตอร์ไม่ได้เพิ่มเพียงแค่ความวิจิตรและรสชาติ แต่ยังรวมถึงความเร็วในการทำอาหารที่รวดเร็วมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ตอนที่อู๋ฝานมาถึงครัว ด้านในก็ค่อนข้างยุ่งมากแล้ว หลิวอี้เตาดูเอาจริงเอาจังไม่น้อยเลยทีเดียว
อู๋ฝานเปลี่ยนชุด เดินไปหยุดข้างกายหลิวอี้เตาและเอ่ยขึ้น “วันนี้ผมช่วยทำอาหารเองครับ ส่วนคุณช่วยผมอีกทีหนึ่ง คนอื่นก็เหมือนกันครับ”
“อาจารย์ วันนี้มีแขกมาเยอะ ทำคนเดียวจะไหวเหรอครับ?” หลิวอี้เตาแสดงความกังวล
ได้ทำงานเคียงข้างและเรียนรู้วิชาทำอาหารจากอู๋ฝาน เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่หลิวอี้เตาต้องการมาตลอด เพียงแต่วันนี้มีแขกมากมายมาเยือนร้านอาหาร รายการสั่งอาหารนับไม่ถ้วนถูกนำส่งเข้ามา อย่าว่าแต่ให้อีกฝ่ายทำคนเดียวเลย ต่อให้ช่วยกันทำจริงจัง ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทัน!
“วางใจได้เลยครับ” อู๋ฝานตอบรับ
เมื่ออู๋ฝานยืนกรานแล้ว หลิวอี้เตาย่อมไม่มีความเห็นเป็นอื่น
หลังจากนั้นอู๋ฝานก็เริ่มมองรายการอาหาร พร้อมกับมือที่เริ่มขยับเคลื่อนไหว
อู๋ฝานไม่เพียงแค่ยืนตรงหน้าเตา แต่เขายังใส่น้ำมันลงกระทะทั้งหกพร้อมกัน ทุกคนถึงกับต้องประหลาดใจยามพบเห็น นี่คิดจะทำอาหารหกจานไปพร้อมกันเลยอย่างนั้นเหรอ?
แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกที่เชฟมากความสามารถจะทำอาหารหลายจานพร้อมกัน ทว่าจำนวนอาหารที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ทำให้รสชาติของอาหารยากที่จะควบคุมได้ อู๋ฝานทำอาหารหกจานพร้อมกัน เช่นนั้นจะเอาอะไรมารับประกันคุณภาพอาหาร?
ทว่าพวกเขาก็ต้องตกใจมากยิ่งขึ้น เพราะหลังอู๋ฝานใส่น้ำมันลงกระทะทั้งหกเรียบร้อยแล้วนั้น เขากลับยังไม่หยุด แต่ยังคงใส่น้ำมันลงกระทะอีกหกใบ
อู๋ฝานคิดทำอาหารสิบสองจานในเวลาเดียวกัน!
ตอนนี้เองที่ถึงกับทำให้หลิวอี้เตาต้องตื่นตะลึง!
ทำอาหารสิบสองจานไปพร้อมกัน อย่างนี้ยังเรียกมนุษย์อยู่ไหม?
ทว่าการเคลื่อนไหวของอู๋ฝานไม่มีตรงไหนที่สะดุดหรือหยุดเคลื่อนไหวเลย เขายังคงผัดและราดน้ำมันลงไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงกระทะใบที่สิบสอง แล้วจึงวนกลับมายังกระทะใบแรก
“หมูหยอง!”
อู๋ฝานตะโกนบอก หลิวอี้เตาที่อยู่ข้าง ๆ สะดุ้งจนได้สติจากอาการตื่นตะลึง ตอนนั้นเองเขาก็รีบรับหมูหยองจากเชฟที่อยู่ข้างกาย และส่งต่อให้กับอู๋ฝาน
อู๋ฝานรับหมูหยองและใส่ลงในกระทะ ในเวลาเดียวกันนั้นก็พูดขึ้นว่า “อาหารจานนี้ ตอนที่น้ำมันร้อนได้เจ็ดนาที ค่อยเติมหมูหยองลงไป”
หลิวอี้เตาทราบว่าอู๋ฝานกำลังสอนวิชาทำอาหาร ดังนั้นจึงรีบรับฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่เชฟคนอื่น ๆ ต่างพร้อมใจกันยื่นหูรับฟังกันถ้วนหน้า
ไม่มีใครคิดว่าขณะที่อู๋ฝานทำอาหารสิบสองจานพร้อมกัน เขาจะยังมีเรี่ยวแรงเหลือพอสอนการทำอาหารให้แก่หลิวอี้เตาได้ เรียกได้ว่าเป็นทักษะฝีมือที่ชวนน่าตื่นตะลึง
“ปลาตะเพียน!”
อู๋ฝานไปหยุดยืนหน้ากระทะใบที่สอง พร้อมตะโกนขึ้นอีกครั้ง
หลิวอี้เตาส่งปลาตะเพียนที่เตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว อู๋ฝานรับมาพร้อมกับใส่ลงในกระทะทันที
“พริกขี้หนู!”
“รากบัวสไลด์!”
“เห็ดหอม!”
“กุ้ง!”
อู๋ฝานขยับตัวเคลื่อนไหวไปมาระหว่างกระทะทั้งสิบสอง พร้อมกับเรียกวัตถุดิบที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หลิวอี้เตาและเชฟคนอื่นคอยเตรียมการทั้งหมดให้ ไม่ว่าชายหนุ่มเรียกต้องการวัตถุดิบใด พวกเขาจะพร้อมส่งมอบให้ในทันที
บางครั้งลำดับของอาหารก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ทว่าอู๋ฝานสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะหม้อหรือกระทะ รวมถึงวัตถุดิบทั้งหมด ล้วนถูกนำใส่ปรุงตรงเวลา และยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเมนูนั้นทั้งสิ้น
ภายในครัวนอกจากเสียงปรุงและทำอาหาร ก็มีเพียงเสียงตะโกนของอู๋ฝาน อีกทั้งตอนนี้ทุกคนยังได้ฟังการสอนจากชายหนุ่มอย่างจริงจังตั้งใจ พร้อมแสดงอาการตะลึงออกมาทางสีหน้าไม่ขาด
ขณะนี้เชฟทุกคนยกเว้นแต่หลิวอี้เตา ต่างลอบรู้สึกยินดีขึ้นมาที่ตัดสินใจเข้าทำงานที่ ‘โลกในแหวน’ ในฐานะเชฟทำอาหาร ที่นี่ไม่เพียงให้การดูแลอย่างดี แต่ยังได้เรียนรู้การทำอาหารจากยอดฝีมือระดับมาสเตอร์ มันคือโอกาสที่แม้พวกเขาจะร่ำรวยเพียงใดก็ไม่อาจหาทางได้รับมาโดยง่าย