ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 217 ทำได้ยังไงกันP
บทที่ 217 ทำได้ยังไงกัน
บทที่ 217 ทำได้ยังไงกัน
“อู๋ฝานทำทั้งหมดนี่จริงงั้นเหรอเนี่ย?” ภายในห้องส่วนตัวถังอวี่เฟยพูดด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เธอยังคงถือตะเกียบไว้ในมือ ขณะกลืนชิ้นปลาในปากลงไป ท่าทีในเวลานี้ทั้งอิ่มเอมและตื่นตกใจ
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองก็อยู่ในห้องนี้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์หาได้ยากที่คนทั้งสองจะนั่งทานอาหารร่วมกัน ทว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้มีอาการตอบสนองเช่นถังอวี่เฟย เพียงแค่นั่งทานอย่างเงียบงัน
“หรือว่าเธอเคยได้ทานอะไรที่เขาทำให้มาก่อน? ไม่งั้นเธอจะสงบเหมือนอย่างตอนนี้ได้ยังไง?” ถังอวี่เฟยมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยความสงสัย
แม้ทั้งสองจะไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งปกติมักได้ทานของอร่อยจากทั้งขุนเขาและทะเลมาไม่เคยขาด แต่ถังอวี่เฟยก็มั่นใจว่าเธอไม่เคยทานอาหารที่อร่อยขนาดนี้จากที่ไหนมาก่อน และเชื่อว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองก็เป็นเช่นเดียวกัน ทว่าอีกฝ่ายสงบมาก ถึงกับทำให้ถังอวี่เฟยสงสัยว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต้องเคยได้ทานอาหารฝีมือของอู๋ฝานมาก่อน
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่เงียบมาตลอด ตอนนี้พยักหน้ารับเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยเสียงเบา “ใช่”
แท้จริงแล้วหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เพราะอาหารที่อู๋ฝานทำในวันนี้ รสชาติมันเยี่ยมยิ่งกว่าที่อีกฝ่ายเคยทำให้เธอทานในบ้านเช่าครั้งก่อน แม้อาหารที่ชายหนุ่มทำครั้งนั้นถือว่าไม่เลวแล้ว และหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ไม่เคยได้ทานอาหารอื่นที่เทียบเท่ากันได้ ทว่าก็ยังไม่ถึงจุดที่จะทำให้ต้องนึกทึ่ง
ทว่าวันนี้รสชาติอาหารที่อู๋ฝานทำ เห็นได้ชัดว่าสูงส่งยิ่งกว่าครั้งก่อน เพียงแค่เวลาสั้น ๆ ฝีมือการทำอาหารของอีกฝ่ายก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วงั้นเหรอ?
“ไม่ยุติธรรมเลย!” ถังอวี่เฟยเสียดังขึ้นมา “เพราะอะไรเขาถึงเคยทำให้เธอทาน แต่ฉันไม่เคยได้ทานกันล่ะ!”
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์แสดงท่าทีเฉยชาตอบรับ ขณะทานอาหารของเธอต่อ ทั้งยังเมินเฉยต่ออีกฝ่าย
ในใจหลิ่วเหยียนเอ๋อร์รู้สึกว่าเหนือกว่า กระทั่งพึมพำกับตัวเอง
อีกฝั่งหนึ่งหวงถิงเฟิงที่กลับมายังร้านคัลเลอร์แมน ขณะนี้ยืนที่ชั้นสองของภัตตาคาร สายตาทอดมองโถงกลางที่ว่างเปล่าและห้องส่วนตัวทั้งหลายที่เงียบงัน ตอนนี้เองที่สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์
เวลานี้ตามปกติแล้ว ห้องส่วนตัวทุกห้องของร้านคัลเลอร์แมนจะเต็มแน่น โถงกลางที่ชั้นหนึ่งก็เกือบจะต้องเต็มเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ร้านจะยุ่งที่สุดก็ไม่ผิด
เพียงแต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้น วันนี้จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการร้านคัลเลอร์แมนน้อยลงเหลือหนึ่งในสาม ตามปกติแล้ว ห้องโถงกลางยังมีที่นั่งว่างอีกมากมาย กระทั่งว่าห้องส่วนตัวที่ยังต้องจองล่วงหน้าในช่วงวันปกติ แต่ช่วงนี้ว่างเกินกว่าครึ่งหนึ่ง
หวงถิงเฟิงกำลังรู้สึกสงสัย ทว่าขณะมองไปยังทิศทางของร้านโลกในแหวน เขาก็เข้าใจถึงสาเหตุนั้น
ลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านคัลเลอร์แมนถูกแย่งชิงเอาไปโดยร้านโลกในแหวนที่เพิ่งเปิดทำการวันนี้ ก่อนหน้านี้เขาก็ยังได้เห็นด้วยตาตัวเอง ว่ามีทายาทรุ่นสองมากมายของเจียงโจวเข้ามาให้การสนับสนุนร้าน ลูกค้ากลุ่มนั้นทำให้ร้านโลกในแหวนได้เฉิดฉาย ถ้าฝั่งนั้นมีลูกค้าเยอะกว่า ก็ไม่แปลกที่ทางฝั่งนี้จะมีลูกค้าน้อยกว่า
“บ้าฉิบ! ไอ้อาจารย์ยากไร้นั่นรู้จักนายน้อยทั้งหลายได้ยังไง? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” หวงถิงเฟิงยังไม่อาจยอมรับสิ่งที่เห็นมากับตาจากหน้าร้านโลกในแหวนได้
เดิมเขาวางแผนไปชมเรื่องขำขัน แต่กลับได้เห็นภาพที่ทำให้ตนเองต้องตื่นตะลึงแทน แม้ว่าจะไม่ยินดียอมรับ แต่รถเหล่านั้นไม่ใช่ของปลอม ผู้คนเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของปลอม บรรดาลูกค้าที่เคยให้การสนับสนุนร้านคัลเลอร์แมนมาโดยตลอด ตอนนี้ได้หลั่งไหลไปยังร้านโลกในแหวนกันหมดแล้ว
หวงถิงเฟิงทราบดีว่าวันนี้เป็นวันเปิดร้านโลกในแหวนอย่างเป็นทางการ ดังนั้นมันจะต้องมีเรื่องราวอะไรที่ผิดคาดกันบ้าง แต่ภาพประหนึ่งงานจัดแสดงรวมสารพัดรถยนต์ที่เห็นหน้าร้านนั้น มันมากพอที่จะทำให้ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาได้ในชั่วขณะ ตราบใดที่ระดับเชฟของร้านโลกในแหวนไม่เลวร้าย อีกฝ่ายย่อมสามารถได้ที่ยืนอันมั่นคงในเจียงโจวแล้ว
และมีหรือที่ร้านโลกในแหวนจะมีเชฟระดับล่าง?
แม้ว่าหวงถิงเฟิงไม่ทราบว่าเชฟของร้านเป็นใคร แต่กับร้านที่ใหญ่ระดับนั้น เชฟที่จ้างมาจะต้องไม่ใช่เชฟเกรดสาม อีกทั้งอู๋ฝานเองก็มีฝีมือการทำอากาศระดับเลิศล้ำ หวงถิงเฟิงยังคงจำได้ไม่ลืม
ดังนั้นแล้วหวงถิงเฟิงจึงทราบเป็นอย่างดีและชัดเจนว่าคู่แข่งของร้านคัลเลอร์แมนได้ปรากฏขึ้นแล้ว!
หวงถิงเฟิงที่เคยย่ามใจ มองว่าร้านอีกฝ่ายก็แค่งั้น ๆ ทำให้ไม่เคยใส่ใจอะไร กระทั่งคิดด้วยซ้ำว่าไม่กี่เดือนก็จะต้องปิดตัวลง แต่แล้วทันใดนี้มันกลับกลายเป็นคู่แข่งทางการค้าตัวฉกาจ!!
“ไม่ได้แล้ว ต้องแจ้งห้องครัว ให้เริ่มศึกษาหาเมนูใหม่ด่วน พวกเราจะแพ้ให้กับร้านโลกในแหวนไม่ได้!” หวงถิงเฟิงผุดความคิดขึ้นในใจ
อู๋ฝานแทบไม่มีเวลาให้คิดเรื่องความรู้สึกใดของหวงถิงเฟิงทั้งสิ้น ตอนนี้ผ่านไปเกือบจะสองถึงสามชั่วโมงแล้ว ที่เขาต้องยุ่งอยู่ด้านในครัวของร้าน ทำอาหารออกไปจานแล้วจานเล่า เชฟในห้องครัวรวมถึงตัวหลิวอี้เตา พวกเขาต่างเรียนรู้บทเรียนจริงจังอย่างตั้งใจ
เชฟเหล่านี้ที่ไม่คุ้นเคยกับฝีมือการทำอาหารของอู๋ฝาน ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกนับถือฝีมือการทำอาหารของอีกฝ่ายจากใจ พวกเขาได้ดูกระบวนการทำอาหารทั้งหมดที่ชายหนุ่มทำ การทำอาหารถึงสิบสองจานพร้อมกัน สำหรับพวกเขามันคือสิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้ แม้พวกเขาจะไม่ได้ลองรสชาติอาหารเหล่านั้น แต่พวกเขาก็กล้าบอกได้ว่ารสชาติของพวกมันจะต้องยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่กลิ่นที่พวกเขาได้สูดดมก็ยอดเยี่ยมเกินกว่าจะบรรยายออกออกมาแล้ว!
การทำอาหารหลายจานพร้อมกัน มันจะต้องรักษามาตรฐานรสชาติอาหาร ดังนั้นเหล่าเชฟในห้องครัวต่างไม่มีความคิดเห็นเป็นอื่น มีเพียงแต่ความนับถือมอบให้
“โอเค อาหารจานนี้ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว” อู๋ฝานเทน้ำซุปลงหม้อ พร้อมกับวางช้อนลงและพูด
อาหารทุกจานที่ลูกค้าสั่งมาได้จัดเตรียมครบถ้วนแล้ว ขณะนี้ในที่สุดอู๋ฝานก็ได้พัก
“แปะ! แปะ! แปะ!”
เชฟทุกคนในห้องครัวต่างปรบมือพร้อมกัน สายตาของพวกเขามองอู๋ฝานด้วยความรู้สึกนึกนับถืออยู่ในใจ
“อาจารย์ แข็งแกร่งเกินไปแล้วครับ!” หลิวอี้เตามองอู๋ฝานด้วยความนับถือสูงพร้อมบอก
ฝีมือการทำอาหารของอู๋ฝานก้าวล้ำเกินตัวเขาไปไกล อีกทั้งตนยังรู้สึกว่าชายคนนี้นี่แหละ อาจารย์ที่คู่ควรให้คำนับ!
“เล็กน้อยครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “จำทุกอย่างที่ผมสอนไปเมื่อกี้ได้ครบถ้วนไหมครับ?”
“จำได้ขึ้นใจครับ” หลิวอี้เตารีบพยักหน้าตอบรับ
“ดีแล้วครับ” อู๋ฝานตอบรับ “ไม่กี่วันหลังจากนี้ ผมจะแวะมาสอนอะไรเพิ่มเติมอีก นับจากวันนี้ไปขอให้ทุกคนรับผิดชอบหน้าที่งานในครัวด้วยนะครับ”
“แน่นอนครับ เรื่องนี้อาจารย์วางใจได้ พวกเราจะตั้งใจศึกษาอย่างดี” หลิวอี้เตาตอบรับด้วยท่าทีจริงจัง
หลิวอี้เตาทราบดี ว่าอู๋ฝานไม่อาจอยู่ในครัวตลอดเวลาได้ อีกฝ่ายยังมีเรื่องสำคัญอื่นต้องไปทำ และตัวเขาจะคอยรับผิดชอบงานในครัวเอง
“ทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ผมขอตัวออกไปด้านนอกก่อน” อู๋ฝานบอกกับพวกหลิวอี้เตาอีกหลายคำ จากนั้นจึงคลายผ้ากันเปื้อนและเดินออกไปนอกครัว
ลูกค้าส่วนใหญ่ภายในโถงและห้องส่วนตัว ตอนนี้ต่างทานอาหารกันเสร็จและเริ่มเดินทางกลับแล้ว อู๋ฝานเรียกเฉินปิงเหยามาสอบถาม “ด้านนอกตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ? ลูกค้าตอบรับเป็นไง?”
เดิมอู๋ฝานวางแผนใช้กลยุทธ์บอกปากต่อปาก ดังนั้นย่อมต้องให้ความสนใจกับความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้า
ทว่าเฉินปิงเหยาไม่ได้ตอบคำถามของอู๋ฝาน แต่ว่ามองอีกฝ่ายด้วยท่าทีสงสัย
“เป็นอะไรไปครับ? ทำไมมองผมด้วยสายตาประหลาดแบบนั้นกันล่ะ” อู๋ฝานยังคงถาม
“เถ้าแก่ ทำได้ยังไงกันคะ?” เฉินปิงเหยาเอ่ยคำถามขึ้น