ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 227 เลือกชุด
บทที่ 227 เลือกชุด
บทที่ 227 เลือกชุด
ไม่นานหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ออกมาจากห้องลองชุด ในชั่วขณะนั้นทั้งร้านราวกับเจิดจ้าขึ้นอีกระดับหนึ่ง บรรดาคนที่กำลังเลือกชุดต่างหันมองทางหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เป็นทางเดียว สายตาเหล่านั้นแสดงออกชัดซึ่งความอิจฉา
ตอนนี้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนกุด รวมกับกางเกงยีนขาสั้น แม้เป็นการจับคู่ที่ดูเรียบง่าย แต่กลับขับเน้นความบริสุทธิ์ของตัวเธอให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น และมันแทบไม่กระทบกับภาพลักษณ์ประหนึ่งเทพเซียนของเธอเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าชุดนั้นจะเป็นไปตามผู้ที่สวมใส่ ชุดเดียวกัน หากสวมใส่โดยคนที่ต่างกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะต่างกัน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ใส่ชุดเรียบง่ายที่สุด และแทบจะไม่มีส่วนใดแปลกตาเลยด้วยซ้ำ แต่กลับประสบผลความงดงามอันสูงส่งเช่นนี้ได้ ไม่แปลกหากว่าผู้หญิงทั้งหลายจะเกิดนึกอิจฉา
“เป็นยังไงบ้างคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินมาถึงข้างกายอู๋ฝาน พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเบา
สายตาประหลาดใจและอาการชะงักของอู๋ฝาน ทำเธอพึงพอใจไม่น้อย
“งดงามมากครับ” อู๋ฝานตอบรับ
ที่อู๋ฝานพูดออกมานี้คือความจริง ไม่ว่าใครก็กล้าพูดได้ว่าแม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ใส่ชุดที่เรียบง่ายที่สุดเช่นนี้ ก็ยังโดดเด่นมากพอสะกดสายตาของผู้คนรอบด้านได้
ปกติหลิ่วเหยียนเอ๋อร์มักจะสวมชุดที่ค่อนข้างหลวมซะส่วนใหญ่ ทว่าตอนนี้ที่เปลี่ยนเป็นชุดที่ดูแฟชั่นขึ้นมา ก็ทำให้อู๋ฝานอดจะเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาไม่ได้
“คุณผู้หญิง ชุดนี้เหมาะมากเลยค่ะ สายตาคุณดีมากเลยทีเดียว เสื้อยืดตัวนี้ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับโลกเลยนะคะ เป็นแบบใหม่ล่าสุดของปีนี้เลย นอกจากนี้เสื้อตัวนี้ยังมีขายเพียงแค่ที่ร้านของเราด้วยนะคะ” พนักงานขายก้าวเข้ามา พยายามเน้นสรรพคุณสินค้า
อู๋ฝานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งได้ยินก็รู้สึกว่าคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนกับว่า ครั้งก่อนที่ถังอวี่เฟยมาซื้อชุด พนักงานขายก็พูดอะไรที่คล้ายกัน ราวกับว่าไม่ว่าใครที่ซื้อชุดเหล่านี้ไป พนักงานขายก็จะพยายามพูดอะไรที่คล้ายกันไปซะทั้งหมด
แน่นอนว่าระหว่างทั้งสองคนอย่างถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ย่อมโดดเด่นกันในแบบของตัวเอง
ทว่าอู๋ฝานเห็นและรู้สึกว่าเสื้อยืดตัวนี้ดูค่อนข้างธรรมดา เสื้อยืดตัวอื่นก็ไม่ได้ดูแตกต่างอะไรจากตัวนี้มากนัก มันจะเป็นผลงานของดีไซน์เนอร์เลยงั้นหรือ? อีกทั้งราคาที่เกินกว่าแปดพันหยวน นี่ใช่การปล้นทรัพย์กันหรือไม่?
คำพูดของพนักงานขาย ไม่ได้ทำให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เปลี่ยนสีหน้าแต่อย่างใด เธอเพียงแค่ตอบรับเสียงเบา “แพ็คให้ด้วยค่ะ”
จากนั้นเธอจึงเดินกลับไปยังห้องลองชุดเพื่อเปลี่ยนใส่ชุดเดิม
ทว่าขณะหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กำลังจะส่งชุดให้พนักงานขายนำไปแพ็ค กลับเกิดเสียงแหลมร้องดังขึ้น
“รอเดี๋ยว!”
ไม่นานผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งหน้าหนาเตอะ พร้อมทั้งใส่รองเท้าส้นสูงก็เดินเข้าหาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ พร้อมกับเอ่ยอย่างวางท่าถือดีว่า “ชุดนี้ ฉันซื้อค่ะ”
เมื่อเธอพูดจบ ก็พลันคว้าชุดจากมือของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไป
ทว่ามีหรือที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ เพียงขยับเคลื่อนไหวแขนเล็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นก็คว้าได้เพียงอากาศ
เธอดูโกรธพอสมควรที่ไม่สามารถคว้าชุดเอาไว้ได้ ตอนนี้จึงแผดเสียงตะโกนใส่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ “ฉันจะซื้อชุดนั่น ส่งชุดนั่นมา!”
พูดจบ เธอก็มุ่งตรงเข้าไปหมายคว้าเอามาอีกครั้ง และครั้งนี้อู๋ฝานก็ไปหยุดยืนขวางตรงหน้าพร้อมกับเอ่ย “คุณผู้หญิง ชุดนี้พวกเราเห็นก่อน และสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว คุณน่าจะต้องไปซื้อชุดอื่นนะครับ”
“คุณผู้หญิงบ้านแกสิ ทั้งบ้านแกมีแต่อีตัว!” คำพูดของอู๋ฝานราวไปสะกิดอะไรอีกฝ่ายเข้า น้ำเสียงของเธอจึงยิ่งแหลมดังขึ้น หน้าบิดเบี้ยวเพราะความโกรธ จนตอนนี้เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์แล้ว
“ผมไม่ได้อยากชวนทะเลาะหรอกนะครับ แต่พวกเราซื้อชุดนี้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าเป็นของพวกเรา ขออย่าได้สร้างปัญหาโดยไร้เหตุผลด้วยนะครับ” อู๋ฝานขมวดคิ้ว
ตอนนี้เองที่ชายวัยกลางคนพุงโตคนหนึ่งก้าวเข้ามา หญิงสาวที่เดิมมีสีหน้าท่าทีดุร้าย ขณะนี้กลับกลายเป็นแง่งอน เธอก้าวเท้าออกไปคว้าแขนของชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นคนรุ่นพ่อเอาไว้อย่างแนบชิด ทั้งยังกล่าวคำอย่างเง้างอน “ที่รักมาแล้ว มีคนรังแกหวานใจน้อยของที่รักค่ะ คงต้องโทรเรียกคนมาจัดการสั่งสอนให้หวานใจน้อยคนนี้แล้วนะคะ”
ท่าทีแง่งอนเสแสร้งแกล้งทำ ถึงกับเกือบทำอู๋ฝานสำลักออกมา
ทว่าชายวัยกลางคนคนนั้นราวกับอิ่มเอมไม่น้อย ตอนนี้จึงเผยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยื่นมือออกไปหยิกแก้มหญิงสาว “ใครมันกล้ารังแกหวานใจน้อยของผมกัน เดี๋ยวผมจะจัดการให้พ้นทางเอง!”
“พวกมันค่ะ!” หญิงสาวชี้หน้าอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
ชายวัยกลางคันหันมองตาม ตอนที่เห็นหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เขาถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ศีรษะที่เปรียบเสมือนหมูตัวผู้ ขณะนี้แทบเผยน้ำลายไหลย้อยออกมา กระทั่งหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่มักสงบมาโดยตลอดยังได้รับผลกระทบ ถึงขนาดอดขมวดคิ้วไม่ได้
ผู้หญิงแต่งหน้าหนาคนนั้นได้พบว่า ‘คนรัก’ ของตัวเองที่อยู่ข้างกายกำลังหลงใหลผิดที่ผิดทาง ตอนนี้จึงเกิดไม่พอใจขึ้นมา เพียงแต่เธอไม่กล้าแสดงความโกรธกับอีกฝ่ายจนเกินควร ทำได้เพียงมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อย่างโกรธแค้น
“ที่รักคะ ที่รัก!” หญิงสาวพยายามเขย่าตัวอีกฝ่าย ตอนนี้เองที่ดึงสติชายวัยกลางคนกลับมาได้
“อะไรนะ?” ชายวัยกลางคนทราบดีว่าตนเองเสียอาการไปชั่วขณะ ตอนนี้จึงเผยท่าทีอับอายเล็กน้อยออกมา เพียงแต่ว่าสายตากลับยังคงจับจ้องหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อย่างไม่ลดละ
“เธอแย่งชุดของฉันไปค่ะ!” ผู้หญิงคนนี้ชี้หน้าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์
“พูดผิดแล้วมั้งครับ พวกเราซื้อชุดนี้ก่อนแล้ว แต่คุณมาจากไหนไม่รู้คิดจะฉกชิงเอาไป” อู๋ฝานตอบกลับ
“ดู ดูสิคะ ผู้ชายคนนี้ดุร้ายกับฉันมากเลยค่ะ!” ผู้หญิงคนนั้นเริ่มแสดงเสแสร้งทำเป็นอ่อนแอ
ชายวัยกลางคนหันมองทางอู๋ฝานอย่างไม่เป็นมิตร คิ้วพลันขมวดเล็กน้อย พร้อมเอ่ยคำ “ท่าทีแบบนี้คืออะไร ไม่ว่าเจ้าของชุดนั่นจะเป็นใคร ฉันจะซื้อมันที่นี่และเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวเผยท่าทีเย้ยหยัน กำลังจะคว้าชุดจากหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อีกครั้งหนึ่ง ทว่าอู๋ฝานขวางเอาไว้อีกครั้ง พร้อมเอ่ยคำ “พวกเราซื้อชุดนี้เรียบร้อยแล้ว และจะไม่มอบให้ครับ”
ต่อให้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้ชอบชุดนี้ ทว่าอาศัยเพียงแค่ท่าทีของคนทั้งสองตรงหน้า ก็มากพอทำให้อู๋ฝานตัดสินใจไม่ยกให้
“ที่รัก ดูสิคะ” หญิงสาวทำตัวแง่งอนอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนเผยคิ้วขมวดลุ่มลึก สายตาจ้องมองอู๋ฝานอย่างไม่เป็นมิตร “ฉันพูดแล้วว่าพวกเราจะซื้อชุดนั่น ไม่คิดจะไว้หน้าฉันเลยหรือยังไง?”
“ทำไมผมต้องไว้หน้าด้วย คุณเป็นใครครับ?” อู๋ฝานอดไม่ได้ที่จะต้องเลิกคิ้วขึ้นพร้อมเอ่ยถาม
ชายวัยกลางคนเผยสีหน้าโกรธเคืองรุนแรง หลังมองหัวจรดเท้าของอู๋ฝาน เขาจึงเอ่ยขึ้น “ฉันคิดว่านายก็เป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดาคนหนึ่ง ให้เดานะ คงต้องเก็บเงินสักสองเดือนถึงจะซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ได้ละมั้ง ลำพังแค่เรื่องนี้ก็คิดอยากจะสู้งั้นเหรอ? ถ้ายอมไว้หน้ากันบ้าง ฉันจะให้หนึ่งหมื่น ส่งชุดนั้นมา นายยังจะได้กำไรเกินกว่าหนึ่งพันด้วยซ้ำ
ขณะที่ชายวัยกลางคนพูดอยู่นั้น สายตาของเขาก็ยังคงเอาแต่จ้องหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ประหนึ่งว่าต้องการยืนยันสถานะทางการเงินของอู๋ฝานต่อหน้าหญิงสาวอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่ขายครับ!” อู๋ฝานปฏิเสธไปอย่างพอมีมารยาท
“อย่าได้โลภจนเกินตัว! อย่างดีฉันจะจ่ายให้สองหมื่น” ชายวัยกลางคนคิดว่าอู๋ฝานพยายามเรียกร้องราคาเพิ่ม ดังนั้นจึงยอมพิ่มราคาขึ้นเป็นสองหมื่น
ในความเห็นของเขา อู๋ฝานเป็นแค่คนธรรมดา เงินจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นนั้นมากพอจะทำให้เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วได้ ดังนั้นย่อมต้องไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
ใครจะมีปัญหากับการได้เงินเพิ่มขึ้นกัน?
ทว่ามันย่อมไม่ใช่กับอู๋ฝาน เขากระทั่งหันไปพูดกับพนักงานร้านอย่างตรงไปตรงมา “จัดการแพ็คชุดให้พวกเราด้วยครับ พวกเราจะได้ไปจ่ายค่าชุด”