ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 265 มิตรที่ดี
บทที่ 265 มิตรที่ดี
บทที่ 265 มิตรที่ดี
ข้อสรุปที่ได้รับ ยากที่หวงถิงเฟิงจะทำใจยอมรับ เขาไม่เชื่อว่าในช่วงสั้น ๆ ฝีมือทำอาหารของอู๋ฝานจะก้าวหน้ามากขนาดนี้
หรือเรื่องนี้จะมีเหตุผลอื่น?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าอู๋ฝานใส่อะไรบางอย่างที่ไม่ควรใส่ลงไปในอาหาร?
ทว่าข้อสันนิษฐานนั้น หวงถิงเฟิงก็ต้องปัดตกไปอย่างรวดเร็ว อย่างที่ทราบกันว่าผู้มาที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้มั่งคั่งมากอิทธิพลในเจียงโจว หากอู๋ฝานกล้าใส่อะไรบางอย่างที่ไม่ควรใส่ลงไป ถ้าเมื่อไหร่ที่ถูกเจอเข้า แค่นึกว่าจะตายอย่างไรก็ยากจะคาดเดาแล้ว
ดังนั้นหากไม่ใช่ประเด็นดังกล่าว อย่างนั้นจะมีสาเหตุอะไรอีก?
หวงถิงเฟิงครุ่นคิดถึงวัตถุดิบ วัตถุดิบเองก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถตัดสินรสชาติของอาหารได้ บางทีอู๋ฝานอาจจะได้เจอวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมจากที่ไหนสักที่ และวัตถุดิบเหล่านั้นก็เป็นตัวช่วยขับเน้นรสชาติออกมา
แม้หวงถิงเฟิงจะรู้สึกว่าต่อให้วัตถุดิบจะดีเลิศเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งเสริมรสชาติถึงขนาดนี้ ทว่าอย่างไรแล้วนี่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของเขา ความเป็นไปได้ยังมีอีกมากมาย ดังนั้นตนจึงตัดสินใจเริ่มจากส่วนที่น่าสงสัยที่สุด
“ขอแค่รู้ว่าอู๋ฝานไปซื้อวัตถุดิบจากที่ไหน ถึงตอนนั้นก็ค่อยตัดเส้นทางซื้อขายของมัน ถ้าทำได้ ร้านโลกในแหวนก็ยากที่จะพัฒนาไปมากกว่านี้แล้ว” หวงถิงเฟิงกำลังครุ่นคิดกับตนเอง
หวงถิงเฟิงคิดว่าตนเองก็พอมีเส้นสายในเจียงโจว เขาเชื่อว่าหากตนค้นพบแหล่งซื้อขายวัตถุดิบที่อู๋ฝานใช้งาน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะพร้อมลงมือเล่นงาน ต่อให้ต้องจ่ายเงินหนักมือไปบ้าง แต่ว่าเขาก็ยินดีจ่าย เพราะตอนนั้น ร้านของเขาจะกลับมารุ่งเรืองดังเดิม
เพียงแต่หวงถิงเฟิงกลับลืมเลือนว่าวันที่อู๋ฝานเปิดร้านวันแรก เหล่าคุณหนูและนายน้อยทั้งหลายต่างมาเยือนให้การสนับสนุน เห็นได้ชัดว่าเส้นสายของชายหนุ่มในเจียงโจวไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ ในความเป็นจริง หากคิดแข่งเรื่องเส้นสาย เขาไม่น่าเทียบได้
ด้วยความคิดในใจนั้น หวงถิงเฟิงจึงเริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง
ปัจจุบันใกล้ถึงเวลาอาหารแล้ว ร้านโลกในแหวนเริ่มมีคนแวะเวียนกันมามากขึ้น เมื่อเห็นความยุ่งภายในร้าน หวงถิงเฟิงทั้งโกรธเกรี้ยวและหมองหม่นในเวลาเดียวกัน
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่นี่ เคยเป็นลูกค้าร้านของเขามาก่อน ทว่าตอนนี้กลับแห่แหนมากันที่ร้านของอู๋ฝานจนหมดสิ้น!
เขาจะต้องหาทางทวงลูกค้าเหล่านี้กลับคืน!
ตอนนี้เองที่บริกรมาพร้อมกับจานอาหาร และวางลงตรงโต๊ะของหวงถิงเฟิง
“นี่มันอะไร? เสิร์ฟผิดโต๊ะหรือเปล่า? ฉันไม่ได้สั่งอาหารจานนี้ นายทำงานประสาอะไร? ถึงกับเสิร์ฟอาหารผิดโต๊ะโดยไม่ถามไถ่! อย่างนี้แล้วจะเรียกว่าร้านระดับสูงได้งั้นเหรอ?” หวงถิงเฟิงพลันคว้าโอกาสนี้สร้างสถานการณ์
เขาไม่พอใจที่แห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว และเมื่อตอนนี้ก็ได้เห็นความผิดพลาด ดังนั้นเขาย่อมไม่มีทางปล่อยผ่าน ตอนที่พูดออกไป เขาจงใจเสียงดังซะด้วยซ้ำ ทำให้ดึงความสนใจของบรรดาแขกในร้านชั้นที่หนึ่ง กระทั่งชั้นที่สองได้ อีกทั้งลูกค้าบางคนในห้องส่วนตัวก็ยังต้องมองมาเสียด้วยซ้ำ
หวงถิงเฟิงค่อนข้างพอใจกับคำพูดของตนเองไม่ใช่น้อย
“ผู้จัดการหวงเข้าใจผิดแล้วครับ ผมเป็นคนขอให้เขานำอาหารจานนี้มาเสิร์ฟเอง” ตอนนี้เองที่อู๋ฝานเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สายตามองหวงถิงเฟิงพร้อมบอก “ในฐานะผู้จัดการของร้านคัลเลอร์แมน ผู้จัดการหวงถึงกับมาเยือนร้านของเรา ผมเลยรู้สึกเป็นเกียรติกับร้านโลกในแหวของเรามาก ที่ผู้จัดการหวงช่วยอุดหนุนเป็นอย่างดี เพราะไม่ทราบว่าจะตอบแทนยังไงดี ผมเลยส่งอาหารจานนี้มาเป็นของสมนาคุณจากใจครับ”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ฉันไม่ใช่ผู้จัดการหวงอะไรนั่น จำคนผิดแล้ว” เห็นอู๋ฝานเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน หวงถิงเฟิงถึงกับตื่นตระหนกเร่งร้อนก้มศีรษะ
หวงถิงเฟิงรับรู้ได้ถึงสายตาสืบเสาะหาข้อเท็จจริงจากผู้คนรอบด้าน ตอนนี้เขานึกเสียใจที่ตะโกนเสียงดัง จนดึงความสนใจให้คนมองมาทางนี้แล้ว
“ผู้จัดการหวง พวกเราต่างก็เป็นมิตรที่ดีต่อกัน ทำแบบนี้ก็เสื่อมเสียแย่แล้วสิครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ตอนนี้ผู้จัดการหวงไม่ดูแลแขกที่ร้านของตนเอง แต่กลับมาอุดหนุนร้านของผม ในเมื่อมีสหายที่จริงใจถึงขนาดนี้ ผมเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ก็ไม่ได้เสียเปล่าแล้วล่ะครับ”
อู๋ฝานจงใจกล่าวความรู้สึกที่ไม่มีความจริงเจือปนสักนิด ขณะที่หวงถิงเฟิงรู้สึกคล้ายอยากหารูบนพื้นมุดลงไปเสียให้ได้
“แจ้งแผนกต้อนรับด้วยว่าผู้จัดการหวงเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ถ้าในอนาคตเขาแวะมาทานที่นี่ ก็มอบส่วนลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์โดยไม่มีเงื่อนไข” อู๋ฝานกล่าวบอกบริกรที่อยู่ข้างกาย
ตอนนี้คนภายในโถงต่างทราบตัวตนของหวงถิงเฟิงกันแล้ว และพวกเขากำลังพูดคุยกันยกใหญ่
ลูกค้าที่กำลังใช้บริการหลายคนก็เคยเป็นลูกค้าของร้านคัลเลอร์แมนมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงจำหวงถิงเฟิงได้ ตอนนี้ที่อู๋ฝานเอ่ยย้ำบอก พวกเขายิ่งจดจำหวงถิงเฟิงได้อย่างชัดเจน ส่วนที่ว่าผู้จัดการร้านคัลเลอร์แมนอย่างหวงถิงเฟิงทำไมไม่อยู่ที่ร้านของตัวเอง แต่มาร้านโลกในแหวนเพื่อทานอาหาร ก็คิดเพียงได้ว่าอาหารของร้านคัลเลอร์แมนไม่อาจดีเท่าร้านโลกในแหวนใช่ไหม?
หวงถิงเฟิงแทบไม่อาจทนสายตาของบรรดาลูกค้ารอบด้านได้ เขาลุกขึ้นยืนเตรียมออกไป ตอนนี้เขานึกเสียใจที่มาทานอาหารด้วยตนเอง กระทั่งไม่พอใจที่คว้าโอกาสในความผิดพลาดเมื่อครู่ ทว่าตอนนี้มันจบลงแล้ว ทุกคนได้รู้ว่าเขามาทานมื้อนี้ที่ร้านโลกในแหวน หากเรื่องราวนี้เปิดเผยออกไป มันจะส่งผลกระทบต่อร้านของเขาอย่างหนัก
“เดี๋ยวสิครับ ผู้จัดการหวงจะไปแล้วเหรอ? อิ่มแล้วเหรอครับ? ครั้งหน้ามาใช้บริการใหม่นะครับ” อู๋ฝานตะโกนไล่หลัง
คำพูดของอู๋ฝานยิ่งทำฝีเท้าของหวงถิงเฟิงก้าวรวดเร็วมากยิ่งขึ้น คล้ายจะร้อนรนเสียด้วยซ้ำ ทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คนรอบด้าน มันทำให้เขาไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อได้อีก
อู๋ฝานมองหวงถิงเฟิงจากไปด้วยรอยยิ้มการค้า สุดท้ายก็เดินกลับเข้าครัวไปอีกครั้งหนึ่ง
อู๋ฝานไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมหวงถิงเฟิงถึงมาที่นี่ แต่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาที่นี่เพื่ออุดหนุนร้านโลกในแหวนอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วอีกฝ่ายคงไม่แอบลับล่อเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มต้องจงใจทดสอบ โดยการส่งอาหารสมนาคุณมาให้ หากอีกฝ่ายรับไว้ด้วยความเต็มใจ เช่นนั้นอู๋ฝานก็ตัดสินใจจะไม่เผยตัว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ อีกฝ่ายกลับใช้โอกาสดังกล่าวหาความผิดพลาด ดังนั้นเขาจึงไม่คิดตอบรับด้วยมารยาทอันดีเช่นเดียวกัน
ในช่วงบ่าย อู๋ฝานได้รับสายจากเจ้าเซียวถิง อีกฝ่ายแจ้งว่ามีกำหนดจัดงานปาร์ตี้ที่แน่นอนแล้ว เป็นคืนวันพรุ่งนี้ ส่วนสถานที่จัด มันค่อนข้างทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจไม่น้อย
สถานที่จัดปาร์ตี้ดังกล่าวคือร้านโลกในแหวน! เป็นร้านที่อู๋ฝานเพิ่งจะเปิดกิจการได้ไม่นาน
อู๋ฝานไม่คิดว่าหัวหน้าห้องจะเลือกจัดงานที่นี่ อย่างที่ทราบว่าค่าใช้จ่ายนั้นจะต้องไม่น้อย และบรรดาเพื่อนร่วมเรียนมหาวิทยาลัยก็เพิ่งจะจบการศึกษากันได้เกือบปี การจัดงานเลี้ยงเจอกันที่นี่ ที่ซึ่งค่อนข้างเป็นร้านอาหารหรู เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเหมาะสมกับการเงินสักเท่าไหร่นัก
ทว่าในเมื่อตัดสินใจกำหนดสถานที่เรียบร้อยแล้ว อู๋ฝานก็ไม่คิดกล่าวอะไรอีก เดิมเขาก็เพียงต้องการไปร่วมงานเพื่อพูดคุยกับโหวจื่อ ส่วนว่าจะเป็นที่ไหนชายหนุ่มก็ไม่ได้ติดขัดอะไรอยู่แล้ว
เพียงแต่ในเมื่อพวกเขาจัดงานที่นี่ และยังเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียน อู๋ฝานก็ยังต้องเห็นแก่หน้าพวกเขาอยู่บ้าง หลังวางสายจากเจ้าเซียวถิง อู๋ฝานจึงเรียกเฉินปิงเหยามาหา
“มีใครที่ชื่อเมิ่งเว่ยฟางจองห้องส่วนตัวคืนวันพรุ่งนี้ที่ร้านของเราไหมครับ” เมิ่งเว่ยฟางคือชื่อของหัวหน้าห้องสมัยอู๋ฝานยังเรียนอยู่
เฉินปิงเหยาครุ่นคิดไปครู่ สุดท้ายส่ายศีรษะ “ไม่มีค่ะ”
“ไม่มีเหรอครับ?” อู๋ฝานประหลาดใจ สถานที่มีการนัดแนะเรียบร้อยแล้ว แต่กลับไม่มีการจอง? คิดว่าพรุ่งนี้จะตรงมาที่นี่กันเลยหรืออย่างไรกัน?
ไม่น่าเป็นไปได้
“ไม่มีเลยเหรอครับ? เป็นงานเลี้ยงรุ่นมหาวิทยาลัย น่าจะมีคนร่วมงานหลายสิบคนนะครับ” อู๋ฝานเอ่ยถามอีกครั้ง