ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 289 ฉันคือเถ้าแก่
บทที่ 289 ฉันคือเถ้าแก่
บทที่ 289 ฉันคือเถ้าแก่
ถังอวี่เฟยไม่ใส่ใจอาการตะลึงของกลุ่มคน เธอมองอู๋ฝานพร้อมส่ายกุญแจรถในมือไปมา “งั้นฉันไม่รบกวนงานปาร์ตี้แล้วค่ะ เสร็จจากตรงนี้เมื่อไหร่บอกนะคะ เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
“ครับ” อู๋ฝานตอบรับ
“ยินดีที่ได้พบทุกคนนะคะ ขอให้สนุกค่ะ” ถังอวี่เฟยทักทายกลุ่มคนอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับและจากไป โดยทิ้งร่องรอยกลิ่นอันหอมหวานตกค้างไว้ภายในห้องส่วนตัว
ถังอวี่เฟยมาเยือนอย่างกะทันหันและกลับไป แต่ความตื่นตะลึงที่สร้างให้กับกลุ่มคนนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยทีเดียว
คุยธุรกิจสิบล้าน กลับไม่คิดแม้แต่น้อย ตอบรับในทันทีเสียด้วยซ้ำ รวมกับรูปลักษณ์งดงามล่มเมืองของเธอ มันยิ่งเป็นภาพที่ติดค้างในใจของพวกเขา
อู๋ฝานไปรู้จักผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไงกันแน่? อีกทั้งเธอยังออกปากเป็นฝ่ายไล่ตามจีบอีกฝ่ายด้วยตัวเอง เรื่องที่เปรียบดังพรจากฟ้าเช่นนี้ ทำไมพวกเขาไม่เคยได้รับ?
“นี่คงไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นใช่ไหม? เธอดูอายุน้อยกว่าพวกเราอีก กลับตัดสินใจเรื่องธุรกิจมูลค่ากว่าสิบล้านได้ด้วยตัวเองเนี่ยนะ?” เพื่อนร่วมรุ่นเหล่านี้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ
เขาเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ดูหมิ่นเหน็บแนมอู๋ฝานเมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับพบว่าคนอย่างอีกฝ่ายได้รับพรจากฟ้า เขาไม่อาจยอมรับได้ ไฟแห่งความริษยากำลังสุมอัดพวยพุ่ง
“อู๋ฝาน เธอคงไม่ใช่คนที่นายจ้างมาเพื่อกู้หน้าหรอกมั้ง?” หม่าอิงเฟยเอ่ยถามขึ้นมา
การปรากฏตัวของถังอวี่เฟย ทำให้อู๋ฝานกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน และมันเป็นเรื่องที่หม่าอิงเฟยไม่อาจยอมรับได้ อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนยากจนเช่นอีกฝ่าย จะมีอะไรดีถึงขนาดดึงดูดความสนใจของสาวงามระดับนั้น
แต่ตอนนี้กลับไม่รอให้อู๋ฝานมีโอกาสได้อ้าปากตอบ เพื่อนร่วมรุ่นหญิงคนหนึ่งกลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา “ถึงฉันจะไม่รู้จักเธอคนนั้นก็ตาม แต่ฉันรู้จักกระเป๋าที่ผู้หญิงคนนั้นถือนะ แอร์เมสที่เธอคนนั้นถือเพิ่งวางขายแบบจำกัดจำนวน ราคาเกินกว่าสองหมื่นอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แล้วก็ชุดที่เธอคนนั้นใส่ก็ชาเนล ราคาน่าจะเกินหมื่น” เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“นาฬิกาที่เธอสวมที่ข้อมือนั่น ก็เพิ่งซื้อจากร้านที่ฉันทำงาน ราคาหกแสนห้าหมื่น!” เจ้าเซียวถิงเอ่ยคำขึ้นมา
“และกุญแจรถที่เธอถือให้เห็นเมื่อกี้ ถ้าดูไม่ผิด… นั่นเฟอร์รารี่เลยนะ! ราคาในประเทศก็เกินล้านแล้ว” เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา
ยิ่งกลุ่มคนพูดมากขึ้นเท่าไหร่ ความแตกตื่นต่อถังอวี่เฟยก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เธอร่ำรวยขนาดนี้ได้ยังไง?
แต่ที่ทำพวกเขาตกใจยิ่งกว่านั้นคือการที่หญิงสาวผู้ร่ำรวยและงดงามระดับล่มเมืองระดับนั้น กำลังตามจีบอู๋ฝานอย่างไม่ท้อถอย และอีกฝ่ายเองก็ไม่ยอมตอบตกลงด้วย!
ถ้าเป็นพวกเขา เกรงว่าคงไม่มีทางอัดอั้นคำว่าตกลงเอาไว้ในใจได้แน่
หม่าอิงเฟยเผยสีหน้าอัปลักษณ์ เดิมเขาคิดว่าถังอวี่เฟยคงเป็นอู๋ฝานซื้อตัวมาเพื่อแสดงละครฉากหนึ่ง แต่เรื่องราวกลับยืนยันได้ว่าไม่ใช่ เธอร่ำรวยจริง มันยิ่งทำให้เขายากที่จะยอมรับ เพราะก่อนหน้านี้คนพวกนี้ยังนับถือยกยอปอปั้นเขา แต่แล้วเพียงพริบตา ท่าทีของพวกเขากลับเปลี่ยนแปลงไป กระทั่งเอ่ยขัดแย้งกับเขา
กลุ่มคนที่กลับไปนั่งที่ของตัวเอง บรรยากาศในห้องส่วนตัวแห่งนี้เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร สายตาเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะจ้องมองอู๋ฝาน
“อู๋ฝาน เธอคนนั้นเป็นใคร? เธอจะช่วยฉันแก้ปัญหาได้จริงเหรอ?” ตอนนี้เองที่โหวเสี่ยวกวงเอ่ยคำถามที่ทุกคนสงสัยออกมา
“เธอเป็นเพื่อนของฉันคนหนึ่ง ในเมื่อเธอรับปากแล้ว ปัญหาของนายก็วางใจได้แล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ
เมื่อคนอื่นไม่ได้ยินคำตอบที่พวกเขาอยากจะได้ยิน ในใจก็รู้สึกผิดหวัง แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะถามคำถามอะไรออกไปได้
ในสายตาของเจ้าเสวี่ยอี๋ ตอนนี้อดไม่ได้ที่จะลอบมองไปยังอู๋ฝาน แต่หลังจากสำรวจเขาอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ไม่เห็นว่าจะมีความพิเศษอะไร อย่างดีที่สุดก็หล่อกว่าในอดีตอยู่บ้าง แต่เหมือนว่าท่าทีการวางตัวจะเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร
แต่เรื่องการเปลี่ยนท่าที แค่เข้าสังคมบ่อยขึ้นก็เปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
เจ้าเสวี่ยอี๋รู้ดี เธอเองก็ไม่ใช่คนเดิมสมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยอีกต่อไปแล้ว เธอได้ตระหนักถึงโลกแห่งความเป็นจริง
งานเลี้ยงดำเนินจนถึงจุดสิ้นสุดด้วยบรรยากาศประหลาด ทุกคนเริ่มตื่นขึ้นจากความตื่นตะลึงที่ถังอวี่เฟยนำมาและฝากเอาไว้
“ฉันจำได้ว่าบริกรคนก่อนหน้านี้ บอกว่าเถ้าแก่ของพวกเขาจะมาร่วมงานกับพวกเราไม่ใช่เหรอ นี่งานก็จะจบแล้ว ทำไมเขายังไม่มาอีกล่ะ?”
“หรือว่าไม่มาแล้ว? ปล่อยให้พวกเรารอเก้อ?”
“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะ ความสัมพันธ์ของประธานหม่ากับเถ้าแก่ ในเมื่อเขาเอ่ยปากแบบนั้นแล้ว ยังไงก็ต้องมา บางทีอาจติดเรื่องอะไรอยู่”
กลุ่มคนเริ่มจำคำพูดของบริกรคนก่อนหน้านี้ได้ การที่เถ้าแก่ของร้านระดับนี้จะมานั่งพูดคุยพลางร่วมทานอาหารด้วยนั้น มันมากพอที่เป็นเรื่องน่าภูมิใจที่พวกเขาสามารถนำไปเล่าต่อได้
พวกเขาพูดคุยกันต่อไปอีกสักพัก เป็นอีกครั้งที่หม่าอิงเฟยตกเป็นจุดสนใจ ในใจเขารู้สึกยินดีขึ้นมา ถ้าเถ้าแก่ไม่มาก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องถูกเปิดเผยอะไรที่อาจทำให้เสื่อมเสียได้ ตอนนี้จึงวางท่าพูดตอบคำกลับ “บางทีเขาอาจติดธุระสำคัญจริง ๆ ก็ได้ ไม่งั้นถ้ารู้ว่าฉันคนนี้มาที่นี่ ยังไงเขาก็ต้องมาเพราะเห็นแก่หน้าฉัน เดิมก็อยากให้เขาร่วมโต๊ะทานอาหารกับทุกคนอยู่หรอก แต่ดูเหมือนว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว ไว้ครั้งหน้าเจอเขาเมื่อไหร่ ฉันจะบอกให้เองว่าทำแบบนี้โดยไม่แจ้งไม่ใช่เรื่องดี”
“ประธานหม่าอย่าทำแบบนั้นเลย ยังไงเขาก็เป็นเถ้าแก่ใหญ่ มีเรื่องมากมายต้องจัดการสะสาง มาไม่ได้ก็ถือว่าเข้าใจได้”บราวนี่ออนไลน์
“จริงด้วย ร้านนี้ก็กิจการคึกคัก เถ้าแก่จะต้องยุ่งมากแน่ แค่มีใจจะมาก็ถือว่าดีแล้ว”
กลุ่มคนต่างอยากเอาอกเอาใจหม่าอิงเฟยจึงเร่งพูดกันออกมา
“ก็ได้ ไว้ครั้งหน้ามีโอกาส ฉันจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักก็แล้วกัน” หม่าอิงเฟยตอบรับ
อู๋ฝานมองหม่าอิงเฟยด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงอะไร ถึงได้พูดจาเหล่านั้นออกมา
ตอนนี้เองที่ประตูห้องส่วนตัวเปิดออกอีกครั้ง พนักงานคนเดิมเข้ามา เธอเมินเฉยสายตาของคนอื่น มองตรงไปทางอู๋ฝานพร้อมเอ่ยขึ้น “เถ้าแก่ นายน้อยหวังมาค่ะ เขาอยากพบเถ้าแก่ บอกว่ามีเรื่องต้องการพูดคุยด้วยค่ะ”
เถ้าแก่?
ใครเป็นเถ้าแก่?
เถ้าแก่ของร้านนี้อยู่ในห้องส่วนตัวงั้นเหรอ?
ทว่าในนี้ก็มีแค่เพื่อนร่วมรุ่นไม่ใช่หรือไง? แล้วเถ้าแก่อยู่ที่ไหน?
ขณะทุกคนกำลังประหลาดใจและสับสน อู๋ฝานก็ตอบรับขึ้นมา “ได้ครับ เข้าใจแล้ว”
“นี่นายเป็นเถ้าแก่? เถ้าแก่อะไร!?” หลังพนักงานคนนั้นออกไปแล้ว โหวเสี่ยวกวงจึงมองอู๋ฝานด้วยอาการตื่นตกใจพร้อมถาม เขาพบว่าตนเองตอนนี้ราวกับไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายแม้แต่น้อย แค่หนึ่งปีมานี้ชายหนุ่มไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้ก้าวหน้ามากมายจนยากจะเชื่อได้เช่นนี้!
“ก็ต้องเป็นเถ้าแก่ของร้านนี้อยู่แล้วสิ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ ขณะมองกลุ่มคน “ฉันก็ไม่ได้นึกว่าพวกนายจะเลือกสถานที่จัดปาร์ตี้เป็นที่ร้านของฉัน ในฐานะเจ้าของ จะไม่แสดงน้ำใจก็ยังไงอยู่ ก็เลยส่งอาหารกับไวน์มาจำนวนหนึ่ง แต่เหมือนว่าเรื่องนี้จะถูกชักนำไปจนเกิดความเข้าใจผิดซะได้”
พูดถึงตรงนี้ อู๋ฝานก็หันหน้ามามองหม่าอิงเฟยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เมื่อรับรู้ถึงสายตาของอีกฝ่าย หม่าอิงเฟยก็อับอายจนอยากหารูมุดหนีไป!
อับอาย!
อับอายที่สุดในชีวิต!
ใครกันคิดว่าเถ้าแก่ของร้านนี้จริง ๆ แล้วจะเป็นอู๋ฝาน? บอกว่าค่อนข้างคุ้นเคยกันก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องโกหก แต่บอกว่าเพราะเห็นแก่หน้าตัวเองนั้น เกรงว่าจะไม่มีใครในที่นี้เชื่อ
อู๋ฝานลุกยืนขึ้นพร้อมบอกกับกลุ่มคน “ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ คงอยู่ร่วมงานจนแยกย้ายไม่ได้ ทานอาหารให้อร่อยนะ”
จากนั้นเขาก็มองโหวเสี่ยวกวง “โหวจื่อ ไว้พรุ่งนี้ฉันติดต่อหานายนะ”
จบคำ อู๋ฝานก็ออกไปจากห้องส่วนตัวท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของคนในห้อง ทิ้งให้พวกเขาตะลึงจนพูดไม่ออก!