ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 332 ไม่ผิดจากที่คิด
บทที่ 332 ไม่ผิดจากที่คิด
บทที่ 332 ไม่ผิดจากที่คิด
“โรงงานนี้เป็นของแก? ฮ่า ฮ่า อย่ามาพูดให้ขำ คิดว่าพวกเราไม่รู้รึไงว่าเจ้าของโรงงานนี้เป็นผู้หญิงน่ะ!” ชายคนดุดันหัวเราะดังเย้ยหยันอู๋ฝาน
“นี่พวก! อย่ามาหาข้อแก้ตัวอะไรส่งเดชเลย แกได้เงินเดือนแค่ไม่กี่พัน เข้ามายุ่งเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ ถ้าบาดเจ็บขึ้นมา ก็มีแต่เสียกับเสียจริงไหม?” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งบอกอู๋ฝาน
เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองไม่เชื่อคำพูดของอู๋ฝาน กระทั่งมองว่าชายหนุ่มพูดหาข้ออ้างไปเรื่อย เพราะอยากจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องราว
“ไม่นานมานี้ ตอนที่นี่ไฟไหม้ พวกแกทำอะไรอยู่?” อู๋ฝานเอ่ยถามออกไป
“รู้ดีนี่!” สิ่งที่อู๋ฝานไม่คาดคือการที่ชายดุดันอารมณ์ร้อนไม่มีเจตนาปิดบังอีกต่อไป กระทั่งตอบรับราวกับภูมิอกภูมิใจ “ไฟไหม้ที่นี่ครั้งก่อนก็เป็นฝีมือพวกเราพี่น้อง! ตอนนี้แกรู้แล้วว่าพวกเราทำ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวคนอย่างแกใช่ไหม? ถ้ายังไม่รีบไสหัวไปให้พ้น ก็อย่าว่าที่พวกเราเสียมารยาท!”
“เป็นพวกแกก็ถือว่าดีเลย” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “ใครจ้างพวกแกมาทำงานนี้? พวกแกสองคนไม่ใช่คนงานของที่นี่ ไม่มีข้อพิพาทอะไรกับโรงงานเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกแกจะมาจุดไฟวางเพลิงอย่างไร้เหตุผล เว้นแต่จะเป็นคนบ้าที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป”
“พวกเราวางเพลิงเพราะอะไร ใช่เรื่องที่คนอย่างแกต้องรู้งั้นเหรอ? ไอ้น้อง! ว่างจนไม่มีอะไรทำรึไง? ฉันคนนี้ไม่มีเวลาจะมาเสียกับคนอย่างแกมากนักหรอกนะ ถ้ายังไม่ไสหัวไปอีก ฉันจะหักขาสุนัขของแกเป็นสองท่อนเลย!” ชายดุดันตอบคำกลับมา
“คนอย่างพวกแกนี่อวดดีกันจริง ๆ ทั้งที่มาทำเรื่องต่ำช้า แต่กลับพูดเหมือนทำเรื่องถูกต้อง ไม่กลัวโดนจับโยนเข้าคุกรึยังไง?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“ตรงนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด ถ้าไม่มีหลักฐานหลงเหลือ จะเอาอะไรมาจับพวกเรา?” ชายหนุ่มอีกคนตอบคำกลับ
“พอแล้ว พูดกับมันไปก็ไม่รู้เรื่อง พวกเรามีเวลาไม่มาก ไอ้เวรนี่เข้ามาขวางงานคนอื่น ก็กำจัดมันให้สิ้นเรื่องไป!” ชายดุดันพูดขึ้นมา
จบคำ อีกฝ่ายก็เดินเข้าหาอู๋ฝาน “ไอ้หนู แกรนหาที่เอง อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน!”
คนหนุ่มอีกคนที่มาด้วยลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าหาอู๋ฝานด้วยเช่นกัน
“เฮ้อ ตอนแรกพวกแกปากแข็งไม่ยอมบอกอะไร แต่ทีกลับหลังบอกจนหมดเปลือก ตอนนี้ยังจะมาทำตัวเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาอีก” อู๋ฝานถอนหายใจออกมา
“เหอะ ไอ้หนู พูดจาตลกดีนี่ ฉันไม่ทนฟังคำพูดแกอีกแล้ว!” ชายดุดันตะคอกตอบกลับมา
แม้อีกฝ่ายจะค่อนข้างพูดมาก แต่เมื่อขยับมือก็ไม่ใช่ช้า มันพุ่งตรงต่อยเข้าใส่ใบหน้าของอู๋ฝาน
หมัดที่ต่อยออกมาอย่างกะทันหันนั้น ชายหนุ่มคนที่ปล่อยหมัดมั่นใจล้นพ้น เขาเชื่อว่าหมัดนี้จะต้องเล่นงานอู๋ฝานได้สำเร็จ สามารถทำให้ล้มลงจนสลบได้เลย อย่างไรอู๋ฝานก็ไม่ได้ดูแข็งแกร่งแม้แต่น้อย
ทว่าหมัดที่กำลังจะปะทะใบหน้าของอู๋ฝาน กลับถูกฝ่ามือที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันจับเอาไว้แน่น มันเป็นเหมือนห่วงเหล็กรัดกุม ยึดหมัดเอาไว้แน่น ไม่อาจดึงหมัดกลับคืนมาได้แม้แต่น้อย
ชายดุดันไม่คาดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาพยายามดึงหมัดของตนคืนด้วยความอับจนและสิ้นหวัง ออกแรงทั้งหมดเท่าที่จะออกได้ จนทำให้ใบหน้าแดงก่ำ ทว่าหมัดของเขาก็ไม่อาจขยับออกมา
“ยืนบื้ออะไรอยู่! ไม่คิดจะมาช่วยกันรึไง?” ชายดุดันตะคอกบอกกับเพื่อนของตัวเอง เป็นการร้องขอความช่วยเหลือ
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่คิดลงมือต่อยอู๋ฝาน แต่ช้ากว่า ตอนนี้เมื่อโดนเพื่อนเร่งขอให้ช่วย เขาจึงเร่งฝีเท้าเข้าหาพร้อมต่อยใส่อู๋ฝาน
เมื่อเห็นเพื่อนเข้ามาช่วย ชายดุดันจึงยื่นเท้าออกมา ราวกับคิดจะเตะอู๋ฝาน
เผชิญหน้ากับสองคนที่รุมเล่นงาน อู๋ฝานก็ไม่ได้ตื่นตระหนก อย่างไรสองคนนี้ก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา จากท่าทางการลงมือ ไม่มีทางที่จะเป็นภัยคุกคามเขาได้
อู๋ฝานเตะขาขวาใส่ชายดุดัน ขณะเดียวกันก็ยังยื่นมืออีกข้างหนึ่งไปเล่นงานชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง
“อ๊าก!”
ตอนที่โดนขาเตะ ชายดุดันก็แผดเสียงร้องดังออกมา ตอนนี้เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าเสียงตะโกนแหกปากของตนเองจะดึงความสนใจใครในโรงงาน เพราะเขากำลังเจ็บเกินกว่าจะกลั้นเสียงเอาไว้ได้
“โอ๊ย! เจ็บแทบตายแล้วโว้ย หักแล้วมั้งเนี่ย ขาฉันหักแล้ว!” เสียงชายดุดันตะโกนดังลั่น
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าอู๋ฝานที่ดูไปแล้วไม่ได้เตะรุนแรงอะไร เหตุใดกลับรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ กระทั่งทำขาของเขาหัก มันยิ่งกว่าจับแท่งเหล็กมาฟาดใส่อีก!
ทว่าเสียงร้องนี้กลับไม่ได้ทำให้เพื่อนที่มาด้วยกันเข้ามาช่วยเหลือ เพราะตอนนี้เพื่อนคนดังกล่าวถูกอู๋ฝานเล่นงานจนอยู่หมัด ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากการควบคุมตัวของอีกฝ่าย
“ไอ้หนู รีบปล่อยพวกเราไป ถ้าไม่งั้นแกก็เตรียมไปคุยกับรากมะม่วงได้เลย!” ชายดุดันตะโกนข่มขู่อู๋ฝาน
“กล้าขู่ฉันอย่างนั้นเหรอ? ทั้งที่พวกแกมาที่นี่เพื่อจุดไฟเผาโรงงานของฉันเนี่ยนะ กล้าดียังไงมาข่มขู่ฉัน?” อู๋ฝานตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
ชายดุดันราวกับคิดอยากจะเอ่ยอะไรขึ้นเพื่อข่มขู่อู๋ฝานให้หวาดกลัว ทว่าชายหนุ่มกลับขยับแขนกระชากเปลี่ยนทิศทาง แขนของชายหนุ่มทั้งสองคนพลันบิดเบี้ยวผิดสภาพ ทำให้ชายทั้งสองคนต้องเผยสีหน้าม่วงช้ำดำมืดเพราะความเจ็บปวด
“อ๊าก เจ็บโว้ย! หักแล้วมั้งเนี่ย แขนฉันหักแล้ว!”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ เจ็บนะโว้ย ถ้าแกยังไม่ปล่อย พวกเราเอาแกตายแน่!”
คนทั้งสองยังคงสบถพลางแผดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช ทว่าอู๋ฝานก็ไม่คิดหวั่นไหวแม้แต่น้อย เสียงร้องอันชวนเวทนาจากปากคนทั้งสอง ยิ่งผ่านไปกลับยิ่งชวนน่าสังเวชมากขึ้น
“ลูกพี่ พวกเราผิดไปแล้ว ปล่อยพวกเราไปเถอะนะครับ!”
“ลูกพี่ ขอแค่ปล่อยพวกเราไป ต่อไปพวกเราจะไม่กล้าเสนอหน้ากลับมาที่นี่อีก ไม่มาอีกแน่นอนครับ!”
ชายทั้งสองที่ตอนนี้ไม่อาจแบกรับความเจ็บปวดบริเวณแขนได้อีก น้ำเสียงที่เคยเอ่ยอย่างดุดันเมื่อครู่จึงต้องโอนอ่อนลง
“ก็ได้ ถ้าอยากให้ฉันปล่อยพวกแกนัก งั้นก็บอกมาว่าใครส่งพวกแกมาที่นี่?” อู๋ฝานตั้งคำถาม
“เรื่องนั้น…” ชายทั้งสองคนราวกับลังเลไม่กล้าพูด พวกเขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของคนที่อยู่เบื้องหลัง
“ไม่พูด?” อู๋ฝานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมออกแรงบิดแขนมากขึ้น
ชายทั้งสองแผดร้องดังอีกครั้ง สุดท้ายจึงเร่งร้อนตอบกลับมา “บอกแล้ว! พวกเราบอกแล้วครับ พวกเราจะบอกทุกอย่างเลย ขอแค่ปล่อยพวกเราไป แขนของพวกเราหักหมดแล้วครับ!”
คนทั้งสองไม่คิดสนใจเรื่องอื่นใดอีก เพราะรู้ว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อ แขนของพวกเขาอาจหักจนไม่สามารถใช้งานได้อีก
“อย่าคิดจะโกหกฉัน รีบพูดออกมา ถ้ายังอยากเหลือแขนไว้ใช้งานในชีวิตที่เหลือ!” อู๋ฝานใช้น้ำเสียงเย็นเยือกพูดออกมา
“ครับ! ครับ! พวกเราพูดแล้วครับ!” เมื่อเห็นดังนี้ ชายทั้งสองจึงไม่กล้าเจรจาอะไรกับอู๋ฝานอีก ทำได้เพียงเร่งร้อนบอกเรื่องราวที่รู้ทั้งหมดออกไป
ที่อู๋ฝานคาดไว้นั้นไม่ผิด คนที่อยู่เบื้องหลังคือเถ้าแก่หลิว!
เป็นเพราะไม้ที่อู๋ฝานขายให้ครั้งแรก ทำให้เจ้าหย้าหนานสามารถทำคำสั่งซื้อสำเร็จลุล่วง เมื่อหญิงสาวจัดการคำสั่งซื้อดังกล่าวได้เรียบร้อยแล้ว เมื่อนั้นเถ้าแก่หลิวจะไม่มีโอกาสคว้าเอากิจการไปได้อีก เพราะความรู้สึกไม่คิดยอมแพ้ เขาจึงจ้างสองคนนี้มาจุดไฟวางเพลิงเผาโรงงานเฟอร์นิเจอร์
คนทั้งสองลงมือสำเร็จ โรงงานเฟอร์นิเจอร์ถูกเผาไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนที่เถ้าแก่หลิวได้ทราบว่าเจ้าหย้าหนานที่กำลังสิ้นหวังอับจนหนทางมีแต่ต้องขายกิจการออกนั้น อู๋ฝานกลับปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมยื่นข้อเสนอและมอบไม้ให้กับหญิงสาวอีกครั้งหนึ่ง จนสุดท้ายนำมาซึ่งผลลัพธ์ในตอนนี้
เรื่องดังกล่าวทำให้เถ้าแก่หลิวโกรธจัด เพื่อบีบบังคับให้เจ้าหย้าหนานต้องขายกิจการ ครั้งนี้เขาจึงคิดใช้อุบายเดิมเล่นงาน นั่นคือการจุดไฟเผาโรงงานเฟอร์นิเจอร์อีกครั้งหนึ่ง หากครั้งนี้สำเร็จ ต่อให้อู๋ฝานหาไม้มาได้อีก หญิงสาวก็ไม่มีเวลามากพอจัดการคำสั่งซื้อให้เสร็จทันเวลา สุดท้ายต้องจ่ายค่าชดเชยก้อนโต และไม่มีทางรักษากิจการเอาไว้ได้
ทว่าเถ้าแก่หลิวที่เล็งโอกาสเลือกคืนนี้เพื่อวางเพลิง กลับพบว่าอู๋ฝานปรากฏตัวผิดจากแผนการเดิม ชายหนุ่มเจอคนร้ายวางเพลิงและหยุดการวางเพลิงเอาไว้ได้