ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 351 ฉันกำลังพิจารณา
บทที่ 351 ฉันกำลังพิจารณา
ขึ้นไปนั่ง?
อู๋ฝานมองสายตาทอประกายของเจ้าเสวี่ยอี๋ พร้อมกับใจที่หวั่นไหวขึ้นมา
คำพูดกับสีหน้าท่าทีของเจ้าเสวี่ยอี๋บอกอย่างชัดเจน อู๋ฝานที่เป็นคนไร้ประสบการณ์ด้านนี้ อย่างไรก็ต้องคาดเดาได้ว่าหากตกลงขึ้นไป มันจะไม่ได้จบแค่การขึ้นไปนั่งพูดคุยอย่างแน่นอน
สำหรับอู๋ฝานตอนนี้ มันคือสิ่งล่อตาล่อใจอันเย้ายวน
แต่หลังปล่อยให้ใจเต้นไปครู่หนึ่ง อู๋ฝานก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ตอนนี้ดึกมากแล้ว คงไม่สะดวก”
“ไม่มีอะไรไม่สะดวกซะหน่อย เพื่อนร่วมงานกับฉันแยกห้องกันพัก ไม่มีใครในห้องสักคน” เจ้าเสวี่ยอี๋ตอบกลับ
ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่ท่าทีชวนคิด แต่กำลังเชิญชวนอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไร ผมยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ” อู๋ฝานตอบกลับ “คงต้องส่งแค่ตรงนี้นะ”
หลังเห็นอู๋ฝานยืนยันขนาดนี้ เจ้าเสวี่ยอี๋จึงทำได้เพียงลงจากที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะบอกลาอีกฝ่ายจากนอกรถ “ขอบคุณที่มาส่งฉันนะ ไว้วันหลังฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงมื้อค่ำแทนคำขอบคุณเอง”
“ไว้ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน” อู๋ฝานเอ่ยคำจบก็เหยียบคันเร่งจากไป เขากำลังหวาดเกรงว่าหากอยู่ต่อนานอีกนิด คงไม่อาจห้ามใจตัวเองเอาไว้ได้
อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นโฉมงามที่รุกเร้าเชิญชวนอย่างแรงกล้า ไม่ใช่อะไรที่คนส่วนใหญ่จะห้ามใจไว้ได้ อู๋ฝานเองก็เป็นผู้ชายสุขภาพแข็งแรงดีคนหนึ่ง ไม่แปลกหากยากจะหักห้ามใจ
ถ้าเจ้าเสวี่ยอี๋เชิญชวนเช่นนี้ตอนสมัยยังเรียน อู๋ฝานคงเลือดลมพลุ่งพล่านไม่อาจควบคุม แต่ตอนนี้ไม่ใช่ โดยเฉพาะกับวันที่บรรดาเพื่อนร่วมรุ่นมางานเลี้ยงรุ่น ความประทับใจของเขาต่อหญิงสาวไม่ได้ดีดังเดิมอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตนจึงหักห้ามใจ สงบความพลุ่งพล่านในตัวเองลงได้
เจ้าเสวี่ยอี๋ไม่ได้กลับเข้าไปทันที แต่ยืนมองรถของอู๋ฝานขยับออกไป จากสีหน้าท่าทีที่แสดงออกถึงความรักใคร่อันแรงกล้า กลายเป็นความไม่พอใจขึ้นมา
“อู๋ฝาน ฉันจะจัดการนายให้ได้!” เจ้าเสวี่ยอี๋พึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงนี้แฝงชัดซึ่งความมั่นใจ
หลังอยู่ในสังคมมาหนึ่งปี เจ้าเสวี่ยอี๋ก็รู้แล้วว่าสิ่งสำคัญคือเงินตรา คนที่เข้ามาจีบมีจำนวนไม่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้ตกลงคบกับใคร ไม่ใช่ใจตนฝากรักเอาไว้กับใคร แต่หญิงสาวกำลังรอคอยประเมินมูลค่า เธอกำลังมองหาผู้ชายที่ดีพร้อม ในใจนั้น ความดีพร้อมคือทั้งการงานและการเงิน
และก็เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานในตอนนี้ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานอันดีเยี่ยมที่ปรากฏขึ้นและฝังแน่นในใจเธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงพยายามเกาะติดอีกฝ่าย กระทั่งเป็นฝ่ายเสนอรุกไล่ เอ่ยคำที่ส่อเจตนาชัดเพื่อล่อลวงชายหนุ่ม กับสินค้าคุณภาพดีถึงขนาดนี้ มันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถเจอได้บ่อย ๆ
ดังนั้น แม้ตอนนี้ยังไม่อาจสยบอู๋ฝาน แต่เจ้าเสวี่ยอี๋ก็ไม่ได้สูญเสียกำลังใจ โดยเฉพาะกับสายตาที่อีกฝ่ายมองตอบก่อนหน้านี้ เขาชะงักอย่างไร เธอเห็นกระจ่างชัด ดังนั้นจึงยิ่งเกิดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
“หือ? เสวี่ยอี๋ กลับมาแล้วเหรอ? ไม่ได้ไปสนุกต่อหรือไง?” ขณะที่เจ้าเสวี่ยอี๋มองรถของอู๋ฝานขับออกไปพลางจมจ่อมในความคิด เสียงของเพื่อนร่วมงานก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน “นี่เธอกลับมาถึงโรงแรมก่อนพวกเราอีกเหรอเนี่ย?”
กลุ่มเพื่อนร่วมงานของเจ้าเสวี่ยอี๋ขับรถกลับมากันก่อน แต่ไม่รู้ไปแวะที่ไหนมา ทำให้ตอนนี้หญิงสาวกลับมาถึงก่อนซะอย่างนั้น
สาเหตุย่อมเป็นเพราะอู๋ฝานขับรถค่อนข้างรวดเร็วนั่นเอง
“ไม่ได้ไปสนุกต่อ พรุ่งนี้อู๋ฝานยังมีงานต้องทำ ฉันเลยบอกให้เขากลับไปพักก่อนจะได้ไม่เสียงาน” เจ้าเสวี่ยอี๋ฟื้นคืนรอยยิ้มการค้าออกมาตอบรับบทสนทนา
เมื่อได้ยินชื่ออู๋ฝาน กลุ่มเพื่อนร่วมงานจึงเผยสีหน้าท่าทีอยากซุบซิบ เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “เสวี่ยอี๋ ไม่คิดเลยว่าในบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของเธอจะมีคนที่พิเศษขนาดนี้ ฉันนึกว่าเพื่อนร่วมรุ่นของเธอเป็นแค่พนักงานใส่เสื้อเชิ้ตคอปกสีขาวกันซะอีก ตอนนี้ถึงกับมีคนใหญ่คนโตถึงขั้นนี้ได้ วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ผู้จัดการหลิวก็คงไม่ตอบรับสัญญากับพวกเราแน่”
อู๋ฝานและเจ้าเสวี่ยอี๋เรียนมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร เป็นเพียงมหาวิทยาลัยชั้นรอง บริษัทที่หญิงสาวทำงาน คนส่วนใหญ่มักจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ประเด็นเรื่องมหาวิทยาลัยที่เคยร่ำเรียน มันถือเป็นปมอย่างหนึ่งของเจ้าเสวี่ยอี๋ เธอที่พยายามหางานกลับพบว่าหาได้ยาก ต่อให้หาเจอ ก็ไม่ใช่ตำแหน่งงานที่ดีพอ ดังนั้นคนอื่นย่อมไม่คาดว่าเพื่อนร่วมงานของเธอจะมีคนเช่นอู๋ฝานอยู่ด้วย
“เพื่อนร่วมรุ่น? อย่าเรียกว่าเพื่อนร่วมรุ่นแบบนั้นสิ เถ้าแก่อู๋ให้ความสำคัญกับเรื่องของเสวี่ยอี๋ขนาดนี้ จะเป็นแค่เพื่อนร่วมรุ่นกันได้ยังไง?”
“เสวี่ยอี๋ พวกเธอมีสัมพันธ์กันยังไงแน่? ที่เธอไม่เคยตอบรับใครมาก่อน ก็เพราะเถ้าแก่อู๋งั้นเหรอ?”บราวนี่ออนไลน์
“ถ้าเป็นฉัน ฉันก็เลือกเถ้าแก่อู๋เหมือนกัน ยังหนุ่มแน่นและร่ำรวยขนาดนั้น แถมยังมีความผูกพันอย่างเพื่อนร่วมรุ่น ดีจะตาย”
กลุ่มเพื่อนร่วมงานที่รายล้อมเจ้าเสวี่ยอี๋เอาแต่พูดคุยไม่หยุด
“พวกเธออย่าพูดไร้สาระ อู๋ฝานกับฉันเป็นแค่เพื่อนร่วมรุ่นกัน” เจ้าเสวี่ยอี๋บอกปัด แต่ใบหน้ากลับเผยยิ้มภาคภูมิใจออกมา “แต่ว่านะ สมัยยังเรียนอู๋ฝานเคยตามจีบฉันอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้ตอบรับอะไร”
“อะไรนะ! แล้วยังไงต่อ?”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าสองคนนี้ไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่นธรรมดาแน่”
“เสวี่ยอี๋ ผู้ชายที่ดีขนาดนั้นยังไม่ตกลง พลาดไปเสียดายตายเลยนะ”
“ไม่มีอะไรให้เสียดาย หลายคนที่ไล่ตามจีบฉันก็มีแต่ของดีทั้งนั้น ฉันไม่ได้ตอบรับพวกเขาแค่เพราะเรื่องร่ำรวยอยู่แล้ว” เจ้าเสวี่ยอี๋ตอบกลับอย่างสงวนท่าที “แต่ว่าอู๋ฝานน่ะไม่เหมือนกัน ฉันรู้สึกได้ว่าออร่าของเขาเป็นอะไรที่คนอื่นไม่มี เป็นอะไรที่น่าดึงดูด ตอนสมัยยังเรียนฉันไม่เคยรู้ตัวมาก่อน เพิ่งมารู้ก็ตอนเจอกันอีกครั้ง เพราะแบบนั้นเลยอนุญาตให้เขาจีบฉันได้”
“จะคิดอะไรอีก คว้าเอาไว้เลย!”
“ใช่แล้ว ผู้ชายดีขนาดนี้ไม่มีเข้ามาบ่อยหรอกนะ”
“เรื่องนี้ฉันยังต้องคิดทบทวนให้ดีก่อน ไม่ใช่เรื่องที่จะรีบร้อนตัดสินใจ” เจ้าเสวี่ยอี๋ตอบกลับ “ต่อให้เขาตามจีบฉันอย่างร้อนแรงก็เถอะ แต่เรื่องพวกนี้ต้องตัดสินใจให้ถี่ถ้วน”
“เสวี่ยอี๋ เธอวางใจเกินไปแล้ว ถ้าเป็นฉัน ฉันจะตอบรับไม่รออะไรแล้วด้วยซ้ำ!”
“เสวี่ยอี๋ตัดสินใจดีแล้ว เขาไม่ใช่ลัทธิบูชาเงินเหมือนอย่างเธอ เรื่องพวกนี้จะรีบร้อนไม่ได้ คิดให้ดีน่ะถูกต้องแล้ว”
“บูชาเงินแล้วผิดตรงไหน! คว้าตัวผู้ชายรวยเอาไว้ได้ ใครบ้างไม่ชอบ?”
กลุ่มคนเดินเข้าโรงแรมไปพลางพูดคุย พวกเขาราวกับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดิมเคยมองเหยียดเจ้าเสวี่ยอี๋ที่มีดีแค่หน้าตา ทว่าตอนนี้กลับเข้ามารายล้อม พูดคุยด้วยคล้ายสนิทชิดเชื้อกันมานานแล้วอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าเสวี่ยอี๋รู้ถึงสาเหตุดี เหตุผลมีเพียงหนึ่งเดียว และเธอจะไม่มีทางปล่อยอู๋ฝานให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน!
ขณะอู๋ฝานขับรถกลับไปบ้านเช่า หัวใจของเขาที่เดิมเต้นรัวก็เริ่มสงบ
“อยู่เป็นโสดมาก็นาน ไม่เคยโดนกระตุ้นขนาดนี้มาก่อนเลย” อู๋ฝานพึมพำกับตัวเองขณะเผยยิ้มแห้ง หากไม่ใช่เพราะความประทับใจต่อเจ้าเสวี่ยอี๋พังทลายไปกับงานเลี้ยงรุ่นก่อนหน้านี้ อู๋ฝานคงติดกับดักนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่อู๋ฝานก็ยังกลัวว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะยิ่งต้านทานการรุกไล่ของเจ้าเสวี่ยอี๋ไม่ได้ อย่างไรช่วงที่ผ่านมา ตอนที่เจ้าเสวี่ยอี๋พูดคุยกับตน น้ำเสียงของเธอทั้งอ่อนนุ่มและเย้ายวนชวนให้เข้าใกล้ จนล่าสุดเธอเป็นฝ่ายออกปากเชิญชวนขึ้นห้อง มันจึงเป็นอะไรที่ชายหนุ่มมองว่ายากจะตั้งแนวต้านรับ
“โชคดีที่เจ้าเสวี่ยอี๋แค่มาที่นี่เพราะเจรจาทางธุรกิจ ตอนนี้ก็น่าจะใกล้สำเร็จแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงเดินทางกลับไปเซี่ยงไฮ้ไม่มาเกี่ยวข้องกันอีก” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง
ขอเพียงเจ้าเสวี่ยอี๋กลับไป ระหว่างพวกเขาทั้งสองก็ไม่มีอะไรต่อกันทั้งนั้น ขอเพียงไม่ได้เจอการรุกไล่ซึ่งหน้า อู๋ฝานก็ไม่กลัวเรื่องการต้านทานทางจิตใจ