ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 357 ครอบครัวของเยี่ยเฟยเฟยมาเยือน
บทที่ 357 ครอบครัวของเยี่ยเฟยเฟยมาเยือน
แม้ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จะไปเที่ยวภูเขาเทียนเหลียงเหมือนกัน แต่จุดประสงค์การเดินทางนั้นแตกต่างกัน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต้องการเข้าไปยังพื้นที่หวงห้าม เพื่อไปยังแดนลับ ส่วนถังอวี่เฟยแค่ต้องการไปท่องเที่ยว
หลังออกกำลังกาย อู๋ฝานจึงเตรียมกลับที่พัก ทั้งยังซื้ออาหารเช้าระหว่างทางมาไม่น้อย แน่นอนว่าย่อมไม่อาจขาดส่วนของเยี่ยเฟยเฟย แต่เพราะไม่รู้ว่าเธอชอบทานอะไร ทำให้ชายหนุ่มเลือกซื้อมาหลายอย่างพอสมควร
ขณะอู๋ฝานกลับมาถึงบ้าน เยี่ยเฟยเฟยก็ขังตัวเองเอาไว้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” อู๋ฝานเดินไปเคาะประตูพลางถาม “นักศึกษาเยี่ยเฟยเฟย ได้เวลาอาหารเช้าแล้วครับ”
“ฉันปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วก็อยู่ห่างจากห้องนอนของฉันด้วยค่ะ” เสียงของเยี่ยเฟยเฟยดังตอบกลับมาจากในห้องนอน
“ผมไม่ได้ทำอาหารเช้าเอง แต่แวะไปซื้อมาต่างหาก” อู๋ฝานตอบกลับ “คุณออกมาทานอะไรรองท้องดีกว่านะครับ ไม่งั้นหลังพ่อแม่คุณมาถึง ถ้าได้เห็นว่าคุณไม่ได้ทานอาหารเช้าจนดูอิดโรย พวกท่านจะยิ่งเป็นห่วงคุณมากขึ้นนะ”
หลังอู๋ฝานเอ่ยจบ ประตูห้องของเยี่ยเฟยเฟยก็เปิดออกทันที เธอเดินออกจากห้องนอนด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะในห้องทานอาหาร พร้อมเริ่มนำอาหารเช้าที่อู๋ฝานซื้อกลับมาออกมาทาน
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวยังกลัวครอบครัวจะกังวลจนเกินเหตุ หากเห็นสภาพของเธอไม่สู้ดี
เมื่อเห็นเช่นนี้ อู๋ฝานก็ยิ้ม ก่อนจะนั่งลงตาม
“อีกไม่กี่วันจะถึงวันชาติแล้ว คุณมีแผนจะทำอะไรไหมครับ?” อาจเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องทานอาหารที่ไร้เสียงพูดคุยช่างชวนให้อึดอัด อู๋ฝานจึงเป็นฝ่ายยกประเด็นขึ้นมาพูดคุยกับเยี่ยเฟยเฟย
ทว่าหญิงสาวกลับเอาแต่ทานอาหารโดยไม่ตอบอะไรกลับมา อู๋ฝานที่เห็นเช่นนี้ ก็ทำได้เพียงแค่ยักไหล่ไม่คุยต่อ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ขณะอู๋ฝานเพิ่งทานไปได้เพียงสองคำ เสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้น
เยี่ยเฟยเฟยยังทานในส่วนของตัวเองต่อไป ขณะที่อู๋ฝานเป็นฝ่ายต้องลุกไปเปิดประตู
เมื่อเปิดประตู ด้านหน้าบ้านก็ปรากฏคู่สามีภรรยาวัยกลางคน เดิมคนทั้งสองมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่เมื่อเห็นอู๋ฝาน รอยยิ้มของพวกเขากลับแข็งค้าง กระทั่งเผยสีหน้าประหลาดออกมา
“มาหาใครหรือเปล่าครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม เพราะเขาไม่ได้รู้จักคนทั้งสองและน้อยครั้งจะมีคนแปลกหน้ามาที่นี่ ดังนั้นในใจจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา
“คุณเป็นใครครับ?” ชายวัยกลางคนมองตอบอู๋ฝานพร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทีระมัดระวัง
“ผมอาศัยอยู่ที่นี่ครับ ถ้าพวกคุณไม่รู้จักผม ทำไมถึงเคาะประตูเรียกล่ะครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามอย่างจนใจ
ไม่ว่าใครหากเจอคนสองคนที่ไม่รู้จักมาเคาะประตูเรียก ก็คงเกิดความสงสัยเช่นเดียวกัน
“พ่อ แม่?!” ตอนนี้เองที่เสียงประหลาดใจของเยี่ยเฟยเฟยดังออกมาจากด้านหลังของอู๋ฝาน
อู๋ฝานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองคู่สามีภรรยาตรงหน้า กระทั่งพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว “พ่อ แม่?”
เมื่อมองดูใกล้ ๆ จึงพบว่าคนทั้งสองก็มีส่วนคล้ายเยี่ยเฟยเฟยอยู่ไม่น้อย
“สงสัยอะไร นี่พ่อกับแม่ของฉันเอง!” เยี่ยเฟยเฟยเดินมาอยู่ข้าง ๆ อู๋ฝานก่อนจะจ้องมองตา
อู๋ฝานรู้สึกเขินอายขึ้นมา เมื่อกี้นี้เพราะประหลาดใจจึงทำให้เขาตอบกลับไปอย่างห่างเหินพอสมควร ตอนนี้จึงรีบตอบกลับคนทั้งสอง “ขอโทษคุณลุงกับคุณป้าด้วยครับ เชิญเข้ามานั่งก่อนครับ”
พ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยเดินตามเข้าไป แต่พวกเขาไม่ได้มองลูกสาวของตนเอง สายตานั้นจ้องอู๋ฝานไม่วาง ทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรง
“พ่อ แม่ ทำไมมาถึงเช้าขนาดนี้ล่ะคะ?” เยี่ยเฟยเฟยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ตอนนี้เป็นช่วงหลังเจ็ดโมงไม่นาน ต่อให้เดินทางจากเมืองหลวงโดยเครื่องบินก็ยังต้องใช้เวลากว่าสองชั่วโมง เมื่อรวมกับเวลาเดินทางจากท่าอากาศยานมาถึงที่นี่ พ่อและแม่ของเยี่ยเฟยเฟยที่มาถึงช่วงเวลานี้ได้ คงไม่ใช่ออกเดินทางมาตั้งแต่คืนเมื่อวานหรอกใช่ไหม?
แม้เยี่ยเฟยเฟยรู้ว่าพ่อและแม่ของเธอจะมาถึงในช่วงเช้า แต่ในความเห็นของตนนั้น ก็น่าจะเป็นช่วงสายถึงเที่ยง ดังนั้นเมื่อกี้ตอนได้ยินเสียงคนเคาะประตู หญิงสาวจึงไม่ได้คิดว่าเป็นพ่อและแม่ของตัวเอง ทำให้ไม่ได้ออกไปเปิดประตูต้อนรับ
“เมื่อคืนแม่คุยกับพ่อของลูกอยู่นานว่าคิดถึงลูกจนทนรอไม่ไหว พวกเราไม่รู้ว่าพอลูกมาถึงที่นี่แล้วจะอยู่ยังไง เพราะกังวลก็เลยโทรหาลูก ก่อนจะบินมาหาในคืนนั้นเลย” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยคำขึ้น “เฟยเฟย เขาเป็นใครเหรอลูก? ทำไมมีผู้ชายอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?”
“เขาชื่ออู๋ฝาน เป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกันค่ะ” เยี่ยเฟยเฟยตอบกลับ
“อยู่ที่นี่?” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยอุทานตอบรับ “ทำไมป้าสามของลูกถึงทำแบบนี้ ทำไมให้ลูกมาอยู่ร่วมกับผู้ชายแบบนี้ได้? ไม่ได้แล้ว! ต้องโทรเรียกมาคุยให้รู้เรื่อง”
ด้วยเหตุนี้ แม่ของเยี่ยเฟยเฟยจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาป้าสามของเยี่ยเฟยเฟย ผู้ที่เป็นเจ้าของบ้าน
ครอบครัวของเยี่ยเฟยเฟยรู้ว่าที่นี่มีคนอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่อยู่นั้นเป็นผู้ชาย ทำให้คนทั้งสองไม่อาจยอมรับได้
อู๋ฝานเองก็นึกละอายใจ กระทั่งสงสัยว่าตนเองอาจจะต้องย้ายออก เพราะหากเยี่ยเฟยเฟยจะอยู่ที่นี่ เขาก็ยังมองว่าไม่ค่อยสะดวกซะด้วยซ้ำ และตอนนี้เขาก็ไม่ได้ข้นแค้นเกินกว่าจะหาบ้านใหม่
ไม่นาน แม่ของเยี่ยเฟยเฟยที่เดินออกไปพูดคุยจึงกลับเข้ามา ก่อนจะบอกกับหญิงสาวว่า “ป้าสามของลูกไปเที่ยว ตอนนี้คงกลับมาไม่ได้”
จากนั้นเธอจึงมองอู๋ฝานอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเมื่อครู่ที่คุยโทรศัพท์ ป้าสามของเยี่ยเฟยเฟยก็ชื่นชมอีกฝ่ายให้ฟังไม่หยุดหย่อน ก่อนจะบอกว่าวางใจได้ เขาเป็นคนดี เยี่ยเฟยเฟยอยู่ไกลจากครอบครัว หากต้องอยู่คนเดียวจะไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่งที่มีเพศตรงข้ามซึ่งสามารถเชื่อถือได้เช่นชายหนุ่มอยู่ด้วย ก็มีแต่จะทำให้หญิงสาวปลอดภัยมากขึ้น
แม่ของเยี่ยเฟยเฟยที่เดิมโกรธเพราะเห็นลูกสาวอาศัยอยู่กับเพศตรงข้าม แต่หลังได้ฟังเหตุผลจากป้าสามของหญิงสาวแล้ว เธอก็มองว่าเรื่องนี้มีเหตุผล
ทว่าเงื่อนไขก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าอู๋ฝานเป็นคนดีและเชื่อถือได้ดังที่ได้ยินมาหรือไม่
“คุณลุง คุณป้า เดินทางข้ามคืนมาแบบนี้คงจะยังไม่ได้ทานอะไรแน่ เชิญด้านนั้น หาอะไรทานรองท้องก่อนนะครับ ผมกับเยี่ยเฟยเฟยเพิ่งจะเริ่มทานได้ไม่นานเอง” อู๋ฝานบอกกับครอบครัวของเยี่ยเฟยเฟย
พ่อของเยี่ยเฟยเฟยมองอาหารเช้ามากมายบนโต๊ะ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “นี่ทานด้วยกันทุกวันเลยงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ ทานด้วยกันแค่ตอนเช้า ส่วนกลางวันและเย็น หนูหาทานเองที่มหาวิทยาลัยค่ะ” เยี่ยเฟยเฟยเอ่ยขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวไม่ต้องการให้ครอบครัวรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่
“อาหารเช้าเป็นมื้อสำคัญนะ” แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้ลูกไม่ค่อยชอบทานมื้อเช้าไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้ทานมื้อเช้าได้เป็นปกติแล้ว ไม่เลวเลย”
จุดนี้เองที่ทำให้แม่ของเยี่ยเฟยเฟยเริ่มเปลี่ยนใจและยอมรับอู๋ฝานมากยิ่งขึ้น
พ่อกับแม่ของเยี่ยเฟยเฟยยังไม่ได้ทานมื้อเช้ามาจริง ทั้งสองที่คิดถึงแต่ลูกสาวเดินทางข้ามคืน หลังลงจากเครื่องบิน มื้อเช้าก็ไม่ได้หาทาน แต่พุ่งตรงมาที่นี่
ทำให้กลุ่มคนเริ่มทานอาหารพลางพูดคุยกันไป แต่ที่ทำให้เยี่ยเฟยเฟยต้องประหลาดใจ คือการที่พ่อและแม่ของเธอใช้เวลาที่มีพูดคุยกับอู๋ฝานมากกว่าตนที่เป็นลูกสาว
ไหนบอกว่าคิดถึงเลยอยากมาเจอไง ทำไมตอนนี้ไม่คุยกับหนูล่ะ?
เยี่ยเฟยเฟยทำได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจ