ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 360 สถานการณ์ของโรงบ่ม
บทที่ 360 สถานการณ์ของโรงบ่ม
“ไม่กล้าครับ ไม่กล้า!” เมื่อเห็นความคิดของตนถูกหวังจื่อหมิงมองออก ชายวัยกลางคนพลันต้องรีบเผยยิ้มกระอักกระอ่วน “ผมจะกล้าทำแบบนั้นกับนายน้อยหวังและนายน้อยอู๋ได้ยังไงกันครับ”
“แบบนั้นก็ดี” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “อู๋ฝานเขาตั้งใจมาซื้อ และมันก็เป็นเรื่องดีกับฝ่ายคุณด้วย ไม่งั้นถ้าช้าไปอีกสักวันหนึ่ง คุณก็มีแต่จะเสียเงินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น”
“ใช่ครับ ใช่ครับ!” เถ้าแก่โรงบ่มตอบกลับ
กิจการของที่นี่กำลังถดถอย ขณะที่ทุกวันต้องจ่ายค่าจ้างคนงาน อุปกรณ์ที่กำลังใช้ทำงานก็เป็นสิ่งที่ต้องจ่ายเงิน ทั้งยังมีค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดรวมกันแล้วจึงเป็นค่าใช้จ่ายไม่น้อย กล่าวได้ว่าทุกวันคือการสูญเสียเงินจำนวนมาก หากรีบปล่อยได้เร็วแม้สักวันหนึ่ง มันก็คือการช่วยตัดวงจรนี้ทิ้ง อีกทั้งยังจะช่วยประหยัดเงินที่อาจสูญเสียให้ได้มากขึ้น
“เดี๋ยวผมพาชมรอบ ๆ เองครับ” เถ้าแก่ของโรงบ่มที่ได้รับคำเตือนของหวังจื่อหมิง จึงมีแต่ต้องแสดงความจริงใจสัตย์ซื่อออกมา
พื้นที่ของโรงงานไม่ใช่น้อย ๆ รวมแล้วน่าจะมีพื้นที่ราวสองพันตารางเมตร พื้นที่ระดับนี้ย่อมไม่อาจนำไปเปรียบกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในวงการได้ แต่หากเทียบกับระดับใกล้เคียงกันแล้วก็ถือว่าไม่ได้ด้อยกว่า อีกทั้งโรงบ่มยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อู๋ฝานเจอคนงานที่ทั้งพูดคุยกันบ้าง นอนหลับบ้าง พวกเขาไม่ได้ทำงาน แต่หลังจากเห็นคนนอก คนเหล่านั้นจึงมองมาด้วยความสงสัย
“ตอนนี้อยู่ในสภาพนี้เลยเหรอครับ?” อู๋ฝานถามขึ้นมา
“… ก็นะครับ” เถ้าแก่โรงบ่มไม่กล้าโกหก “ไม่นานมานี้ผลกำไรของที่นี่ไม่ค่อยสู้ดี รายการสั่งซื้อที่เข้ามาก็มีไม่มาก ผมไล่คนบางส่วนออกไปแล้ว แต่ถ้ายังลดลงต่อไป เกรงว่าคงต้องไล่ออกจนเกือบหมด”
ขณะเถ้าแก่เล่า เขาจงใจลดเสียงลง แต่ก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงไปบอกที่อื่น ดังนั้นคนทำงานที่นี่จึงได้ยินคำพูดของเขาชัดเจน ตอนนี้พวกเขาเผยสีหน้าลำบากใจและหนักอึ้งออกมา
ไม่มีคนงานคนไหนอยากถูกไล่ออก โดยเฉพาะกับผู้ที่มีครอบครัวต้องดูแล
ทว่าผลประกอบการของโรงบ่มไม่สู้ดี ทุกคนต่างก็ทราบว่าหากผลกำไรมีแต่ถดถอย พวกเขาก็คงไม่อาจทำงานต่อได้อีก ทั้งยังจะได้รับค่าจ้างไม่ตรงกำหนดอย่างที่เคยเป็น แต่เมื่อได้ยินเถ้าแก่กำลังคิดจะขายที่นี่ ถ้ามีเถ้าแก่คนใหม่เข้ามาบริหาร เรื่องราวก็อาจจะแตกต่างออกไป
เมื่อคิดได้ดังนั้น เหล่าคนงานจึงพร้อมใจกันมองอู๋ฝานและหวังจื่อหมิง
หรือผู้ซื้อจะเป็นสองคนนี้?
หลังนึกถึงสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไป ทุกคนจึงมองอู๋ฝานและหวังจื่อหมิงด้วยความหวังขึ้นมา
“ระดับฝีมือของพวกเขาล่ะครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม ชายหนุ่มครอบครองวิชาบ่มไวน์ระดับสูง แต่จะให้คอยบ่มด้วยตัวเองตลอดเวลานั้นก็ไม่อาจเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นตนคงใช้เรี่ยวแรงจนหมดสิ้น อีกทั้งเขาก็ไม่อาจอยู่ที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นทางฝั่งโรงบ่มจึงจำเป็นต้องมีคนมีฝีมือที่เชื่อถือได้คอยดูแล
“ความสามารถก็ไม่เลวครับ ไม่งั้นผมคงไม่รั้งพวกเขาเอาไว้จนถึงตอนนี้” เถ้าแก่โรงบ่มตอบกลับ จากนั้นจึงโบกมือไปทางกลุ่มคนที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลพร้อมตะโกน “เหล่าหลี่ มาทางนี้หน่อย”
“ครับ” เมื่อได้ยินเถ้าแก่เรียกหา ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีคนหนึ่งที่ดูสัตย์ซื่อและเรียบง่ายจึงเดินเข้ามา
“นี่คือเหล่าหลี่ครับ เป็นคนรับผิดชอบดูแลการบ่มของโรงงานแห่งนี้ เหล่าหลี่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้มานาน มีประสบการณ์สูง ตอนนั้นกว่าผมจะหาตัวคนอย่างเขามาได้ก็ลำบากไม่น้อย” เถ้าแก่โรงบ่มเล่าให้อู๋ฝานได้ฟัง
อู๋ฝานมองชายวัยกลางคน อีกฝ่ายที่ตระหนักถึงสายตาที่จับจ้องจึงเริ่มแสดงท่าทีสุภาพเป็นทางการออกมา
“ตอนที่สร้างโรงงานนี้ ผมเคยอยากจะเป็นเจ้าตลาดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไลน์ผลิตสินค้าจึงมีทุกแขนง ทั้งยังรับสมัครคนมากมายเข้ามาทำงาน ใครจะคิดว่าตอนที่ก้าวเท้าเข้าวงการนี้มา อุตสาหกรรมเครื่องดื่มมึนเมานี่จะเริ่มซบเซาลง สุดท้ายยื้อมาได้สามถึงสี่ปี ตอนนี้ผลประกอบการก็มีแต่จะยิ่งแย่ลง จนแทบไม่มีค่าจ้างจ่ายคนงานแล้วด้วยซ้ำครับ” เถ้าแก่โรงบ่มบอก
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกราวกับพลาดไป ดังนั้นจึงรีบมองอู๋ฝานและกล่าวว่า “แน่นอนว่าถ้านายน้อยอู๋เข้ามาดำเนินกิจการนี้ต่อคงไม่มีปัญหาเหมือนอย่างผมแน่นอนครับ เป็นผมไม่รู้ความในวงการนี้มากพอเองครับ”
เขาจะบอกอะไรที่ทำให้อู๋ฝานตัดสินใจหันหลังให้วงการเครื่องดื่มมึนเมาได้อย่างไร? ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเขาที่ได้ยิน ก็คงไม่ซื้อหรอกจริงไหม?
เถ้าแก่โรงบ่มแทบอยากชกปากตัวเองขึ้นมา
นับเป็นโชคดีที่อู๋ฝานไม่คล้ายใส่ใจกับคำบอกเล่าดังกล่าว และไม่มีทีท่าคิดถอยกลับด้วย เรื่องนี้จึงทำให้เขาถอนหายใจโล่งอก ในใจกระทั่งสบถด่าตนเองว่าอย่าได้พูดจาไร้สาระออกมาอีก
อู๋ฝานครอบครองวิชาบ่มไวน์ระดับสูง ระดับฝีมือดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้เขาคุ้นเคยกับกระบวนการบ่มไวน์ในโลกแห่งเกม แต่แม้เป็นการบ่มด้วยการใช้เทคโนโลยีทั้งหลาย ทั้งกระบวนการและเครื่องไม้เครื่องมือในโลกความเป็นจริง ก็เป็นความรู้ที่อยู่ในตัวเขาทั้งสิ้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงรู้สภาพไลน์ผลิตของที่นี่
“ไลน์ผลิตของที่นี่ ถ้าเทียบกับสามหรือสี่ปีก่อนแล้วก็เรียกว่าไม่เลวเลยนะครับ แต่ก็ยังไม่ได้ก้าวหน้ามาก คงไม่ได้พัฒนาส่วนนี้มาหลายปีแล้วใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานตั้งคำถาม
เถ้าแก่โรงบ่มไม่คาดคิดว่าอู๋ฝานจะทราบเรื่องนี้ สัญชาตญาณของเขาร้องบอกให้โกหกออกไป แต่เมื่อเห็นหวังจื่อหมิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อู๋ฝาน เขากลับต้องกลืนคำเหล่านั้นลงท้องอีกครั้ง
“…ก็นะครับ” เถ้าแก่ของโรงบ่มตอบกลับ สถานะทางการเงินของโรงงานย่ำแย่มาหลายปี เขาจะนำเงินที่ไหนมาลงทุนได้กัน? อีกทั้งเขายังได้เห็นว่าวงการธุรกิจเครื่องดื่มมึนเมามีแต่จะซบเซาลง ดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะรู้สึกเสียดายเงินที่จะต้องนำมาลงทุนเพิ่ม
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ ไลน์การผลิตของที่นี่ ไม่ใช่ชายหนุ่มไม่พอใจ ด้วยไลน์การผลิตตรงหน้านี้ ก็มากพอให้เขาใช้บ่มไวน์ที่ต้องการได้แล้ว แต่ตนกล่าวออกมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างสำหรับการต่อรองราคาต่างหาก
“อาจารย์หลี่ คุณทำงานในแวดวงนี้มานานเท่าไหร่แล้วครับ” อู๋ฝานมองหัวหน้างานผู้มากประสบการณ์ก่อนจะเอ่ยถาม
“น่าจะเกินยี่สิบปีแล้วครับ” อาจารย์หลี่รู้สึกประหม่าขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นฝีมือของคุณ … ผมหมายถึง คุณคิดว่าฝีมือของตัวเองในธุรกิจนี้อยู่ในระดับไหนครับ?” อู๋ฝานถามต่อ
“เรื่องนี้… ผมคงบอกไม่ได้ว่าตัวเองมีฝีมือดีที่สุดในวงการบ่ม แต่ก็น่าจะอยู่ระดับกลางค่อนไปทางสูงนะครับ” อาจารย์หลี่ตอบกลับมาด้วยความภูมิใจพอสมควร
ระดับเช่นนี้ยังไม่ดีเทียบเท่าแบรนด์ใหญ่ที่เป็นเจ้าครองตลาด แต่ก็มากพอที่จะอยู่ในโรงบ่มระดับกลางเช่นที่นี่
อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับอีกครั้ง ในใจเขากำลังทำความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโลกความเป็นจริง
เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งใช้วิชาตรวจสอบกับอาจารย์หลี่ไป จึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายครอบครองวิชาบ่มไวน์ระดับกลาง เพียงแต่เพิ่งเข้าถึงระดับกลาง หากอีกฝ่ายบอกว่าตนเองเทียบเท่าระดับกลางค่อนไปทางสูงในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่นนั้นก็พอจะเปรียบเทียบระดับอุตสาหกรรมของโลกความเป็นจริงได้แล้ว คาดว่าอาจารย์หมักบ่มผู้มีชื่อเสียงในวงการโรงบ่มที่เป็นเจ้าตลาด ก็น่าจะมีวิชาบ่มไวน์ระดับสูง
มันคล้ายกับวงการทำอาหารก่อนหน้านี้ที่ หลิวอี้เตาเชฟระดับสูงผู้มีชื่อเสียงในวงการทำอาหาร แต่ภายใต้วิชาตรวจสอบกลับพบว่าอีกฝ่ายมีวิชาทำอาหารเพียงแค่ระดับกลาง
เห็นได้ชัดว่าระดับวิชาของโลกความเป็นจริงนั้นจะระดับต่ำกว่าในเกมอยู่หนึ่งระดับ และถ้าครอบครองวิชาระดับสูงในเกม เช่นนั้นก็มากพอจะถือได้ว่าเป็นแถวหน้าของวงการในโลกความเป็นจริง
ยิ่งไปกว่านั้น อู๋ฝานยังครอบครองจี้หยกกระเรียนขาว เดิมวิชาบ่มไวน์อยู่ระดับสูง ตอนนี้จึงก้าวขึ้นเป็นระดับมาสเตอร์ได้โดยตรง ความสามารถระดับนี้ มันมากพอที่จะทำให้เขาใช้สร้างชื่อเสียงในแวดวงอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้