ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 373 เทเลพอร์ตกำหนดจุดหมาย
บทที่ 373 เทเลพอร์ตกำหนดจุดหมาย
หลังอู๋ฝานวางสายจากเจ้าหย้าหนาน เขาถึงกับต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะการถูกเค้นถามต่อหน้าไม่ชวนให้รู้สึกดีสักเท่าไหร่นัก และชายหนุ่มก็ทราบดีว่าหญิงสาวไม่ได้มีเจตนาทำเช่นนั้น
ไฟไหม้โรงไม้ของเถ้าแก่หลิวในคืนนี้ ทั้งหมดเป็นฝีมือของอู๋ฝาน ตอนแรกนั้นเขาใช้วิชาดำดินเพื่อลักลอบเข้าไปและหลบเลี่ยงกล้องวงจรปิดทั้งหมด ขณะที่คนงานกำลังดื่มกันจนเมามาย เขาก็ลอบวางเพลิง และใช้วิชาดำดินเพื่อหลบหนีออกมาจากโรงไม้
หลังจากนั้น เหตุการณ์ที่ฝนตกหนักอย่างกะทันหันโดยไม่ตกที่โรงไม้ของเถ้าแก่หลิวแม้แต่หยดเดียวจนกระทั่งไฟดับ ก็เป็นฝีมือของอู๋ฝานอีกเช่นกัน เพราะได้รู้ว่าคนงานของอีกฝ่ายไม่มีใจจะเข้าควบคุมเพลิงสักคน ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องเร่งรีบหาแม่น้ำใกล้เคียง พร้อมกับใช้ขวดบรรจุสรรพสิ่งเติมน้ำจำนวนมากเข้าไป จนสุดท้ายทำให้เกิดฝนตกเฉพาะที่อย่างกะทันหันเพื่อดับไฟ
ทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของอู๋ฝาน เพียงแต่ไม่มีใครทราบความจริงเรื่องนี้
แน่นอนว่า เรื่องราวบางส่วนนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อน
สิ่งที่อู๋ฝานไม่ได้คาดไว้เป็นอย่างแรก คือการที่คืนนี้โรงไม้ของเถ้าแก่หลิวจะมีคนอยู่มากมาย บังเอิญพวกเขาตั้งวงกันดื่มสุราทั้งยังสูบบุหรี่กัน ชายหนุ่มไม่ได้มีเจตนาใส่ร้ายคนเหล่านี้ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ต้องสงสัย
ประการที่สองที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ คือการที่คนงานเหล่านั้นจะไม่รู้ตัวอย่างร้ายแรง กว่าจะรู้ตัว เพลิงก็ลุกโหมใหญ่โตแล้ว ทั้งยังตัดสินใจละทิ้งไปอย่างง่ายดาย จนทำให้ทั้งโรงไม้ของเถ้าแก่หลิวถูกเผาเป็นเถ้าถ่านจนหมดสิ้น กระทั่งเกือบกระจายไปยังโรงไม้อีกสองแห่งข้างเคียง โชคดีที่อู๋ฝานตอบสนองได้รวดเร็ว รวมกับมีขวดบรรจุสรรพสิ่งที่เป็นวัตถุเซียน ไม่เช่นนั้นแล้ว ไฟไหม้ในค่ำคืนนี้อาจจบลงด้วยการที่ไม่อาจควบคุมเพลิง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง บาปของเขาจะยิ่งลุกลามใหญ่โต เจตนาของตนเพียงแค่ต้องการลงโทษเถ้าแก่หลิว ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายคนอื่น
นับเป็นเรื่องดีที่เหตุการณ์เลวร้ายกว่านั้นไม่ได้เกิดขึ้น เพลิงไหม้ถูกควบคุมเอาไว้ได้เพียงแค่วงของโรงไม้เถ้าแก่หลิว ผู้เสียหายจึงมีเพียงแค่อีกฝ่าย
แน่นอนว่าการที่ได้เห็นโรงไม้ของเถ้าแก่หลิวเสียหายเกินกว่าคาดคิดเอาไว้ อู๋ฝานก็ไม่ได้มีความรู้สึกผิดหรือเห็นใจ เถ้าแก่หลิวเจตนาเผาโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของเจ้าหย้าหนาน กระทั่งทำเสร็จแล้วครั้งหนึ่ง ความสูญเสียของหญิงสาวครั้งนั้นหนักหนา ภายหลังยังเจตนาเผาอีกครั้ง ไม่ว่าความเสียหายที่อีกฝ่ายได้รับใหญ่หลวงเพียงใดก็ถือว่าสมควรแก่เหตุแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่คิดเห็นใจแต่อย่างใด
‘คนแซ่หลิวนั่น เจอความสูญเสียระดับนี้แล้วจะรู้สำนึกบ้างไหมนะ?’ อู๋ฝานครุ่นคิดกับตนเอง
ทว่าอู๋ฝานกลับอ่านคนเช่นเถ้าแก่หลิวผิดไป เหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสำนึก แต่ทำให้คิดว่าเป็นโอกาสที่จะใช้เล่นงานเจ้าหย้าหนาน
หลังจัดการเรื่องราวในโลกความเป็นจริงเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำการเทเลพอร์ต ภาพเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง อู๋ฝานปรากฏตัวขึ้นในป่า
สองดวงตาเคลื่อนมองพุ่มไม้หนา วัชพืช ขณะที่หูได้ยินเสียงร้องของมอนสเตอร์ในป่า
อู๋ฝานจัดการตนเองเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหว
ขณะเดินทางต่อ ชายหนุ่มเริ่มตระหนักว่ามอนสเตอร์ที่เจอมีแต่จะแข็งแกร่งมากขึ้น บางส่วนที่พบเขายังไม่อาจจัดการด้วยพละกำลังตอนนี้ได้เสียด้วยซ้ำ ทำให้ต้องเลือกหาทางเดินหลบเลี่ยงหรือหลีกหนี
เขาเข้าป่ามาครั้งนี้ก็เพื่อฝึกฝน สำรวจหาสมุนไพร และค้นหาสมบัติ หากเจอมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งจนเกินรับมือได้ไหว เขาก็มีแต่ต้องหลบหนี ในเมื่อพบว่าสถานการณ์ยากฝึกฝนหรือค้นหาสมบัติต่อแล้ว การอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะเป็นการเสียเวลา
อู๋ฝานไม่ชอบการทำอะไรที่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
“เหมือนว่าคงมาถึงได้แค่ตรงนี้ ไว้เมื่อไหร่แข็งแกร่งขึ้นค่อยมาสำรวจจากตรงจุดนี้ต่อก็แล้วกัน” อู๋ฝานพึมพำกับตนเอง ก่อนจะมองไปยังป่าลึกตรงหน้า ที่แม้สุดสายตาก็ยังไม่เห็นปลายทาง
หลังการเดินทางครั้งนี้ อู๋ฝานจึงพบว่าความเข้าใจต่อป่าหน้าหมู่บ้านของตนเองผิดไปอย่างมหันต์ เดิมคิดว่าพื้นที่ของมันไม่ได้กว้างใหญ่มากมาย อย่างไรหมู่บ้านเร้นลับก็เป็นเพียงแค่หมู่บ้านสำหรับมือใหม่เริ่มเล่นเกม ค่ากำหนดของพื้นที่ใกล้เคียงก็ไม่น่าจะสูงจนเกินไป แต่เขาเพิ่งได้เข้าใจก็ตอนนี้ ว่าความเข้าใจนั้นผิดเพี้ยนไปอย่างมหันต์
ค่ากำหนดของละแวกนี้สูงเกินไป มีมอนสเตอร์ระดับสูงเกินกว่าที่คาดเอาไว้ค่อนข้างมาก และที่นี่ไม่เพียงมีมอนสเตอร์เลเวลสูงสารพัด แต่ยังมีสมุนไพรระดับสูง ไม้ล้ำค่า สัตว์เลี้ยงหายาก กระทั่งว่ามีกำแพงโลหะ ไม่ว่าจะป่าด้านหน้าหรือด้านหลังของหมู่บ้าน ต่างก็ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่โต ยังไม่กล่าวว่าภายในหมู่บ้านก็มีแต่ตัวตนระดับปรมาจารย์ผู้เปรียบดังตำนานเดินได้
เห็นได้ชัดว่าค่ากำหนดนี้ไม่มีทางใช่หมู่บ้านมือใหม่ แต่เป็นสุดยอดพื้นที่ อย่างน้อยอู๋ฝานก็เชื่อเช่นนั้น
มันยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้นว่าหมู่บ้านเร้นลับแท้จริงแล้วเป็นอะไรกันแน่
ในเมื่อตัดสินใจไม่เดินทางเข้าไปลึกกว่านี้ อู๋ฝานจึงเตรียมตัวเดินทางกลับหมู่บ้านเร้นลับ หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงยังไม่อาจหาทางกลับเพราะหลงทิศ ทว่าปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะยันต์เทเลพอร์ตกำหนดจุดหมาย
[ยันต์เทเลพอร์ตกำหนดจุดหมาย สามารถใช้เพื่อกำหนดจุดหมายการเทเลพอร์ต (จุดหมายการเทเลพอร์ตจะต้องเป็นสถานที่ซึ่งผู้เล่นเคยไปมาแล้ว) และผู้เล่นสามารถทำการเทเลพอร์ตได้ในทันที จุดหมายการเทเลพอร์ตสามารถเป็นที่ใดก็ได้ (หมายเหตุ ผู้เล่นเลเวล 1 สามารถกำหนดจุดหมายการเทเลพอร์ตได้ 1 ตำแหน่ง หลังทุก 10 เลเวลจะสามารถเพิ่มจุดหมายการเทเลพอร์ตได้อีก 1 ตำแหน่ง โดยจุดหมายการเทเลพอร์ตในโลกความเป็นจริงและในโลกแห่งเกมจะไม่ทับซ้อนกัน และสามารถเปลี่ยนจุดหมายการเทเลพอร์ตได้ 2 ครั้ง/วัน]
ตอนนี้อู๋ฝานเลเวลสิบสาม ตามข้อมูลของยันต์เทเลพอร์ตกำหนดจุดหมาย ไม่ว่าจะโลกแห่งเกมหรือโลกความเป็นจริง ต่างก็สามารถกำหนดจุดหมายได้โลกละสองตำแหน่ง
อู๋ฝานตั้งจุดหมายการเทเลพอร์ตที่หนึ่งในโลกแห่งเกมเป็นหมู่บ้านเร้นลับ จากนั้นจึงใช้งานยันต์ เพียงชั่วอึดใจ ชายหนุ่มก็กลับมาถึงหมู่บ้านเร้นลับแล้ว
“ของดีเกินไปแล้ว ดียิ่งกว่าเครื่องบินส่วนตัว” อู๋ฝานจ้องมองยันต์เทเลพอร์ตกำหนดจุดหมายพร้อมเอ่ยชื่นชม
ด้วยไอเทมชิ้นนี้ ภายหน้าเขาสามารถเดินทางกลับหมู่บ้านเร้นลับเมื่อใดก็ได้ ต่อให้อยู่ที่ไกลห่างก็สามารถกลับมา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหลักประกันความปลอดภัยของหมู่บ้าน
อู๋ฝานที่เพิ่งกลับมาถึง ถูกอาจารย์ปรุงยาหลี่ส่งคนมาเรียกให้ไปพบ กล่าวว่าคำขอครั้งก่อนมีความคืบหน้าแล้ว
“ครั้งก่อนบอกอะไรไปนะ? หรือจะเป็นสูตรยาลบรอยแผลเป็น?” ชายหนุ่มที่ได้ทราบเผยดวงตาเป็นประกาย พร้อมกับรีบไปยังบ้านของอาจารย์ปรุงยาหลี่
เขาตระหนักแล้วว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กังวลเรื่องรอยแผลเป็นบนแขนขนาดไหน แม้เธอเป็นคนที่เฉยชากับเรื่องราวมากมาย แต่ครั้งก่อนกลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามเรื่องการลบรอยแผลเป็นด้วยตัวเอง มันบ่งบอกว่าใจเธอครุ่นคิดเรื่องนี้ซ้ำไปมาเพียงใด
แม้อู๋ฝานจะเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับมาสเตอร์ ทว่าเขาก็ยังไม่อาจเทียบกับอาจารย์ปรุงยาหลี่ได้ อีกทั้งยังไม่มีเวลาและเรี่ยวแรงไปศึกษาค้นคว้ายาสูตรใหม่ ดังนั้นจึงฝากความหวังเอาไว้กับอาจารย์ปรุงยาหลี่ เพราะหากอีกฝ่ายทำไม่สำเร็จ ตนก็คงอับจนหนทางไม่ต่างกัน
นับเป็นโชคดีที่ผ่านการศึกษาค้นคว้ามาเพียงไม่กี่วัน อาจารย์ปรุงยาหลี่ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว