ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 397 กลับไปอย่างสะบักสะบอม
บทที่ 397 กลับไปอย่างสะบักสะบอม
บทที่ 397 กลับไปอย่างสะบักสะบอม
ผิดพลาด ผิดพลาดไปหมด!
ที่ปรึกษาที่อยู่ด้านบนหลังม้ากำลังมองเรื่องราวด้วยอาการชะงักงันแข็งค้าง เขาไม่นึกมาก่อนว่าหน่วยรักษาการณ์ของหมู่บ้านจะหาญกล้าหยุดยั้งพวกเขา ทว่าเขาก็ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ที่ตนนำพามาจะไม่อาจเทียบกับหน่วยรักษาการณ์เหล่านี้ได้
เพียงเริ่มการปะทะ ฝั่งเจ้าหน้าที่ก็เป็นฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น ขณะที่ฝ่ายหน่วยรักษาการณ์ที่นำโดยกลุ่มคนเพียงเล็กน้อยกลับแสดงศักยภาพเกินคาดหมาย เจ้าหน้าที่ของทางการต้านรับได้ไว้ไม่เกินสามกระบวนท่า แม้หน่วยรักษาการณ์คนอื่นจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากลุ่มแนวหน้า แต่พวกเขาก็ร่วมมือกันด้วยดีเพื่อต่อต้านและป้องกันให้คู่ต่อสู้ต้องถอย กระทั่งจับกลุ่มกันสองถึงสามคนเพื่อเอาชนะเจ้าหน้าที่จนไม่มีทางสู้กลับ
นี่ยังใช่หน่วยรักษาการณ์อยู่หรือไม่?
หน่วยรักษาการณ์ของหมู่บ้านแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด? กำลังสู้รบนี้แทบไม่ต่างอะไรกับทหารประจำการแห่งราชสำนักด้วยซ้ำ โดยเฉพาะกลุ่มแนวหน้า ทว่าที่ปรึกษาก็คิดว่าหากต้องปะทะกับทหารประจำการ พวกเขาคงสามารถยืนหยัดได้ไม่เพลี่ยงพล้ำ
แต่ที่ปรึกษาก็ต้องตกใจจนชะงักงันแข็งค้าง กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่เขานำมาต่างล้มไปกองกับพื้น พวกเขาที่เพิ่งขี่ม้ามาอย่างอาจหาญ เผยท่าทีไม่กลัวเกรงหน่วยรักษาการณ์เหล่านี้ ตอนนี้ทำได้เพียงนอนกับพื้นร้องโอดโอย
“ที่ปรึกษา?” เมื่อการศึกจบลง หนิวเอ้อจึงถอยกลับ ขณะหวังปิงก้าวเท้าขึ้นมาพูดคุย
จุดประสงค์ของพวกเขาคือการปกป้องหมู่บ้านเร้นลับ ไม่ให้ผู้ใดย่างเท้าก้าวเข้าไป ไม่ใช่การสร้างปัญหาให้อู๋ฝาน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทำเพียงแค่ขับไล่ ไม่ใช่สังหาร ทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้และทราบถึงความแข็งแกร่งของหน่วยรักษาการณ์แห่งหมู่บ้านเร้นลับ
หากพวกเขาทำเกินเลยกับกลุ่มคนเหล่านี้ ก็มีแต่จะทำทางเทศมณฑลโกรธเกรี้ยว เมื่อถึงเวลาทางเทศมณฑลอาจจะส่งกองทัพออกมาโจมตีเล่นงานหมู่บ้านเร้นลับ พวกเขาที่ไม่มีอู๋ฝานอยู่ด้วยย่อมยากที่จะหาทางเอาชนะ
“หา?!” ที่ปรึกษาที่ตกอยู่ในห้วงความคิด ตอนนี้ได้สติกลับมาก็เพราะหวังปิงเข้ามาพูดคุย เขาพยายามถอยกลับเพื่อหลบเลี่ยงอีกฝ่าย ถึงขนาดลืมไปว่าตนเองอยู่บนหลังม้า ดังนั้นการถอยตัวของเขาจึงทำให้ร่วงจากม้ากระแทกพื้น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ท่าทีเงอะงะของที่ปรึกษาทำให้หน่วยรักษาการณ์ของหมู่บ้านเร้นลับหัวเราะออกมา โดยเฉพาะหนิวเอ้อที่หัวเราะดังเป็นพิเศษ เสียงนั้นดังจนทำให้ผู้คนด้านในหมู่บ้านได้ยินกันถ้วนหน้า
ขณะที่เสียงหัวเราะนี้ถึงกับทำให้ที่ปรึกษาหน้าเจื่อน
“ที่ปรึกษา ท่านเป็นไรหรือไม่ขอรับ?” หวังปิงเดินเข้ามาสอบถาม
“จะทำอะไรอีก?” เมื่อที่ปรึกษาเห็นหวังปิงเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบถอยกลับไปอย่างร้อนรนอีกครั้งหนึ่ง “ข้าขอเตือน ข้าคือที่ปรึกษาแห่งเทศมณฑลชิงหยวน! หากสังหารข้า พวกเจ้าทุกคนจะกลายเป็นผู้ร้ายของราชสำนัก! สุดท้ายศีรษะพวกเจ้าจะถูกสะบั้นร่วงหล่น!”
ที่ปรึกษาล้มลุกคลุกคลานกับพื้น พยายามถดตัวถอยหลบ ต่อหน้าอันตรายคุกคาม เขาไม่อาจคงความสงบไว้ได้อีกต่อไป
“ที่ปรึกษา พวกเราไม่ได้จะสังหารใคร แล้วก็ยังไม่ได้สังหารใครด้วยขอรับ” หวังปิงชี้ไปทางเจ้าหน้าที่ทั้งหลายบนพื้น “พวกเราเพียงทำตามคำสั่งนายท่านของพวกเรา นั่นคือการไม่อนุญาตให้ใครก็ตามเข้าหมู่บ้าน ขอเพียงพวกท่านไม่เข้ามายังหมู่บ้าน ก็ไม่มีเรื่องอะไรต่อกันทั้งนั้นขอรับ”
แม้คำพูดของหวังปิงไม่ได้ดุร้าย แต่ความหมายนั้นชัดเจน ที่ปรึกษาได้ฟังย่อมเข้าใจว่าหากพวกเขายังไม่ได้เข้าไปยังหมู่บ้าน ก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งสิ้น แต่ถ้ายังยืนกรานจะเข้าไปให้ได้ เช่นนั้นก็ต้องแบกรับถึงผลที่จะตามมา ถึงไม่ลงมือสังหาร ทว่าก็คงต้องมีการเสียเลือดเนื้อ เหมือนดังที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
ตอนนี้พวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร?
ฝืนบุกเข้าไปในหมู่บ้าน หรือว่ายอมถอย?
ที่ปรึกษาใช้เวลาไม่นานก็ตัดสินใจได้ ตอนนี้เขาหันไปตะโกนบอกบรรดาเจ้าหน้าที่ “พวกเรากลับ!”
สิ้นคำ เขาก็ปีนขึ้นหลังม้าด้วยท่าทีทุลักทุเล ก่อนจะควบขี่ม้าไปโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นที่ปรึกษาถอนตัวไปก่อนแล้ว พวกเขาจึงกล้ำกลืนอาการเจ็บช้ำขี่ม้าตามกลับไป
การกลับไปอย่างสะบักสะบอม ย่อมทำให้ใจของที่ปรึกษาไม่ยินดี แต่เขาก็ทราบว่ามันเป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว หากยังฝืนบุกเข้าหมู่บ้านเร้นลับ สิ่งที่รอคอยพวกเขาคือการต่อต้านที่หนักข้อมากขึ้นของหน่วยรักษาการณ์ประจำหมู่บ้าน เมื่อครู่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักปกครองเหล่านี้ไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้ ถ้ายังดื้อดึงบุกเข้าไปต่อ พวกเขาจะถูกทุบตีเล่นงานอีกครั้ง ผลลัพธ์จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
“โอ้! โอ้!…”
เมื่อเห็นกลุ่มคนอวดดีเมื่อครู่หนีหาย หน่วยรักษาการณ์แห่งหมู่บ้านเร้นลับจึงโห่ร้องออกมา เจ้าหน้าที่เหล่านั้นที่ในอดีตพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะสู้หน้า ทว่าตอนนี้กลับมีสภาพเช่นที่เห็น
หนิวเอ้อก็ร่วมยินดีด้วยเช่นกัน การต่อสู้เมื่อครู่เขาคือคนที่ลงมือรวดเร็วและหนักมือที่สุด ตอนนี้ประสบความสำเร็จจะดีใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“หนิวเอ้อ อย่าเพิ่งคลายความระวัง ข้าคาดเดาว่าคนพวกนี้คงจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ คอยเตรียมหน่วยลาดตระเวนรอบหมู่บ้านไว้ให้ดี นายท่านหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหมู่บ้าน พวกเราต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” หวังปิงกล่าวบอกกับหนิวเอ้อ
“วางใจได้ หนิวเอ้อคนนี้จะไม่ให้ไอ้เวรหน้าไหนมันได้เหยียบย่างเข้าหมู่บ้าน!” หนิวเอ้อตอบรับด้วยความมั่นใจ
หวังปิงพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับเข้าหมู่บ้านไป ทว่าหนิวเอ้อกลับเรียกเอาไว้
“หวังปิง ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเจ้าหงอต่อหน้าคนพวกนี้ ไม่นึกเลยว่าพอต้องลงมือก็ไม่ไว้หน้าเช่นเดียวกัน” หนิวเอ้อพูดกับหวังปิง
การต่อสู้เมื่อครู่ หวังปิงถือเป็นคนที่ลงมือได้ดุดันที่สุดรองจากหนิวเอ้อ
“ไม่ใช่การหงอ แต่เรียกว่าพูดคุยด้วยมารยาทก่อน” หวังปิงตอบกลับอย่างจนใจ “สิ่งที่ดีที่สุดคือไม่เกิดการปะทะ ทว่าหากเลี่ยงไม่ได้ ข้าก็ไม่คิดมากมารยาทกับพวกเขา ข้าเพียงทำตามคำสั่งของนายท่าน พวกเราจะไม่สร้างปัญหาอะไรจนเกินควร แต่ก็ไม่ต้องหวาดกลัวผู้อื่น”
“เข้าใจแล้ว เจ้ามีจุดยืนเช่นนี้ ต่างกับข้าที่ชอบแก้ปัญหาด้วยหมัดก่อน” หนิวเอ้อโบกหมัดไปมาพลางตอบ
หวังปิงส่ายหน้าและไม่คิดตอบอะไรหนิวเอ้ออีก เพราะอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง จึงทราบดีว่าอีกฝ่ายมีนิสัยเช่นไร
อีกทางหนึ่ง ที่ปรึกษาผู้นำกลุ่มเจ้าหน้าที่เดินทางกลับเทศมณฑลด้วยสภาพสะบักสะบอมนั้น เขาตรงกลับไปพบกัวจื่อหมิง
“กลับมาแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้าง?” กัวจื่อหมิงเห็นที่ปรึกษากลับมาแล้วจึงรีบเอ่ยถาม
เรื่องสัตว์เลี้ยงหลังภูเขาของหมู่บ้านเร้นลับ เป็นสิ่งที่กัวจื่อหมิงคาดหวังเอาไว้ไม่ใช่น้อย เพราะเรื่องของขวัญก่อนหน้านี้ ทำให้จักรพรรดิและองค์หญิงเจ็ดโกรธกริ้วไม่พอใจ หากไม่รีบแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที เส้นทางอาชีพของเขาจะได้รับผลกระทบ อาจถึงขั้นไม่สามารถก้าวหน้าไปกว่าตำแหน่งผู้ปกครองเทศมณฑลได้
“นายท่าน ข้าน้อยทำไม่สำเร็จขอรับ พวกเราไม่อาจทำภารกิจที่นายท่านมอบหมายได้” ที่ปรึกษาเผยความละอายใจและสำนึกผิดตอบกลับมา
“เกิดอะไรขึ้น? แค่จับสัตว์เลี้ยงในป่าไม่น่าใช่งานยากนี่ แค่นี้ทำไม่ได้หรืออย่างไร?” เมื่อกัวจื่อหมิงที่ได้ยินคำตอบของที่ปรึกษา จึงขมวดคิ้วไม่พอใจ
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยถูกหยุดเอาไว้ ทำให้ไม่อาจเข้าถึงด้านหลังภูเขาได้ขอรับ” ที่ปรึกษาตอบกลับมา “เจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปพร้อมกับข้าต่างก็ถูกเล่นงานกลับมา”
“ว่าอย่างไรนะ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?” กัวจื่อหมิงเลิกคิ้วขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ากำลังรอฟังเรื่องราวจากที่ปรึกษา
เมื่อเห็นดังนั้นที่ปรึกษาจึงรีบอธิบายเรื่องราวการเดินทางสู่หมู่บ้านเร้นลับ