ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 404 เป็นเขา?!
บทที่ 404 เป็นเขา?!
บทที่ 404 เป็นเขา?!
เป้ยอวี่ฉวนกัดฟันกรอด แม้จะยังต่อต้านแต่ก็รับรู้ได้ว่ากระบี่ในมือกำลังสั่นเทาและหนักอึ้ง มันหนักขนาดที่เธอแทบไม่อาจถือต่อ ยิ่งขยับเคลื่อนไหวออกกระบวนท่ามากเท่าใด ตนก็ยิ่งเปราะบางราวกับจะแตกสลายมากขึ้นเท่านั้น
แต่เธอจะยอมแพ้งั้นเหรอ?
ไม่มีทาง!
เธอขอตายที่นี่ตรงนี้ดีกว่ายอมจำนน!
ตอนที่ถูกคนกลุ่มนี้บุกเล่นงาน เป้ยอวี่ฉวนก็เตรียมใจตายไว้อยู่แล้ว สำหรับเธอความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เพียงแค่นึกเสียดายที่ตัวเองอ่อนแอจึงไม่อาจล้างแค้นให้เจ้าหอและศิษย์พี่น้องร่วมสำนักได้
เธอไม่ยินยอมพร้อมใจ!
“ตึง!”
หนึ่งในกลุ่มคนรับกระบี่ยาวของเป้ยอวี่ฉวนเอาไว้ได้ แต่ก่อนที่เธอจะทันตอบสนอง ร่างของเธอกลับถูกเตะอย่างรุนแรงโดยใครบางคนจากทางด้านหลัง ทั้งร่างถึงกับกระเด็นลอยกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
กลุ่มคนที่ปิดล้อมเล่นงานเป้ยอวี่ฉวนหยุดลงมือก่อนจะเข้าถึงตัวเธอ หนึ่งในนั้นนั่งยอง ๆ ลงเพื่อคว้าคอเสื้อของเธอ พลางยกร่างที่อ่อนแรงขึ้นมา
“เป้ยอวี่ฉวน เธอฆ่าพวกศิษย์น้องของเราอย่างนั้นเหรอ?” บุคคลนั้นเอ่ยคำถามกับเป้ยอวี่ฉวน
“รู้ดีนี่ ฉันเป็นคนฆ่าพวกมันเอง! ฉันอดใจรอที่จะได้ฆ่าไอ้พวกสำนักเที่ยงยุทธ์อย่างพวกแกเพื่อล้างแค้นให้อาจารย์ไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ!” เมื่อเห็นว่าตนเองตกอยู่ในสภาพไร้ซึ่งความหวัง เป้ยอวี่ฉวนกลับไม่เผยแม้ท่าทีหวาดกลัวหรือแตกตื่นออกมา
“เธอร่วมมือกับใคร? มันเป็นใคร? คนจากหอคันธะสงัดงั้นเหรอ?” อีกฝ่ายยังคงถาม
“มีแค่ฉัน ไม่มีใครอื่น!”
“เป็นไปไม่ได้! เมื่อคืนเธอบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีทางที่จะสังหารศิษย์น้องของพวกเราในสภาพนั้นได้แน่ เธอจะต้องมีคนช่วยเหลือ มันเป็นใครและอยู่ที่ไหน? บอกออกมาแล้วฉันจะไว้ชีวิต” อีกฝ่ายไม่มีท่าทีเชื่อคำพูดของเป้ยอวี่ฉวนแม้แต่น้อย
“ศิษย์พี่น้องของพวกแก ฉันฆ่าพวกมันทั้งหมดด้วยมือตัวเอง ไม่มีคนอื่น” เป้ยอวี่ฉยวนตอบกลับ
“เหอะ!” อีกฝ่ายตบหน้าเป้ยอวี่ฉวน ก่อนจะเตะร่างเธอไถลไปกับพื้น สุดท้ายจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดุร้าย “รนหาที่ตาย!”
เขาหันมองกลุ่มคนของตนเอง “พวกนายอยากลองรสชาติผู้หญิงจากหอคันธะสงัดกันใช่ไหม? อยากได้ท่าไหนก็เอา”
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่!”
“ศิษย์พี่ใหญ่ดีกับพวกเราเสมอเลย”
“ผมอยากลองรสชาติผู้หญิงจากหอคันธะสงัดมานานแล้วครับศิษย์พี่ใหญ่ วันนี้ได้มีโอกาสซะที”
กลุ่มคนที่ล้อมเป้ยอวี่ฉวนเริ่มเผยวาจาเลวทรามและแสดงออกทางสีหน้า ส่วนคนที่พยายามรีดข้อมูลจากเป้ยอวี่ฉวนเมื่อครู่เพียงมองอย่างเฉยชา เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเงียบไปได้ตลอด หลังทรมานและย่ำยีอย่างสาสมอย่างไรก็ต้องเปิดปาก
ในใจเป้ยอวี่ฉวนเกิดความสิ้นหวัง ตอนนี้ในจิตใจของเธอปรากฏภาพอู๋ฝานลอยขึ้นมา เมื่อคืนที่เธอเผชิญกับความสิ้นหวัง ชายหนุ่มก็ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ช่วยทำให้เธอรอดและรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แม้ไม่ทราบชื่อของอีกฝ่าย แต่ในใจของหญิงสาวก็รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้ง
ที่นี่วันนี้ เธอคงไม่บังเอิญโชคดีเจอคนบังเอิญผ่านทางมาเพื่อช่วยชีวิตอีกเป็นครั้งที่สอง
เคราะห์ดีที่เธอไม่ได้กลัวความตาย แต่การถูกย่ำยีก่อนชีวิตดับสิ้นคือเรื่องที่เธอไม่สามารถยอมรับได้
ขณะเป้ยอวี่ฉวนกำลังสิ้นหวังเตรียมกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ทันใดนั้นเองที่สองร่างกลับปรากฏขึ้นอย่างขมุกขมัวจากทางพุ่มไม้ไกล ๆ หนึ่งในนั้นยังเป็นคนที่เธอเพิ่งนึกถึงอยู่เมื่อกี้ด้วยซ้ำ!
เป็นเขา?!
เมื่อเห็นร่างคุ้นเคย เป้ยอวี่ฉวนทั้งตื่นตกใจและยินดี เธอที่ไม่ได้หวังจะพบอีกฝ่ายที่นี่ แต่แล้วเขากลับปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธออีกครั้ง และยังเป็นในช่วงเวลาที่สิ้นหวังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
ไม่เพียงเป้ยอวี่ฉวนที่เห็น แต่ชายคนที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่ใหญ่ก็รู้เช่นกันว่ามีคนเข้ามาแทรกแซง เขากวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือไปมาพร้อมตะโกนถามผู้มาเยือนอย่างไม่เป็นมิตร “พวกแกเป็นใคร?!”
“คนที่บังเอิญผ่านมา” อู๋ฝานตอบกลับขณะมองเป้ยอวี่ฉวนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะหันไปมองทางชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม
คนทั้งสองที่ปรากฏตัวขึ้นไม่ใช่ใครอื่น เป็นอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ เพราะเห็นสถานการณ์ชวนสิ้นหวังของเป้ยอวี่ฉวน ทั้งสองจึงหารือกันเล็กน้อย อย่างไรเมื่อคืนที่ผ่านมาตนก็ได้พบและช่วยเป้ยอวี่ฉวน หากจะให้มองเธอตายลงที่นี่ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจยอมรับได้ ขณะที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ออกมาด้วยก็เพราะต้องการสนับสนุนชายหนุ่ม และอีกเหตุผลก็คือเธอไม่ชอบวิธีการของสำนักเที่ยงยุทธ์
“ผ่านมางั้นเหรอ?” อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางรับรู้ได้ถึงออร่าจากทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ และได้ทราบว่าเป็นคนบนเส้นทางเดียวกันจึงตอบกลับ “งั้นก็ไม่ต้องสนใจเรื่องของพวกเรา นี่เป็นเรื่องของสำนักเที่ยงยุทธ์และหอคันธะสงัด”
“ก็ไม่ได้อยากเข้าไปข้องเกี่ยวหรอก” อู๋ฝานตอบกลับ “แต่บังเอิญฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้น คงต้องขอพาตัวเธอไป”
“พาตัวไป? คิดว่าแค่ขอก็พาไปได้รึไง?” อีกฝ่ายจ้องมองกลับมา “ฉันบอกไปแล้ว นี่เป็นเรื่องของพวกเราสำนักเที่ยงยุทธ์และหอคันธะสงัด ถ้าเข้ามาแทรกแซง ก็จะถือว่าพวกแกกำลังต่อต้านสำนักเที่ยงยุทธ์!”
“เอางั้นก็ได้ แล้วยังไงกันล่ะ?” อู๋ฝานตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ
“ใครขัดขวางสำนักเที่ยงยุทธ์ต้องตาย!” อีกฝ่ายตอบกลับ
“พูดจาใหญ่โตดี” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบเสียงเย็น “กับแค่สำนักชั้นสองดาษดื่น กล้าดียังไงถึงพูดจาอวดดีขนาดนี้?”
“แล้วพวกแกล่ะเป็นใคร? สำนักเที่ยงยุทธ์ของพวกฉันใช่อะไรที่คนอย่างพวกแกจะเหยียดหยามได้งั้นเหรอ?” อีกฝ่ายมองตอบหลิ่วเหยียนเอ๋อร์พร้อมเอ่ยถาม
“ฉันเป็นใคร คนอย่างพวกนายไม่คู่ควรได้รู้” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เผยสีหน้าเหยียดหยัน
อีกฝ่ายมองอู๋ฝาน จากนั้นจึงมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก่อนจะตอบ “พวกแกคิดจะเข้ามาแทรกแซงให้ได้ว่างั้น?”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้อยากแทรกแซงอะไร แค่ต้องการพาตัวเธอไปเท่านั้น” อู๋ฝานชี้เป้ยอวี่ฉวนที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น
เขาไม่ได้มีข้อพิพาทอะไรกับคนของสำนักเที่ยงยุทธ์ เพียงแค่ต้องการช่วยเป้ยอวี่ฉวน
แน่นอนว่าอู๋ฝานไม่รู้ว่าเพราะตนเองทำให้ศิษย์ทั้งหลายของสำนักเที่ยงยุทธ์ชีวิตต้องดับสิ้นด้วยฝีมือของเป้ยอวี่ฉวน ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่คิดว่าตนเองจะไร้ซึ่งข้อพิพาทใดกับสำนักของอีกฝ่าย
“ไอ้หนู รนหาที่ตาย!” อีกฝ่ายรู้สึกราวกับตนเองกำลังถูกอู๋ฝานหยอกล้ออยู่ก็ไม่ปาน
สำนักของเขาต้องการจับกุมตัวเป้ยอวี่ฉวน แต่อู๋ฝานกล่าวว่าไม่ได้ต้องการแทรกแซง เพียงแค่ต้องการพาตัวอีกฝ่ายไป คำพูดกับการกระทำนี้ต่างอะไรกับการเล่นลิ้น?
“ไป ฆ่าพวกมันให้หมดเรื่อง!” อีกฝ่ายออกคำสั่งกับศิษย์น้องของตนเอง
บรรดาศิษย์จากสำนักเที่ยงยุทธ์ที่ตอนนี้อดได้ย่ำยีเป้ยอวี่ฉวนก็นึกเสียดาย ก่อนจะคว้าอาวุธเตรียมสังหารคนทั้งสองที่เข้ามาแทรกแซง
แม้เผชิญหน้ากับการถูกล้อมจากกลุ่มคน แต่ทั้งอู๋ฝานและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กลับไม่เผยอาการหวาดวิตกหรือเกรงกลัวแม้แต่น้อย ทั้งสองรู้ตั้งแต่ก่อนจะแสดงตัวแล้ว ว่าถ้าคิดช่วยคนกลับไปครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเอ่ยปากขอแล้วจะจบเรื่อง
จุดประสงค์เดิมที่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เดินทางมาภูเขาเทียนเหลียงครั้งนี้ก็เพราะเรื่องของแดนลับ เธอรู้ดีว่าจะต้องเจอกับผู้ฝึกตนอื่นระหว่างทาง ดังนั้นจึงเตรียมกระบี่มาพร้อม ทว่าก่อนหน้านี้ซุกซ่อนเอาไว้ในห่อผ้าเท่านั้น ตอนนี้เมื่อหญิงสาวนำมันออกมา ก็เผยให้เห็นว่าเป็นกระบี่เล่มยาวทอประกาย หลังทดสอบกำลังแขนเล็กน้อย เธอจึงเป็นฝ่ายบุกเข้าสังหารเหล่าศิษย์จากสำนักเที่ยงยุทธ์
ขณะที่อู๋ฝานแม้ภายนอกไม่ได้พกอาวุธใดติดตัวมา ทว่าแท้จริงแล้วมันอยู่ในระบบกระเป๋าหลัง แต่เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วยจึงไม่สะดวกนำออกมา ถึงอย่างไรตอนนี้วิชาอันโดดเด่นของเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาวุธ ลำพังแค่การใช้เท้าก็เกินพอ!