ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 405 พวกแกเป็นใครกัน?
บทที่ 405 พวกแกเป็นใครกัน?
บทที่ 405 พวกแกเป็นใครกัน?
การเคลื่อนไหวของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ทั้งปราดเปรียวและว่องไว เพียงช่วงที่ฝุ่นฟุ้งก็แทงกระบี่ออกไปแล้ว แม้จะดูอ่อนนุ่มไร้เรี่ยวแรง ทว่ากลับแฝงไปด้วยกระบวนท่าสังหารทุกจุดตาย หากเทียบกับเมื่อครั้งก่อนที่ประลองในโรงยิม ในตอนนี้หญิงสาวมีความเฉียบคมและอันตรายยิ่งกว่า บรรดาศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์ที่ตอนแรกไม่คิดใส่ใจหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ขณะนี้ได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของเธอแล้ว มันเป็นพลังอำนาจที่พวกเขาไม่กล้าประมาท
ส่วนฝั่งของอู๋ฝานที่พุ่งตัวเข้าหาศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเที่ยงยุทธ์ ก่อนจะลงมือชายหนุ่มได้ใช้วิชาตรวจสอบกับอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายคนที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ชื่อว่าซุนเจี้ยน มีสถานะสูงที่สุดในบรรดากลุ่มคน เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตมืดขั้นต้น เรียกได้ว่าแข็งแกร่งกว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์อยู่เล็กน้อย
ดังนั้นก่อนจะปรากฏตัว อู๋ฝานได้ตกลงกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เรียบร้อยว่าตนเองจะรับมือซุนเจี้ยนเอง ส่วนหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ให้รับมือศิษย์คนอื่นของสำนักเที่ยงยุทธ์ การลงมือครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อสังหารอีกฝ่าย ขอแค่เธอประคองสถานการณ์และกดดันศัตรูเอาไว้ได้ก็พอ
“เลือกได้ดีนี่ไอ้หนู!” เมื่อซุนเจี้ยนเห็นอู๋ฝานบุกตรงเข้าหาตนเอง มุมปากของเขาถึงกับยกขึ้นแสยะยิ้มเย็นยะเยือก กระบี่ยาวพลันแทงออกไป กระบวนท่ากระบี่เป็นประหนึ่งงูเลื้อยออกจากรู มันแทงเข้าหาชายหนุ่มด้วยความเร็วสูงล้ำ
แม้กระบี่ของซุนเจี้ยนรวดเร็วแล้ว แต่อู๋ฝานรวดเร็วยิ่งกว่า!
ขณะอู๋ฝานใกล้ถึงตัวซุนเจี้ยน ทั้งร่างพลันกระโดด ใช้เท้าขวาเตะด้วยความเร็วสูงขนาดทิ้งภาพติดตาไว้กลางอากาศ หากมองจากทางฝั่งของซุนเจี้ยน ก็จะเห็นอู๋ฝานประหนึ่งส่งลูกเตะออกมานับสิบครั้งอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นดังนั้นซุนเจี้ยนจึงแตกตื่น ข้อมือบิดพลิกหันเหทิศทางการโจมตี ทว่าอู๋ฝานก็เปลี่ยนกระบวนท่าไล่ตามติดอย่างรวดเร็ว ขณะที่กระบี่ยาวของซุนเจี้ยนเกือบเข้าถึงสีข้างของเป้าหมาย เท้าของชายหนุ่มก็เตะใส่ข้อมือของซุนเจี้ยนประหนึ่งแหวกสายลมเข้าหา
ร่างกายของอู๋ฝานห่อหุ้มไว้ด้วยอุปกรณ์สวมใส่หลายอย่าง เมื่อรวมกับปัจจุบันเลเวลสิบสาม ค่าสถานะโดยรวมจึงไม่ใช่ต่ำเตี้ยอีกต่อไป พละกำลังปกติก็มากกว่าคนทั่วไปมากแล้ว ดังนั้นลูกเตะนี้ที่พุ่งเข้าหาข้อมือของซุนเจี้ยนจึงเกิดเสียงกระดูกแตกร้าว สุดท้ายร่างกระเด็นลิ่วไปตามแรงเตะ
“อ๊าก!”
ซุนเจี้ยนแผดเสียงร้องออกมา ขณะที่ความเจ็บปวดโลดแล่นแผ่ขยาย กระบี่ยาวในมือก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้อีกต่อไป มันกระเด็นร่วงหล่น ใบหน้าของเขาซีดเผือด มือขวาหักพับลงอย่างผิดธรรมชาติ
เพียงแต่การโจมตีขาห่วงโซ่ของอู๋ฝานรวดเร็วและยังไม่จบกระบวนท่า เมื่อลูกเตะที่หนึ่งผ่านไป ลูกเตะที่สองก็ตามติด ๆ เรียกได้ว่าไม่เปิดโอกาสให้ซุนเจี้ยนได้ทันตอบสนอง
“ตึง!”
ลูกเตะของอู๋ฝานเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหน้าท้องของซุนเจี้ยน เป็นการเตะสกัดร่าง เพราะเขาไม่คิดเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหาทางหลบเลี่ยง ทั้งร่างประหนึ่งเป็นเงาที่เข้าใกล้ซุนเจี้ยน ลูกเตะยังคงพุ่งออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแค่ช่วงเวลาห้าวินาที ชายหนุ่มกลับเตะออกไปแล้วอย่างน้อยห้าสิบครั้ง!
“ตึง!”
ขณะปะทะกับลูกเตะสุดท้าย ร่างซุนเจี้ยนก็กระเด็นลิ่วถอยกลับ อู๋ฝานเก็บเท้ากลับไปยืนอย่างมั่นคง ขณะที่ซุนเจี้ยนร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ผ่านไปสักพักตัวคนก็ยังไม่อาจลุกขึ้นมาได้
เป้ยอวี่ฉวนที่เดิมตกอยู่ในอาการสิ้นหวัง ตอนนี้กลับจ้องภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับฝันไป
อู๋ฝานที่ช่วยตนเองเอาไว้เมื่อคืน เธอก็พอทราบแล้วว่าเขาแข็งแกร่ง เพียงแต่ไม่นึกคิดว่าจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้!
อีกฝ่ายคือศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเที่ยงยุทธ์ อีกทั้งยังสำเร็จถึงขอบเขตมืดขั้นต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะเป็นช่วงที่เป้ยอวี่ฉวนมีกำลังพร้อมรบเต็มที่ อย่างมากเธอก็ทำได้เพียงเสมอกับอีกฝ่าย หากคิดเอาชนะง่าย ๆ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้
แต่ต่อหน้าอู๋ฝาน อีกฝ่ายกลับไร้เรี่ยวแรงตอบโต้แม้แต่หนึ่งกระบวนท่าซะด้วยซ้ำ กระทั่งล้มพับไปเพราะชายหนุ่มลงมือ เพียงชั่วอึดใจ สภาพที่เห็นยังบาดเจ็บอย่างหนัก เป้ยอวี่ฉวนที่เห็นสถานการณ์ดังกล่าวยังถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
เขาเป็นใคร? เป็นศิษย์สำนักไหนกันแน่ เพราะอะไรถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!
คนที่ตกใจกับฝีมือของอู๋ฝานไม่ใช่มีเพียงเป้ยอวี่ฉวน เพราะศิษย์จากสำนักเที่ยงยุทธ์ตกใจยิ่งกว่า
เดิมตอนเห็นอู๋ฝานบุกเข้าหาซุนเจี้ยน พวกเขายังนึกลำพองใจรอชมอู๋ฝานถูกเล่นงานจนสาหัส หรือไม่ก็ถูกศิษย์พี่ใหญ่ของพวกตนสังหารทิ้งตายคาที่ เพราะด้วยฐานะศิษย์แห่งสำนักเที่ยงยุทธ์ พวกเขาทราบดีว่าซุนเจี้ยนแข็งแกร่งเพียงใด อีกฝ่ายที่ดูไปแล้วอายุเพียงแค่ยี่สิบกลาง ๆ ต่อให้แข็งแกร่งที่สุดในช่วงอายุดังกล่าวก็ไม่มีทางต่อกรกับซุนเจี้ยนได้
แต่เรื่องราวที่พวกเขาคาดหวังกลับไม่ปรากฏ ไม่เพียงอู๋ฝานไม่ได้รับบาดเจ็บ กระทั่งเป็นซุนเจี้ยนเองที่ไร้ความสามารถในการโต้กลับ และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ไปในชั่วอึดใจ ทั้งยังเผชิญสภาพบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจสู้ต่อ
เรื่องแปลกประหลาดเกินไป มันไม่ควรเป็นแบบนี้!
เหล่าศิษย์แห่งสำนักเที่ยงยุทธ์พบว่าความจริงที่เห็นกับตาเป็นเรื่องยอมรับได้ยาก
เหล่าศิษย์จากสำนักเที่ยงยุทธ์เสียสมาธิเพราะเรื่องฝั่งซุนเจี้ยน ทำให้พวกเขาเริ่มเปิดช่องโหว่ให้เห็นมากยิ่งขึ้น
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนอ่อนแอ และเหล่าศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์ก็ตระหนักแล้วว่าพวกตนเสียสมาธิไป
กระบี่ยาวแทงเข้าไปยังบริเวณซี่โครงของหนึ่งในศิษย์จากสำนักเที่ยงยุทธ์ อีกฝ่ายที่เอาแต่หันไปมองสภาพของซุนเจี้ยน พลันพบว่าสีข้างของตนถูกหลิ่วเหยียนเอ๋อร์เล่นงาน ก่อนเขาจะแผดร้องออกมาและล้มลงไปทุรนทุรายกับพื้น
ศิษย์จากสำนักเที่ยงยุทธ์ที่ยังเหลืออยู่ต่างต้องตั้งสติกันใหม่ แต่เพราะสภาพของซุนเจี้ยนเป็นอะไรที่ทำให้เสียสมาธิ การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงผิดเพี้ยนเปิดช่องโหว่ ทำให้ยากที่จะสามารถมีชัยเหนือหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ได้
อีกทางหนึ่ง อู๋ฝานที่เพิ่งจัดการซุนเจี้ยนได้ก็เข้ามาสนับสนุนฝั่งนี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายบุกเข้าหา เหล่าศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์จึงยิ่งแตกตื่น กระทั่งซุนเจี้ยนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขายังมีสภาพแบบนั้น พวกเขาเองก็คงจะเผชิญสภาพที่เลวร้ายยิ่งกว่า
อีกทั้งพวกเขากำลังตกเป็นรองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ กระทั่งแทบไม่สามารถจะเอาชัยจากเธอได้ด้วยซ้ำ
ผลลัพธ์ก็เป็นดังที่คาด เมื่ออู๋ฝานเข้าร่วมจัดการ จึงยิ่งเป็นการเร่งความพ่ายแพ้ของเหล่าศิษย์สำนักเที่ยงยุทธ์ เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ทุกคนก็ล้มลงกับพื้น ไม่สามารถต่อสู้ตอบโต้ได้ พวกเขาที่นอนทอดร่างทำได้เพียงมองอีกฝ่ายอย่างหวาดเกรง
“หอคันธะสงัดไม่มีผู้ชาย พวกแกเป็นใคร!?” ซุนเจี้ยนใช้เสียงที่อ่อนแรงพยายามตะโกนถามอู๋ฝาน
“บอกแล้วไง ว่าแค่คนบังเอิญผ่านทางมา” อู๋ฝานเมินเฉยอีกฝ่ายก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเป้ยอวี่ฉวน “พวกเราเจอกันอีกครั้งแล้ว ทำไมเจอกันทุกครั้งคุณต้องบาดเจ็บแบบนี้ด้วยนะ?”
เป้ยอวี่ฉวนนึกอับอายอยู่ครู่หนึ่ง “ขอบคุณค่ะ คุณช่วยฉันเอาไว้อีกแล้ว”
“พวกเราสองคนคงมีชะตาต้องเจอกันละมั้งครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “เป็นยังไงบ้างครับ ลุกไหวไหม?”
เป้ยอวี่ฉวนพยายามแล้ว แต่กลับพบว่าทั้งร่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง อาการบาดเจ็บเดิมของเธอยังไม่ฟื้นกลับคืนเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เมื่อได้รับบาดเจ็บ จึงซ้ำเติมแผลเก่าให้หนักหนา สภาพตอนนี้จึงเลวร้ายกว่าเมื่อวานพอสมควร
เป้ยอวี่ฉวนส่ายหน้า เป็นการบอกว่าลุกขึ้นไม่ไหว ขณะอู๋ฝานคิดเข้าไปช่วยพยุงเธอขึ้นมา หลิ่วเหยียนเอ๋อร์กลับเป็นฝ่ายเดินเข้ามาเสนอตัว “ฉันช่วยเองค่ะ”
อู๋ฝานถึงกับต้องมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ เธออยากจะอาสาช่วยคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่เพราะหญิงสาวเข้าไปช่วยแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยให้ซ้ำซ้อนอีก
“พวกแกเป็นใครกันแน่? หาเรื่องสำนักเที่ยงยุทธ์ อย่าคิดว่าเรื่องนี้มันจะจบง่าย ๆ!” เมื่อซุนเจี้ยนเห็นอู๋ฝานเมินตัวเอง ตอนนี้จึงยิ่งโกรธแค้น
“หุบปาก!” อู๋ฝานเตะเขาโดยไม่ได้ออกกระบวนท่าซะด้วยซ้ำ ทว่าร่างอีกฝ่ายกลับเป็นประหนึ่งผลไม้ป่าที่ถูกเตะกระเด็นลิ่ว กระทั่งว่ากระอักเลือดออกจากปาก